With Love
ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 2
บทที่ 2
คนเกลียดกันกลายเป็นเพื่อนร่วมงานกัน
ตลอดทั้งสัปดาห์เซี่ยงหยวนไม่ได้ออกจากบ้านเลย
เธอขังตัวเองไว้ในคอนโดฯ ที่หนานอวี้หยวน ไม่รับโทรศัพท์ของใคร ไม่ยอมออกไปไหน เธอกอดหมอนนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเบื่อโลก ยัดของกินเข้าปากอย่างใจลอย เสียงต่างๆ ในห้องรับแขกผสมปนเปกันไปหมด ในโทรทัศน์กำลังฉายซีรี่ส์ไอดอลแนว ‘คุณฟังผมอธิบายสิ ฉันไม่ฟัง’ ที่ปกติเธอชอบดูที่สุด แต่ตอนนี้ซีรี่ส์ไอดอลก็ดูน่าเบื่อสำหรับเธอ สีหน้าเย็นชาของพระเอกที่เหมือนภูเขาน้ำแข็งดูคล้ายสวีเยี่ยนสืออยู่ แต่ยังหล่อสู้เขาไม่ได้
เซี่ยงหยวนเหม่อลอย หยิบเฟรนช์ฟรายส์ใส่ปากอีกหนึ่งชิ้นแถมไม่เคี้ยวด้วย เพียงแต่คาบไว้ที่ปากเหมือนคาบบุหรี่ ตามองไปที่โทรทัศน์อย่างเลื่อนลอย สติลอยไปที่ไหนแล้วก็ไม่รู้…
คืนนั้นหลังจากที่โวลเดอมอร์ทักทายเธอ ตอนแรกเธอก็คิดจะเปิดหมวกฮู้ดออกแล้วทักทายกลับอย่างเป็นทางการ จากนั้นค่อยอธิบายให้เขาฟังดีๆ ว่า ‘เพื่อนสวีเยี่ยนสือ อันที่จริงฉันทำไปด้วยความหวังดี นายอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนาย’ หรือพูดอย่างสง่างามว่า ‘สวัสดี ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีหรือเปล่า’
ในสถานการณ์แบบนั้นต่อให้สวีเยี่ยนสือปากเสียแค่ไหนก็คงไม่ถึงขนาดกับชักสีหน้าใส่เธอต่อหน้าคนขับกับเกาเหลิ่ง แล้วเธอค่อยทำทีถามเพิ่มอีกสักสองสามประโยค ระลึกถึงความหลังอย่างสนิทสนม พอลงจากรถได้ก็เดินจากไป เพราะต่อไปคงไม่มีโอกาสได้ติดต่อกันอีกแล้วถูกไหมล่ะ
แต่ปรากฏว่าตอนที่เธอเตรียมจะแก้เชือกผูกหมวกฮู้ดออก แต่เงื่อนตายเจ้ากรรมอีกสองเงื่อนดันแกะไม่ออก ไม่ว่าเธอจะดึงอย่างไร แต่ยิ่งดึงเชือกก็ยิ่งแน่นขึ้นจนแทบจะรัดคอเธอตายอยู่แล้ว เซี่ยงหยวนหยุดพักหายใจ แล้วพูดกับสวีเยี่ยนสือ
‘นายรอเดี๋ยวนะ’
รอฉันเอาหน้าออกมาให้ได้ก่อน
สวีเยี่ยนสือโค้งมุมปากขึ้นอย่างหาดูได้ยาก
จากนั้นเซี่ยงหยวนก็ออกแรงดึงสุดชีวิต ดึงซ้ายทีขวาที ขั้นตอนนี้กินเวลาอยู่อีกครึ่งนาที แต่จนแล้วจนรอดก็แก้เชือกไม่ออก เธอทั้งโมโหทั้งร้อนใจ คิดว่าคืนนี้ช่างตลกสิ้นดี หลายปีที่ผ่านมาเธอวางตัวอย่างสง่างามมานับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับมาตกม้าตายเอาตอนนี้ แถมอยู่ต่อหน้าเขาเสียด้วย แค่คิดเธอก็รู้สึกทนไม่ได้แล้ว ขณะที่เตรียมจะถามคนขับว่ามีกรรไกรหรือเปล่า คนขับก็บอกเธอเสียงเรียบว่าถึงแล้ว
