With Love
ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 1
ส่วนเด็กน้อยสวีเฉิงหลี่ยังคงรักษาสีหน้าเย็นชาไว้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ เขากำลังใช้ไอแพดดูการ์ตูนอยู่ แถมเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเสียด้วย ดูแล้วเหมือนการ์ตูนประเภท ‘เดอะไลอ้อนคิง’ ที่มีเอฟเฟ็กต์สมจริงและภาพละเอียดคมชัด
เซี่ยงหยวนจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นมา “นี่คือเรื่องอะไรเหรอ”
สวีเฉิงหลี่ก็ตอบส่งๆ “ ‘เป๊ปป้า พิก’ เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ”
เซี่ยงหยวนกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนนึกในใจ หลอกใครกันเนี่ย นึกว่าฉันไม่เคยเห็นหมูตัวนั้นมาก่อนเหรอ
จากนั้นหญิงสาวก็นึกขึ้นได้ เมื่อก่อนภาษาอังกฤษของสวีเยี่ยนสือดีมาก เธอยังจำได้ว่าสมัยเรียน ม.ปลาย มีกลุ่มเด็กเทพในชั้นเรียนที่มักได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนออกไปแข่งขันข้างนอกและคว้ารางวัลต่างๆ มามากมาย สวีเยี่ยนสือคือหนึ่งในนั้น เขาเหมือนรากงอกที่ติดอยู่ในตู้โชว์ผลงานของโรงเรียน ในช่องเล็กแคบและเก่าซอมซ่อเต็มไปด้วยประกาศนียบัตรและรางวัลของเขา
บางครั้งเพื่อนผู้หญิงจากโรงเรียนอื่นมาสอบ พอเห็นสีหน้าเคร่งขรึมที่ทั้งสดใสและหล่อเหลาภายในตู้โชว์ก็จะตื่นเต้นโบกไม้โบกมือกัน กระทืบเท้าแล้วพูดกับเธอด้วยความหลงใหลได้ปลื้ม
‘นึกไม่ถึงว่าสวีเยี่ยนสือจะเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมที่หก ฉันนึกว่าเขาเรียนอยู่ที่เยี่ยนซานซะอีก! เขาเรียนเก่งขนาดนี้ทำไมถึงไม่ไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมที่สามล่ะ! ครั้งก่อนเขาไปแข่งพูดสุนทรพจน์ ขนาดคุณครูชาวต่างชาติของโรงเรียนภาษาต่างประเทศยังปรบมือชื่นชมว่าสำเนียงของเขายอดเยี่ยมมาก หยวนหยวน เธอสนิทกับเขาหรือเปล่า เขามีแฟนไหม…’
เซี่ยงหยวนอธิบายกลับไป ‘เขาเป็นเพื่อนของเฟิงจวิ้น เราไม่ค่อยสนิทกันน่ะ’ ตอนนั้นก็ไม่สนิทกันจริงๆ นั่นแหละ
เพื่อนของเธอเป็นพวกไม่ค่อยมีศีลธรรม จึงผลักไหล่พลางยุยงเธออย่างมีนัยซ่อนเร้น ‘นี่ เธอเปลี่ยนแฟนใหม่ก็ได้นะ คนนี้หล่อกว่าเฟิงจวิ้นเป็นกองเลย’
แม้ตอนนั้นเซี่ยงหยวนจะหัวเราะพลางเตือนพวกเธอว่าจะฟ้องเฟิงจวิ้น แต่ในใจก็รู้สึกหดหู่อยู่เหมือนกัน
บางครั้งเซี่ยงหยวนก็ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับคนอื่นด้วยภาษาอังกฤษ แม้เสียงของเขาจะไพเราะมากแต่เธอก็อดนินทาในใจไม่ได้ เพราะคิดว่าเขาเป็นแค่เด็ก ม.ปลาย แต่ทำไมถึงได้ ‘เสแสร้ง’ เก่งจริงๆ ตอนหลังถึงได้รู้ว่าแม่ของเขาเป็นชาวต่างชาติเชื้อสายจีนที่ย้ายไปตั้งรกรากยังต่างประเทศกับพ่อแม่ตั้งแต่อายุสามขวบ จึงไม่ค่อยคล่องภาษาจีนนัก กว่าจะพูดจบประโยคหนึ่งต้องใช้เวลานานมาก นอกจากนี้ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างสวีเยี่ยนสือกับแม่ของเขาจะไม่ค่อยลงรอยกันนัก จึงไม่ค่อยอยากฟังสักเท่าไร บางทีตอนกินข้าวอยู่พูดไปครึ่งทางก็รู้สึกรำคาญ จึงเปลี่ยนไปพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว
ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าทักษะการพูดของเขาดีขนาดนี้ไปเป็นล่ามก็คงจะดีไม่ใช่น้อย หรือไม่ก็ไปเป็นนักการทูตสุดหล่อก็ได้ แต่พอคิดดูแล้วเธอกลับรู้สึกว่าอย่าไปเป็นนักการทูตเลยจะดีกว่า เพราะถ้าหากทั้งสองประเทศเกิดข้อพิพาททางการเมืองขึ้น แล้วเขาไปยืนเชียร์อยู่ขอบสนามจะทำอย่างไร อีกอย่างแค่นี้เขาก็ดูโดดเด่นมากพอแล้ว อาชีพนักการทูตยิ่งดูโดดเด่นเข้าไปใหญ่ ปล่อยให้เขาอยู่ใกล้ชิดกับโลกมนุษย์มากสักหน่อยเถอะ ไหนๆ ปีศาจร้ายก็มีมากขนาดนี้แล้ว มีสวีเยี่ยนสือเพิ่มมาอีกคนจะเป็นไรไป
ขณะนี้เองจู่ๆ คนขับก็หันมาถามเซี่ยงหยวน “นี่คุณ หนานอวี้หยวนที่คุณจะไปอยู่ที่ถนนชุนเจียงเหรอ”
เซี่ยงหยวนงงทันที เพราะบ้านที่หนานอวี้หยวนเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ปู่เหลือไว้ให้เธอ นอกจากบ้านหลังนี้แล้วในเมืองลี่โจวเธอเป็นแค่คนจนที่มีเงินเก็บอยู่ในธนาคารไม่ถึงสองพันหยวนเท่านั้น ปู่ของเธอโหดเหี้ยมอำมหิตมาก นี่เป็นการตัดทางรอดของเธอไปอย่างสิ้นเชิง
“ไม่ใช่ค่ะ” เซี่ยงหยวนควักมือถือออกมา เมื่อดูที่อยู่แล้วจึงบอก “อยู่ที่ถนนฝู่ซานค่ะ”
คนขับทวนซ้ำด้วยความสงสัย “ถนนฝู่ซานเหรอ” จากนั้นเขาก็หันไปถามสวีเยี่ยนสือ “คุณรู้ไหมว่าอยู่ที่ไหน”
สวีเยี่ยนสือส่ายหน้า
คนขับจึงพูดต่อ “เอาอย่างนี้แล้วกัน คุณเปิดจีพีเอสหน่อย เพราะที่ผมปักหมุดในจีพีเอสเป็นที่อยู่ของพวกเขา เปลี่ยนที่อยู่ไม่ได้”
“คุณไม่มีเครื่องนำทางติดรถยนต์เหรอ แบตฯ มือถือฉันใกล้จะหมดแล้ว” เซี่ยงหยวนโบกมือถือให้เขาดู
“ใครจะไปติดตั้งของแบบนั้นกันล่ะ แพงก็แพง แถมใช้งานยากอีกต่างหาก” คนขับควานหาของในลิ้นชักแล้วดึงสายชาร์จงอๆ ออกมาเส้นหนึ่งส่งให้เธอพลางกล่าว “คุณเอาไปชาร์จแบตฯ ก่อน แล้วบอกผมด้วยว่าจะต้องไปยังไง”
เซี่ยงหยวนไม่อยากทำตัวเป็นจุดสนใจในตอนนี้ ถึงแม้ว่าสวีเยี่ยนสือจะจำเธอไม่ได้ก็ตาม
“ฉันจะเชื่อมกับมือถือไว้ คุณดูที่จอแล้วกัน ฉันกลัวว่าเดี๋ยวบอกทางผิดจะยุ่งยาก เพราะฉันไม่คุ้นกับแถวนี้”
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
เซี่ยงหยวนก้มหน้าปรับมือถือ สวีเยี่ยนสือที่นั่งเงียบอยู่นานในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหว เริ่มสวดคนขับทันที “ที่จริงสมัยนี้เครื่องนำทางติดรถยนต์มีฟังก์ชันเยอะมาก และไม่ได้มีแค่ฟังก์ชันนำทางเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการสนทนาด้วยระบบเสียงแบบอัจฉริยะ อีกทั้งการปักหมุดก็แม่นยำกว่าแผนที่จีพีเอสในมือถือ ที่เมื่อกี้นี้คุณหาที่อยู่นั่นไม่เจอก็เพราะแอพฯ ในมือถือไม่ได้อัพเดต แต่เดี๋ยวนี้เครื่องนำทางติดรถยนต์สามารถอัพเดตได้อัตโนมัติ สะดวกกว่ากันมาก”
“สะดวกแค่ไหนก็ไม่ติดตั้งหรอก คุณเป็นเซลส์ขายรถใช่ไหม” คนขับทำหน้าเหมือนจะไล่เขาลงจากรถ
สวีเยี่ยนสือเงียบ ไม่ได้โต้แย้งใดๆ
