With Love
ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 2
หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง เซี่ยงหยวนไปรายงานตัวที่บริษัทเหวยหลินอิเล็กทริกเทคโนโลยีตามเวลาที่นัดเอาไว้ แต่ปรากฏว่าวันนั้นทางบริษัทจัดกิจกรรมสัมมนานอกสถานที่พอดี ในออฟฟิศจึงไม่มีใครอยู่เลย ทั้งตึกโล่งวังเวงไปหมด
สาวน้อยตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เห็นว่าเธอเป็นพนักงานที่เพิ่งมารายงานตัว จึงนั่งขลุกอยู่ที่เก้าอี้ เล่นเกมสลับกับดูคลิปสั้นๆ ไม่คิดจะลุกมาทักทายเธอเลย เซี่ยงหยวนจึงไปเดินเล่นที่แผนกเทคโนโลยีคนเดียวอยู่พักหนึ่ง ระหว่างที่เดินดูนั่นนี่ก็บังเอิญเห็นใบหน้าของผู้ชายที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีบนบอร์ดรายชื่อพนักงานประจำแผนกเทคโนโลยีเข้า
ใบหน้านั้นเคร่งขรึมเหมือนในอดีตที่เธอมักได้เห็นบ่อยๆ ในตู้โชว์ของโรงเรียน รูปถ่ายหนึ่งนิ้วในตอนนั้นเป็นใบหน้าของหนุ่มน้อยวัยใส แม้ตอนนี้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว คิ้วและตาของเขาแลดูคมยิ่งกว่าเดิม แต่ยังคงความเย็นชาแบบฉบับเดิมไว้ พอจะจินตนาการได้ว่าขณะที่ถ่ายรูปอยู่ดวงตาเย็นเยียบของเขาคงจะจ้องตรงไปที่กล้องโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
สวี่ยวนพูดถูก ความรู้สึกแบบเด็กหนุ่มยังคงหลงเหลืออยู่บนตัวเขา แม้อายุใกล้จะเข้าเลขสามแล้วก็ตาม
ขณะที่เซี่ยงหยวนเห็นรูปถ่าย อารมณ์เบิกบานที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ก็หายไปจนหมดสิ้น เธอไม่คิดว่าจะได้เจอสวีเยี่ยนสือที่นี่ เพราะสำหรับเขาแล้วการอยู่ที่นี่ไม่ได้แตกต่างจากการเป็นเซลส์ขายรถเลย
แม้เขาจะไม่ค่อยเป็นมิตรต่อตนเอง แต่สิ่งที่เซี่ยงหยวนพูดกับสวี่ยวนในคืนนั้นเป็นสิ่งที่เธอคิดจริงๆ เธออยากให้เขามีชีวิตที่ดี มีงานที่ดี เพราะด้วยความสามารถระดับเขา ถ้าต้องมาอยู่ในบริษัทเล็กๆ แบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเขาไปขายรถยังจะดีเสียกว่าเพราะอย่างน้อยก็ได้เงินเยอะ
ก่อนเธอจะมาที่นี่ได้ดูงบการเงินในปีที่ผ่านๆ มาของเหวยหลินแล้ว เงินเดือนของแผนกเทคโนโลยีต่ำที่สุดในบริษัท ตอนนั้นเธอรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไร แต่ปู่ของเธอยืนยันความคิดว่าฝ่ายขายควรเป็นผู้นำมากกว่า เห็นได้ชัดว่าปู่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับบุคลากรด้านเทคนิค
เพราะฉะนั้นขณะที่เซี่ยงหยวนกลั้นลมหายใจ ตั้งสมาธิค่อยๆ ไล่มองไปที่ชื่อก็เห็นเป็นตัวอักษรโรมัน ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นชื่อภาษาอังกฤษ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เธอกวาดตาวนกลับไปดูอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ
XUYANSHI? สวีเยี่ยนสือ?
หลายปีที่ผ่านมาอีตาคนนี้มัวแต่ทำอะไรอยู่!
