With Love
ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 1
ลมสงบ ต้นไม้ยืนนิ่ง บรรยากาศเงียบเหงาวังเวง
เซี่ยงหยวนสะพายกระเป๋ายืนนิ่งอยู่ข้างๆ มือทั้งสองซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อฮู้ด ศีรษะที่ถูกหมวกฮู้ดรัดแน่นกำลังแหงนมองดวงดาวประปรายบนท้องฟ้าแล้วทอดถอนใจ
เธอจำได้ว่าสมัยเรียน ม.ปลาย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอให้เฟิงจวิ้นไปหาสวีเยี่ยนสือเพื่อขอให้เขาเขียนจดหมายทบทวนความผิดเป็นภาษาอังกฤษให้ แต่เฟิงจวิ้นบอกว่าสวีเยี่ยนสือไม่มีทางรับปากแน่ เซี่ยงหยวนดึงดันจะให้เฟิงจวิ้นไปถามดูให้ได้ ปรากฏว่าสวีเยี่ยนสือตอบตกลง ทั้งยังพูดว่า ‘ให้เธอเอามาสิ’ น้ำเสียงจากโทรศัพท์ในตอนนั้นก็เหมือนกับเมื่อครู่นี้ เย็นชาไม่เคยเปลี่ยน
เรื่องราวในอดีตนึกแล้วก็ชวนให้ห่อเหี่ยวใจจริงๆ
เธอรู้สึกว่าเขามักจะแสดงท่าทีเฉยๆ แต่ก็ ‘ไม่เคยปฏิเสธใครเลย’ กับคนอื่นอยู่เสมอ
ริมทางหลวง ลมเหนือกำลังพัดแรง เสียงลมดังชัดเจน กิ่งไม้เปลือยเปล่าแผ่สูงดูน่ากลัว แต่ดวงจันทร์บนเนินเขากลับสว่างเรืองรองราวกับกระจกอันวาววับ แสงจันทร์สีเงินยวงสกาวใสชวนให้รู้สึกเยือกเย็นเหมือนแช่อยู่ในน้ำ ทั้งยังสาดแสงปกคลุมเนินเขาลูกแล้วลูกเล่าที่อยู่ไกลออกไป ด้านหลังเซี่ยงหยวนคือทะเลทรายโกบี* อันกว้างใหญ่ไพศาล ส่วนข้างกายคือผู้ชายที่เหมือนหุ่นน้ำแข็งแกะสลักสองคน
ผ่านไปสิบนาทีรถก็มาถึง
หลังจากเกาเหลิ่งตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์กับคนขับเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปนั่งข้างคนขับโดยไม่สนใจใคร
เซี่ยงหยวนถูกแย่งที่นั่งเสียแล้ว เธอชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยื่นขาออกไปอย่างรวดเร็ว ขวางประตูรถไว้ไม่ให้เขาปิด จากนั้นก็กัดฟันถามเขาเสียงเบา
“คุณมาแย่งที่นั่งฉันทำไม”
เกาเหลิ่งไม่สนใจเธอ เขาถามคนขับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นี่เป็นที่นั่งของเธอเหรอ”
คนขับตอบกลับมาอย่างไม่ไว้หน้าว่าไม่ใช่
เกาเหลิ่งยักคิ้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงและทำทีจะปิดประตูรถ แต่ก่อนที่ประตูจะถูกปิดสนิทเขาก็คว้าที่จับประตูแล้วเสริมขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เมื่อกี้คุณบอกผมว่าเขาหล่อมาก ชอบเขามากไม่ใช่เหรอ” จากนั้นเขาก็ผายมือออกทำท่าเหมือนเชิญแขกขึ้นนั่ง “เอาเลยสิ ขอยกตำแหน่งวีไอพีให้คุณ”
เซี่ยงหยวนพูดไม่ออก
รถเทียน่าสีดำที่ผลิตจากญี่ปุ่นขับอยู่บนท้องถนนอย่างเรียบเรื่อย ทิวทัศน์สองฝั่งถอยไปข้างหลัง ขณะที่รถทะยานไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เกาเหลิ่งเล่นมือถือด้วยความหงุดหงิดใจอยู่ได้ไม่กี่นาทีก็ล็อกหน้าจอเสียงดัง ‘คลิก’ จากนั้นก็ใช้มือยันศีรษะแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง คิดว่าตอนนี้ตัวเองเป็นตัวอย่างของคนที่ ‘รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง’ หรือเปล่า อีกทั้งเมื่อครู่นี้ลูกพี่ก็รับปากว่าจะช่วยแก้ปัญหาให้เขาแท้ๆ