เซี่ยงหยวนไม่กล้าหันไปมองเขา บนศีรษะยังมีหมวกฮู้ดคลุมเอาไว้ เธอรู้สึกได้ถึงความกระอักกระอ่วน ในสมองมีประโยคคืนนี้ไม่น่าออกจากบ้านเลยวนเวียนเป็นล้านรอบ คำว่า ‘สวัสดี ลาก่อน’ ติดอยู่ที่คอหอยอย่างอึดอัดใจ
ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะอ้าปากพูด สวีเยี่ยนสือก็ดูเหมือนจะหมดความอดทนแล้ว เขายันศอกไว้ที่หน้าต่างรถ นั่งพิงเบาะมองเธอด้วยท่าทีสบายอารมณ์ แม้แต่เส้นเลือดที่หลังมือเขาก็คล้ายจะบ่งบอกถึงความเลือดเย็น เขาเอ่ยไล่เธอด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
‘ลงจากรถเถอะ’
เธอสูดลมหายใจเข้า เรียกสติกลับมาอีกครั้ง ‘ได้ ไว้มีโอกาสค่อยเจอกันใหม่นะ’
‘อืม’ พูดจบเขาก็เบนสายตาออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทีเฉยเมย
เซี่ยงหยวนหยิบสัมภาระได้ก็ลงจากรถ กว่าเธอจะตั้งสติได้รถก็ขับออกไปไกลแล้ว แต่เธอกลับยืนนิ่งอยู่กับที่คล้ายคนโง่ เหมือนเสาไม้ที่ถูกตอกไว้ติดกับพื้น
จันทร์เสี้ยวแขวนอยู่บนท้องฟ้าเปล่งแสงริบหรี่ลงแล้ว พระพายยามราตรีอันหนาวเหน็บพัดผ่านกลางยอดไม้ เงาร่างแบบบางโดดเดี่ยวเหมือนสุนัขไร้บ้านถูกแสงไฟสาดสะท้อนจนทอดยาว
พอหญิงสาวเดินถึงใต้ตึก สวี่ยวนก็โทรเข้ามาอีก
‘เมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมเธอถึงตัดสายฉันทิ้งล่ะ’
เธอเข็นกระเป๋าเข้าไปพลางพูดเสียงเรียบ ‘ไว้ฉันกลับไปปักกิ่งแล้วฉันจะฆ่าเธอซะ’
สวี่ยวนสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงจริงจังของอีกฝ่าย จึงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว ‘มี…มีอะไรเหรอ’
เซี่ยงหยวนคงจะโกรธจนเป็นบ้าไปแล้ว ถึงได้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ให้สวี่ยวนฟังซ้ำอย่างเป็นกลางด้วยความใจเย็นสุดๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งสวี่ยวนจึงได้สติกลับมา เอามือปิดปากก่อนพูดอย่างเหลือเชื่อ ‘แล้วเขาก็ไล่เธอลงจากรถเหรอ ใจร้ายขนาดนี้เลยเหรอ’
เซี่ยงหยวนนิ่งเงียบ
สวี่ยวนปลอบใจเพื่อน ‘เธออย่ามัวเพ้อเจ้ออยู่คนเดียวเลย เขาอาจจะคิดแค่ว่าเจอเพื่อนสมัยเรียนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ปกติสวีเยี่ยนสือก็เย็นชากับทุกคนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ฉันจำได้ว่าคราวก่อนมีสักคนในกลุ่มแชตบอกว่าบังเอิญเจอเขา แต่เขาจากไปโดยที่ไม่ได้เพิ่มเพื่อนในวีแชตด้วยซ้ำ’