เพราะกลัวว่าจะทำให้คนขับโมโห เขาจึงตัดสินใจว่าเมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางแล้วจะอธิบายให้คนขับฟังอย่างชัดเจนว่าวิศวกรจีเอ็นเอสเอส* คืออะไรกันแน่ แม้งานที่เขาทำในตอนนี้แทบจะไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนี้เลย แต่อย่างน้อยก็เป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกัน
พอเซี่ยงหยวนได้ยินคำว่า ‘ขายรถ’ ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ นิ้วมือที่กดจอมือถืออยู่พลันชะงักไป ในใจคิดว่า คงไม่แย่ถึงขนาดนั้นมั้ง ตอนนี้สวีเยี่ยนสือตกต่ำถึงขั้นนี้แล้วเหรอ
มิน่าล่ะ ตอนงานเลี้ยงรุ่นเมื่อครั้งก่อนคนในห้องเก้าถึงบอกว่าสวีเยี่ยนสือไม่เคยไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นเลย แม้แต่กลุ่มแชตก็ไม่ได้เพิ่มเพื่อน ทำตัวเป็นดอกไม้ที่อยู่บนภูเขาสูงไม่ปะปนกับโลกมนุษย์ ตอนนี้คนในห้องเก้าต่างพูดกันว่าเขาดูถูกเพื่อนกลุ่มนี้ ทุกคนถึงขนาดเคยคิดกันว่าเขาถูกขังไว้ในห้องแล็บลึกลับกำลังทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์น่ากลัวสักอย่างอยู่ แต่ผลปรากฏว่า…ขายรถงั้นเหรอ
คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของโรงเรียนมัธยมที่หกในตอนนั้น ตอนนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างเห็นได้ชัด
เขาไม่ติดต่อกับเพื่อนเก่าคงเพราะไม่อยากเสียหน้า คนที่เคยเรียนเก่งสู้เขาไม่ได้ ตอนนี้ได้ไปทำงานในสำนักงานอัยการหรือไม่ก็เป็นหัวหน้าขององค์กรรัฐไปแล้ว
ขณะที่เซี่ยงหยวนรู้สึกเสียดายแทน พอนึกถึงสิ่งที่คนในห้องเก้าพูดลับหลังเขาก็อดสงสารไม่ได้ ความรู้สึกในใจผสมปนเปกันจนยากที่จะแยกแยะได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเสียดายไปทำไม
ดูสิ ใครใช้ให้ตอนนั้นนายทำตัวไม่ดีกับฉันล่ะ ตอนนี้เจอกรรมตามสนองแล้วไหม
พอเธอนึกถึงตรงนี้ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้อีกเรื่องหนึ่ง เธอแอบหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความวีแชตหาสวี่ยวน
‘ฉันได้ยินว่าตอนนี้สวีเยี่ยนสือมีสภาพความเป็นอยู่ไม่ค่อยดี เหมือนกำลังเป็นเซลส์ขายรถอยู่ในโชว์รูม หลายวันก่อนพี่ชายเธอบอกว่าจะเปลี่ยนรถใหม่ไม่ใช่เหรอ ให้เขาลองถามดูสิ ไหนๆ ก็เป็นเพื่อนเก่ากัน ช่วยอุดหนุนเพื่อนหน่อย แต่เธออย่าบอกว่าฉันเป็นคนบอกเชียวนะ’
พอส่งข้อความเสร็จเธอก็เอามือถือไปเสียบกับสายชาร์จแล้วเลือกตำแหน่งให้เรียบร้อย พอหน้าจอปรากฏข้อความคาร์เพลย์ คนขับก็หันกลับมามองเธอแล้วพูดขึ้น
“คุณเป็นคนปักกิ่งเหรอ มาเที่ยวเหรอ”
เซี่ยงหยวนตอบไปตามตรง “ไม่ใช่หรอก มาทำงานค่ะ”
คนขับยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ฮัมเพลงต่อไปอย่างอารมณ์ดี เกาเหลิ่งกอดอกนั่งหลังตรงอยู่ที่นั่งข้างคนขับด้วยสีหน้าบึ้งตึง ไม่รู้ว่ากำลังโกรธใครอยู่ ส่วนการ์ตูนที่สวีเฉิงหลี่กำลังดูอยู่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีก็จะจบแล้ว ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ดูท่าทางเหนื่อยล้าอ่อนเพลียมาก ทันทีที่ขึ้นรถก็เอนตัวพิงกับเบาะแล้วหลับตาพักเอาแรง
ป้ายบอกทางของเขตเมืองลี่โจวปรากฏอยู่ตรงหน้า เมื่อผ่านจุดนี้ไปก็เหมือนทะลุเข้าไปในประตูเมืองอีกแห่ง สองฝั่งถนนดูเจริญขึ้นทันตา เสาไฟที่เรียงรายสว่างไสว ป้ายโฆษณาก็ตั้งเรียงเป็นแถว ต้นเจดีย์ญี่ปุ่นยืนต้นเป็นทิวแถว ลำต้นเรียวตรง แสงไฟสีเหลืองสลัวทอดเงาระยิบระยับไปกลางถนน แสงดาวสาดส่องลงบนพื้นอย่างหงอยเหงา ตึกรามเก่าคละใหม่สลับทับซ้อนตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
การเดินทางใกล้จะถึงปลายทางแล้ว
เมื่อพ้นคืนนี้ไปพวกเขาคงไม่ได้เจอหน้ากันอีก
เซี่ยงหยวนแอบเอียงหน้าไปพิจารณาดูสวีเยี่ยนสือที่นั่งอยู่ข้างๆ เขากำลังหลับตาอยู่ แสงจากเสาไฟปกคลุมใบหน้าของเขาไว้ครึ่งหนึ่ง โครงหน้าดูคมคายหล่อเหลา เครื่องหน้ายังหลงเหลือความสดใสแบบในสมัยวัยรุ่น เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นลูกกระเดือกอย่างชัดเจน เหมือนคมของดาบน้ำแข็งบนพื้นหิมะที่คมกริบแต่เย็นชา
คำโบราณว่าไว้ คนเรามักจะลุ่มหลงในความงามจนทำให้เสียงาน
เป็นจังหวะประจวบเหมาะที่เสียงเรียกเข้ามือถือของเซี่ยงหยวนดังขึ้นมา เสียงแหลมแสบแก้วหูทำให้ใจของเธอหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ สวีเยี่ยนสือถูกเสียงนั้นปลุกให้ตื่นหันมามองทางนี้ตามสัญชาตญาณ เซี่ยงหยวนจึงดึงสติกลับมาหลังจากที่ตกตะลึงอยู่กับความหล่อของเขา เธอไม่สนใจอะไรแล้ว มือไม้วุ่นวายรีบกดรับสายโดยที่ลืมไปว่ามือถือของเธอยังเชื่อมต่อกับคาร์เพลย์อยู่ จนกระทั่งเสียงของสวี่ยวนดังทะลุเข้าไปในหูของทุกคนที่นั่งอยู่ในรถอย่างชัดเจนและแจ่มแจ้ง
“เซี่ยงหยวน สวีเยี่ยนสือกำลังขายรถอยู่จริงเหรอ แบบนั้นก็น่าสงสารจริงๆ นะ ฉันจะช่วยไปถามพี่ชายฉันว่าเขาจะเปลี่ยนรถหรือเปล่า ว่าแต่เธอจะช่วยเขาไปทำไมล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอยังคิดไม่ซื่อกับเขาอยู่”
“…”
“…”
เธอเพิ่งรู้ซึ้งว่าวันสิ้นโลกก็คงจะเป็นแบบนี้
อยากกระโดดลงจากรถก็คงเป็นแบบนี้
รหัสบัตรธนาคารของเธอคืออะไร
บัตรเครดิตยังเหลือวงเงินอยู่หรือเปล่า
เซี่ยงหยวนแทบจะแข็งเป็นหินไปแล้ว…ประเด็นสำคัญก็คือเมื่อครู่นี้สวีเยี่ยนสือบังเอิญจับได้ว่าเธอกำลังแอบมองเขาอยู่ด้วย
“ฮัลโหลๆๆ ทำไมเธอถึงไม่พูดล่ะ” สวี่ยวนยังคงเล่นอยู่กับไฟอย่างคนที่ไม่รู้อะไรเลย
เซี่ยงหยวนตัดสายไปแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กำลังลังเลอยู่ว่าจะทักทายเขาอย่างไรดี ทันใดนั้นก็มีเสียงทักทายที่เย็นชาเหมือนเดิม แต่แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงล้อเลียนแบบเฉพาะตัวของเขาดังขึ้น
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เซี่ยงหยวน”
การทักทายสไตล์โวลเดอมอร์แบบนี้รู้สึกว่าจะหวาน…อย่างพิลึก?
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 ต.ค. 66 เวลา 12.00 น.