ถึงแม้ว่าสวีเยี่ยนสือจะปากร้าย เวลาพูดจาไม่ค่อยไว้หน้าใครจึงล่วงเกินคนมาไม่น้อย แถมมีเพื่อนไม่มากอีกด้วย แต่คนที่เขามองว่าเป็นเพื่อนจริงๆ เขาจะใส่ใจความรู้สึกของคนเหล่านั้นมาก แล้วจะพูดว่าลูกพี่ไม่ใช่คนอบอุ่นได้อย่างไร
เขาเป็นคนอบอุ่นแน่นอน คนปกติอาจไม่เข้าใจความอบอุ่นของเขา แต่อย่างน้อยคนในทีมและเกาเหลิ่งฟังคำพูดทิ่มแทงจิตใจของลูกพี่มาเยอะจนชินชา นานๆ ทีพอได้ยินคำว่า ‘กินข้าวหรือยัง’ จากปากเขาก็รู้สึกว่าเป็นความห่วงใยแบบฉบับโวลเดอมอร์ในวันสิ้นโลก
เขาสองคนเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์พิเศษยิ่งกว่าใคร แม้สวีเยี่ยนสือจะไม่พูด แต่เกาเหลิ่งก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ค่อยฉลาดนัก เรียนรู้อะไรก็ช้า หลายๆ ครั้งหากไม่มีลูกพี่คอยตามล้างตามเช็ดให้เขาอยู่ข้างหลัง เขาก็คงไม่มีผลงานอย่างทุกวันนี้หรอก
อันที่จริงสมัยเรียนหนังสือด้วยกันความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองก็ธรรมดา สวีเยี่ยนสือไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนในสาขานัก เกาเหลิ่งจำได้ว่าตอนนั้นสวีเยี่ยนสือเหมือนกำลังเตรียมสอบปริญญาโทอยู่จึงสิงอยู่ในห้องสมุดแทบทั้งวัน เนื่องจากคะแนนของเขาโดดเด่นที่สุดในสาขา แม้แต่อาจารย์เปาที่ได้รับฉายาว่า ‘เปาบุ้นจิ้นผู้ไม่ไว้หน้าใคร’ ของสาขาการสำรวจและทำแผนที่ พอเจอหน้าใครก็ชื่นชมให้ฟังว่าสวีเยี่ยนสือเป็นลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจ แต่เกาเหลิ่งนึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสองจะได้เข้าฝึกงานในบริษัทเดียวกัน ซึ่งก็คือบริษัทเหวยหลินอิเล็กทริกเทคโนโลยี
เหวยหลินอิเล็กทริกเทคโนโลยีเป็นบริษัทที่วิจัยผลิตภัณฑ์ไอทีติดรถยนต์ หลักๆ คือจะทำอุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องนำทางติดรถยนต์ เครื่องระบุพิกัด และเครื่องตรวจจับตำแหน่ง เป็นต้น ในอดีตมีชื่อเสียงในวงการอย่างมาก แต่ตอนนี้ตลาดเครื่องนำทางติดรถยนต์แทบจะถูกจีพีเอสผูกขาดไปหมดแล้ว ส่วนบริษัทเหวยหลินเข้ามาในวงการเร็ว ทั้งยังเป็นแบรนด์เก่าแก่ที่มีชื่อเสียง ตอนนี้จึงเป็นหนึ่งในบริษัทเพียงไม่กี่แห่งของวงการที่ยังร่วมมือกับคนใหญ่คนโตของประเทศอยู่ แต่เมื่อสองสามปีที่ผ่านมาสินค้าไอทีในอินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์อัจฉริยะติดรถยนต์มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทเหวยหลินสู้สมัยที่รุ่งเรืองสุดขีดไม่ได้แล้ว ปีที่แล้วแม้แต่ส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์เก่าก็ยังทยอยลดต่ำลง ทางสำนักงานใหญ่ประกาศว่าถ้าผลิตภัณฑ์ใหม่ของปีนี้ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นก็อาจพิจารณาปิดบริษัทลูกไปหนึ่งแห่ง สถานการณ์จึงค่อนข้างตึงเครียด
แล้วบัณฑิตที่จบจากสาขาการสำรวจและทำแผนที่อย่างพวกเขา หากไม่เรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอก แถมผลการเรียนสมัยปริญญาตรีก็ไม่ค่อยโดดเด่น ส่วนใหญ่จะทนความยากลำบากของบริษัทสำรวจที่ต้องไปลงพื้นที่ภาคสนามประจำจุดต่างๆ ในระยะแรกไม่ไหว สุดท้ายก็จะเปลี่ยนอาชีพไปเขียนโค้ด เพราะบริษัททางด้านไอทีมีมากและหลากหลายประเภทจึงหางานได้ง่าย ตอนที่เกาเหลิ่งได้เข้ามาทำงานในบริษัทแห่งนี้เรียกได้ว่าส้มหล่นของแท้ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วสวีเยี่ยนสือก็เข้ามาทำงานในบริษัทนี้เช่นกัน แต่ด้วยคุณสมบัติของสวีเยี่ยนสือ ความจริงแล้วเขาสามารถเรียนต่อจนจบปริญญาเอก จากนั้นค่อยเลือกศึกษาวิจัยด้านจีพีเอส แบบนั้นทั้งดูดีและก้าวหน้ามากกว่า