เวลาบ่ายสามโมงขณะที่เซี่ยงหยวนนั่งดูเวยป๋ออยู่บนโซฟา เพราะไม่มีอะไรทำก็เลื่อนไปเจอรูปที่เกาเหลิ่งโพสต์ไว้โดยบังเอิญ
เกาเหลิ่งคือลุงเอ็ง : ลูกพี่ไม่อยากถ่ายรูปหมู่อีกตามเคย ทุกคนไม่ต้องหาหรอก วันนี้ไม่มีลูกพี่ร่วมเฟรม ใครที่อยากจะมาดูความหล่อของลูกพี่ ไว้เดี๋ยวขึ้นรถแล้วฉันจะลองหาจังหวะดูว่าจะแอบถ่ายตอนเขาหลับได้ไหม
ข้างล่างโพสต์มีคอมเมนต์อีกประมาณยี่สิบถึงสามสิบคอมเมนต์ แต่เขามียอดติดตามแค่ห้าสิบคนเท่านั้น ในจำนวนผู้ติดตามครึ่งหนึ่งกดติดตามเขาเพื่อส่องสวีเยี่ยนสือนั่นเอง
เหมียนฮวาอยากกินเนื้อ : ฮือๆๆๆ อยากดูลูกพี่พวกคุณจัง ว่าแต่พี่ชาย พวกคุณอยู่เมืองไหนกันเหรอ ฉันไปหาได้ไหม
ฉางสุ่ยจากฉางสุ่ยกรุ๊ป : พี่ชาย คุณอ้วนขึ้นอีกแล้วนะ คิดถึงลูกพี่เป็นประจำทุกค่ำคืน รูปหน้าหันข้างครั้งก่อนหล่อมากจริงๆ คุณสองคนเป็นกิ๊กกันหรือเปล่าเนี่ย
เกาเหลิ่งคือลุงเอ็งตอบฉางสุ่ยจากฉางสุ่ยกรุ๊ปกลับไปด้วยความรุนแรง เอาแต่ใจ และตรงไปตรงมามาก ไม่สนใจเลยว่าจะถูกเลิกติดตามหรือเปล่า
เกาเหลิ่งคือลุงเอ็ง : ไม่ใช่
หลังจากเซี่ยงหยวนเลื่อนดูรูปเสร็จถึงได้รู้ว่ากิจกรรมสัมมนานอกสถานที่ของพวกเขาก็คือการสร้างสัมพันธ์ภายในบริษัท หรือพูดง่ายๆ ก็คือแต่ละแผนกเดินทางไปพักผ่อนที่ชายหาดหรือเกาะที่อยู่ใกล้ๆ แล้วทำกิจกรรมย่างบาร์บีคิว เล่นวอลเลย์บอล ว่ายน้ำ หรือกินเลี้ยงกันครึ่งวัน จากนั้นก็ให้หัวหน้าของแต่ละแผนกออกมากล่าวให้กำลังใจทุกคน
เป็นวิธีที่บริษัทเซลส์ใช้กันบ่อยๆ แต่จริงๆ แล้วไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ผ่านไปครู่หนึ่งเกาเหลิ่งก็โพสต์รูปขากลับในเวยป๋ออีก…เป็นรูปที่สวีเยี่ยนสือหลับอยู่ในรถแต่มีเสื้อคลุมศีรษะเอาไว้
เกาเหลิ่งคือลุงเอ็ง : รู้สึกว่าลูกพี่รู้ตัวว่าฉันจะแอบถ่ายเขา ฉันหลุดโป๊ะไปว่าจะแอบถ่ายเขาตอนไหนเนี่ย เพราะกาแฟแก้วเมื่อกี้ไม่ได้ใส่น้ำตาล หรือเพราะฉันก้าวเท้าซ้ายก่อนตอนขึ้นรถ
คอมเมนต์ข้างล่างตอบกลับมา ‘เปิดออกสิ’ เกาเหลิ่งจึงตอบกลับไป
เกาเหลิ่งคือลุงเอ็ง : เดี๋ยวฉันได้ถูกถีบลงจากรถแน่
ยังมีคอมเมนต์พิมพ์ชื่นชมสวีเยี่ยนสืออีกว่า ‘ขนาดเอาเสื้อคลุมหัวไว้ยังดูหล่ออยู่เลย นี่เป็นพ่อเทพบุตรจากไหนนะ เขากินอะไรถึงโตมาหล่อขนาดนี้!’ เกาเหลิ่งจึงตอบกลับไปอีกครั้ง
เกาเหลิ่งคือลุงเอ็ง : คุณน้อง ใจเย็นๆ ก่อน ได้ยินว่าเขากินข้าวนะ แต่อาจจะกินอย่างอื่นด้วยก็ได้