‘เขากล้าเพิ่มเพื่อนกับใครซะที่ไหนล่ะ ดูสภาพเขาในตอนนี้สิ’
‘งั้นเหรอ’ สวี่ยวนถามขึ้น ‘แล้วตอนนี้หน้าตาเขาเป็นยังไงล่ะ ขี้เหร่หรือเปล่า ฉันสนใจเรื่องนี้มากกว่า’
เซี่ยงหยวนเปิดโทรทัศน์พร้อมทั้งถือโทรศัพท์ไปด้วย นั่งกดเลือกช่องอย่างไร้จุดหมาย จากนั้นก็ฝืนมโนสำนึกพูดใส่ร้ายไป
‘ขี้เหร่ หัวล้าน แถมอ้วนด้วย’
ถ้าบอกว่าอ้วนสวี่ยวนยังพอจะเชื่ออยู่หรอก แต่บอกว่าหัวล้าน หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรสวี่ยวนก็ไม่เชื่อ ‘เธออย่าแก้แค้นเขาด้วยการว่าร้ายเขาได้ไหม ฉันจะบอกเธอให้นะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีรูปถ่ายของเขานะ คราวก่อนมีคนโพสต์ในกลุ่มแล้วฉันก็เซฟเก็บไว้ด้วย เห็นบอกว่าเจอกันตอนที่ไปร่วมงานอีเวนต์งานหนึ่ง รู้สึกว่าตอนนั้นเขาไม่ได้เป็นเซลส์ขายรถนะ แต่อาจจะเปลี่ยนงานทีหลังก็ได้ อีกอย่างทำไมฉันถึงรู้สึกว่าในรูปถ่ายเขาดูหล่อกว่าเดิมอีก ตอนนั้นสาวๆ ในกลุ่มแชตแทบจะแตกตื่นกันเลยทีเดียว บอกว่าทำไมทุกคนอ้วนขึ้นกันหมด มีแต่เขาคนเดียวที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย ทั้งๆ ที่อายุจะสามสิบอยู่แล้ว แต่ยังให้ความรู้สึกเหมือนหนุ่มน้อยอยู่เลย หายากมากนะ’
เซี่ยงหยวนไม่ค่อยดูกลุ่มแชต จึงพูดอย่างไม่ใส่ใจ ‘งั้นเหรอ คือฟ้ามันมืดน่ะ ฉันก็เลยมองเห็นไม่ชัด เพราะฉะนั้นหน้าที่การงานของเขาถึงได้ไม่ดีไง เธอดูหัวหน้าห้อง เลขาฯ พรรค แล้วก็เจ้าชายนักบาสคนนั้นสิ คนที่ตอนนี้หน้าที่การงานดีมีคนไหนไม่หัวล้านและไม่อ้วนขึ้นบ้างล่ะ’
สวี่ยวนฟังแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล แถมยังหาคำพูดมาโต้แย้งไม่ได้ด้วย เธอเงียบไปครู่หนึ่งแล้วลองเลียบๆ เคียงๆ ถามหัวข้อนั้นขึ้นใหม่
‘นี่ คืนนั้นที่เธอสองคนอยู่ในป่า…’
‘ไม่มีอะไรแบบที่พวกเธอคิดกันหรอกนะ แต่ฉันเคยชอบเขาจริงๆ’
ไม่เห็นมีรายการไหนน่าสนุกเลย เซี่ยงหยวนกดปิดโทรทัศน์ ก่อนเอนหลังพิงโซฟาแล้วยอมรับอย่างเปิดเผย
พอสวี่ยวนได้ยินเช่นนั้นก็ของขึ้นทันที เตรียมจะด่าว่ายายผู้หญิงแพศยา แต่กลับถูกเซี่ยงหยวนตัดบทเสียก่อน