ดังนั้นในวันที่ไปรายงานตัว ตอนที่เกาเหลิ่งเห็นสวีเยี่ยนสือก็อ้าปากค้างตกตะลึงจนกรามแทบหลุด ‘คนเมพขิงๆ’ ในสาขาการสำรวจและทำแผนที่ของมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนร่วมงานของตัวเองไปเสียนี่ แต่ตอนนั้นทั้งสองคนยังไม่ค่อยสนิทกัน เกาเหลิ่งเองก็ไม่ค่อยกล้าไปรบกวนเขา พอทักทายแบบงกๆ เงิ่นๆ เสร็จก็กลับไปนั่งประจำที่ของตัวเอง
สวีเยี่ยนสือในตอนนั้น สำหรับเกาเหลิ่งคือเทพบุตรระดับจักรวาลที่เขาได้แต่มองอยู่ไกลๆ ไม่กล้าแตะต้อง แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าสวีเยี่ยนสือที่กลายเป็นเพื่อนร่วมงานของเขาไม่ใช่คนที่เข้าถึงยากแม้แต่น้อย แถมขณะที่ตนเองพูดคุยวิธีคำนวณกับเจ้านายแล้วตอบไม่ได้ สวีเยี่ยนสือก็ยังยื่นมือเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ให้
‘เขาไม่ได้ร่วมทำโปรเจ็กต์นี้ ไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกติ’
เจ้านายที่ตอนแรกคิดจะตำหนิเล็กน้อย แต่หลังจากได้ยินคำอธิบายของสวีเยี่ยนสือก็โมโหเสียยกใหญ่ ตบโต๊ะดังปัง โกรธจนห้องประชุมแทบแตก
‘นี่เป็นโปรเจ็กต์ที่เขาเป็นคนรับผิดชอบ แต่คุณบอกว่าเขาไม่ได้ร่วมทำงั้นเหรอ!’
‘งั้นเหรอ ผมคงจำผิด’ สวีเยี่ยนสือพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน
เขาดูเหมือนจะมีแค่สีหน้าเดียว นั่นก็คือความสงบเยือกเย็น บางทีเมื่อยั่วโมโหหนักเข้า พอเจ้านายขาดสติก็จะด่าเขา
‘สวีเยี่ยนสือ คุณหุบปากไปเลย สรุปแล้วผมกับคุณใครเป็นเจ้านายกันแน่’
‘ได้ครับ’ สวีเยี่ยนสือใช้นิ้วกลางดันแว่น เป็นการแสดงออกถึงความโกรธของตัวเองอย่างสง่างามและไร้สุ้มเสียง
ในตอนนั้นเองเกาเหลิ่งกลายเป็นแฟนคลับของเขาเต็มตัว แบบนี้สิที่เรียกว่าคนหน้าเนื้อใจเสือ แบบนี้สิที่เรียกว่าราชา
ทุกครั้งเวลาที่เกาเหลิ่งงอนอยู่ฝ่ายเดียว สุดท้ายตอนที่บากหน้ามาขอคืนดีด้วย สวีเยี่ยนสือมักไม่รู้สาเหตุที่เกาเหลิ่งโกรธ แต่ครั้งนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังดูออก อย่าว่าแต่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ต่อให้เขาทำผิดก็ไม่มีทางง้อใครทั้งนั้น แล้วอีกอย่างเกาเหลิ่งทำตัวอย่างกับเด็กผู้หญิง น่ารำคาญเหลือเกิน สวีเยี่ยนสือเลยปล่อยให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์อยู่ข้างหน้าสักพัก ดังนั้นพวกเขาจึงนั่งเงียบมาตลอดทาง ขณะที่ดวงดาวพร่างพรายนอกหน้าต่างกำลังเปล่งแสงระยิบระยับ
เซี่ยงหยวนที่นั่งอยู่ข้างหลังดึงเสื้อมาห่อตัวเองไว้แน่น โบที่หมวกฮู้ดถูกเปลี่ยนเป็นเงื่อนตาย แต่เธอก็ยังไม่วายผูกให้แน่นขึ้นกว่าเดิม แถมยังผูกซ้ำอีกชั้นเพื่อความแน่ใจ สวีเยี่ยนสือเห็นท่าทางของเธอคล้ายกับกลัวถูกข่มขืนก็เบือนหน้าออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย
ทำท่าเยาะเย้ยแบบนี้อีกแล้วนะ…