ขณะที่เซี่ยงหยวนกำลังคิดว่าผู้ชายซื่อๆ ตรงๆ อย่างเกาเหลิ่งก็น่ารักดี ปรากฏว่าพอกดกลับไปที่โมเมนต์ในวีแชต จู่ๆ ภาพลักษณ์ของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปกะทันหัน
ไม่รู้ว่าเกาเหลิ่งเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา จึงโพสต์สเตตัสในโมเมนต์รัวๆ ถึงสามข้อความ
‘สำนักงานใหญ่สมองมีปัญหาหรือเปล่า ทำไมถึงรับพนักงานใหม่เข้ามาตอนนี้ ไม่รู้หรือไงว่าสถานการณ์ของบริษัทเป็นยังไง เงินเดือนไม่มีจะจ่ายอยู่แล้ว จะรับพนักงานใหม่เข้ามาทำซากอะไร’
ข้อความนี้แสดงเวลาไว้ว่าโพสต์เมื่อห้านาทีที่แล้ว
‘ได้ยินว่าจบสาขาวิทยุกระจายเสียงและพิธีกรด้วย จะยัดคนให้เราอย่างน้อยก็หาคนจบสาขาที่เกี่ยวข้องมาหน่อยสิ แล้วอีกอย่างประวัติส่วนตัวของคนคนนี้ตลกชะมัดเลย คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันเต้นแอโรบิกระดับเด็กและเยาวชนครั้งที่แปด อันดับสามการแข่งขันว่ายน้ำเด็กและเยาวชนแห่งชาติ สมัยเรียนมหา’ลัยเป็นประธานสมาคมปีนเขาอะไรก็ไม่รู้…เรื่องเดียวที่ดูเกี่ยวข้องหน่อยก็คือคว้ารางวัลอันดับหนึ่งการแข่งขันตอบคำถามความรู้เรื่องจีเอ็นเอสเอสอวกาศเหว่ยเต๋อคัพระดับเด็กและเยาวชน…ระดับเด็กและเยาวชนซะด้วย?! นึกว่าตัวเองเป็นเด็กน้ำเต้า* หรือไง นี่เป็นประวัติสมัครงานนะ คิดว่าจะไปช่วยคุณปู่อยู่เหรอ นี่เป็นคำพูดจากปากของลูกพี่ไม่ใช่ฉันนะ’
บอกตามตรงเลยว่าเนื้อหาที่ปรากฏในประวัติส่วนตัวเซี่ยงหยวนแทบจะจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากการแข่งขันตอบคำถามความรู้เหว่ยเต๋อคัพที่พอจะจำได้รางๆ ส่วนที่เหลือคืออะไรกัน หญิงสาวแอบย่องไปโทรหาปู่ของเธอในห้องน้ำ คนรับสายคือไล่เฟยไป๋ เลขาฯ ของปู่ เขาเป็นผู้ชายวัยสามสิบที่จู้จี้ขี้บ่นยิ่งกว่าปู่ของเธอเสียอีก ปลายสายดูไม่แปลกใจกับสายที่โทรเข้ามาเลย
“มีอะไรเหรอ เสี่ยวหยวนหยวน”
เซี่ยงหยวนหันหลังไปล็อกประตูห้องน้ำเอาไว้แล้วเริ่มถามหาความรับผิดชอบ “คุณเป็นคนทำประวัติส่วนตัวให้ฉันเหรอ”
ไล่เฟยไป๋หัวเราะพลางตอบ “ใช่ มีปัญหาอะไรเหรอ”
“ปัญหางั้นเหรอ” เซี่ยงหยวนโมโหจนเท้าเอว “ปู่ให้คุณแกล้งฉันใช่ไหม เขียนประวัติส่วนตัวฉันแบบนี้จะให้ฉันทำงานยังไงฮะ แล้วคนอื่นจะยอมรับฉันได้เหรอ”
อันที่จริงปู่ของเซี่ยงหยวนพนันกับหลานสาวแบบไม่เต็มใจนัก เนื่องจากบรรดากรรมการผู้ถือหุ้นยืนยันว่าจะปิดบริษัทลูกให้ได้ เพราะยอดขายของบริษัทที่ซีอานรั้งท้ายทุกปี จึงส่งผลกระทบต่อกำไรและเงินปันผลของพวกเขา หากไม่ใช่เพราะเฉินซาน ผู้อำนวยการแผนกเทคโนโลยีไม่ยอมถอย บริษัทลูกแห่งนี้คงถูกปิดไปนานแล้ว กรรมการผู้ถือหุ้นที่เหลือไม่ยอมลองตลาดเครื่องนำทางติดรถยนต์อีกแล้ว ทุกคนต่างแนะนำให้ปู่ของเธอรีบถอนตัวและผันไปทำธุรกิจทางการแพทย์แทน
ดังนั้นตอนอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยงพวกเขาจึงพนันกันต่อหน้ากรรมการผู้ถือหุ้นทั้งหลาย แท้จริงแล้วปู่ของเธอไม่เต็มใจเลย แต่อีกด้านหนึ่งเขาคิดว่านี่เป็นโอกาสดีในการฝึกฝนหลานสาว เพราะตั้งแต่เด็กพวกเขาประคบประหงมเซี่ยงหยวนมาดีเกินไป หากถือโอกาสนี้กำราบความผยองของหลานสาวคนนี้ได้ล่ะก็…
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตกลงกันว่าห้ามเปิดเผยฐานะที่แท้จริงต่อบุคคลภายนอก ห้ามใช้ทรัพยากรของตระกูลเซี่ยง ห้ามนั่งตำแหน่งผู้จัดการ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ สามารถเลือกได้ตามใจชอบ เพราะสำหรับจิ้งจอกเฒ่าพวกนั้นแล้ว ไม่ว่าจะชนะหรือล้มเหลวอีกหนึ่งปีข้างหน้าบริษัทลูกแห่งนี้จะต้องปิดตัวลงอยู่ดี และแน่นอนว่าตอนนี้เซี่ยงหยวนยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกหลอกเสียแล้ว
เซี่ยงหยวนเลือกตำแหน่งหัวหน้าทีมแผนกเทคโนโลยี ขณะนั้นเธอยังไม่รู้ว่าหัวหน้าทีมคือสวีเยี่ยนสือ ตอนที่ปู่ของเธอแจ้งไปยังเฉินซานก็ถูกบอกปัดทันที เฉินซานบอกว่า ‘หัวหน้าแผนกหยางเว่ยผิงหรือผู้จัดการหลี่หย่งเปียวสามารถเปลี่ยนได้หมด แต่เปลี่ยนหัวหน้าทีมไม่ได้’ ตอนนั้นเซี่ยงหยวนยังนึกฉงนใจ เพราะเฉินซานขึ้นชื่อเรื่องเก่งแต่เย่อหยิ่งจองหอง แล้วใครกันที่เธอให้ความสำคัญได้ถึงเพียงนี้ สุดท้ายแล้วปู่ของเธอก็ใช้วิธีแบบพบกันครึ่งทาง โดยตกลงกันให้แบ่งออกเป็นสองทีมและมีหัวหน้าทีมสองคน เฉินซานถึงได้ฝืนรับปาก
ไล่เฟยไป๋แสร้งทำทีเป็นผู้บริสุทธิ์ “คุณหนูใหญ่ครับ ผมอุตส่าห์ค้นหาใบประกาศนียบัตรในบ้านทั้งหมดกว่าจะปะติดปะต่อขึ้นมาเป็นประวัติส่วนตัวโดยย่อฉบับนี้ได้ นายท่านบอกว่าต้องเขียนตามความจริงห้ามเขียนส่งเดช ผมดูไปดูมาก็พบว่าชีวิตของคุณเหมือนจะหยุดอยู่แค่วัยเด็ก เพราะในวัยผู้ใหญ่ชีวิตของคุณนอกจากเล่นเกมแล้วก็เหลือแต่ความว่างเปล่า”
“คุณเปลี่ยนไป…”
คุณเคยบอกว่าตอนที่ฉันเล่นเกมดูมีเสน่ห์ที่สุด