‘เรื่องมันตั้งนานแล้ว นานกว่าเฟิงจวิ้นอีก แต่ตอนนั้นสวีเยี่ยนสือปฏิเสธฉันไปแล้ว เธอก็รู้ว่าฉันไม่ใช่พวกช่างตื๊อ และไม่มีทางยอมทิ้งผืนป่าไปเพื่อต้นไม้เพียงต้นเดียวหรอกนะ ให้ฉันแอบรักใครสักคนเป็นเวลาสิบกว่าปีฉันทำไม่ได้หรอก ผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้ก็ต้องมีความสุขกับการใช้ชีวิตสิ พอถูกปฏิเสธฉันก็เปลี่ยนเป้าหมายทันที ถึงเป็นคนอื่นฉันก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน เอาเป็นว่าฉันเลิกชอบเขาตั้งนานแล้ว’
ถ้าคนที่ชอบไม่ชอบตัวเอง แล้วเราจะต้องครองตัวโสดไปตลอดชีวิตเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก สวี่ยวนรู้ว่าคติประจำใจของเซี่ยงหยวนคือ ‘ชีวิตสั้นนัก ต้องรู้จักหาความสุขใส่ตัว’
‘แล้วตอนนี้ล่ะ ความรู้สึกตอนได้เจอกันอีกครั้งเป็นยังไงบ้าง’
‘ก็ไม่มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แค่ได้รู้ว่าชีวิตเขาไม่ค่อยดี ฉันก็วางใจแล้วล่ะ’
‘แบบนี้มันไม่เหมือนท่านประธานน้อยเซี่ยงผู้สง่างามของเราเลย พูดความจริงมาซะดีๆ’
‘โอเค ฉันอยากให้เขามีชีวิตที่ดี จริงสิ สรุปแล้วพี่ชายเธอจะเปลี่ยนรถหรือเปล่า’
‘ถ้าแปะแผ่นทองเพิ่มอีกหน่อย เธอก็จะกลายเป็นพระแล้วล่ะ พระแม่ดอกบัวขาว นี่เธออยากให้เขามีชีวิตที่ดีด้วยเหรอ’ สวี่ยวนแค่นหัวเราะ จากนั้นก็วกกลับมาเตือนเซี่ยงหยวนอีกครั้ง ‘จริงสิ ได้ยินว่าปู่เธอตัดรายรับทั้งหมดของเธอ แถมไม่ให้พี่ชายเธอไปเยี่ยมด้วย ฉันก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ ได้แต่ให้กำลังใจอยู่ทางนี้ ฉันจะถ่ายทอดคำคมในสนามการทำงานให้เธอฟังนะ ในโลกการทำงานมีคนเจ้าเล่ห์เยอะมาก แต่คนที่เธอควรเฝ้าระวังที่สุดไม่ใช่พวกสาวขี้อ่อยในบริษัทหรอกนะ เพราะปกติแล้วพวกนี้ต้องการให้ผู้ชายมาสนใจเท่านั้น แต่พวกกระต่ายน้อยใสซื่อบริสุทธิ์สวมแว่นกรอบดำและไว้ผมยาวตรง คนพวกนี้แหละที่เธอต้องระวังไว้ให้ดี เพราะสิ่งที่คนพวกนี้ต้องการไม่ใช่แค่ให้ผู้ชายมาสนใจ แต่ยังคิดจะคว้าหัวใจผู้ชายด้วย แค่นี้ก่อนนะ เจ้านายเรียกฉันแล้ว’
‘เข้าใจแล้วล่ะ’ เซี่ยงหยวนใคร่ครวญถึงสิ่งที่เพื่อนกล่าวมาแล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง ‘ว่าแต่ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมเธอถึงยังอยู่ที่บ้านเจ้านายอีก ในที่สุดเธอก็ถูกเสี่ยเลี้ยงแล้วเหรอ’
สวี่ยวนอดไม่ได้ที่จะด่ากลับไป ‘ไสหัวไปซะ คุยกันทางวีแชตดีกว่า ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง’