ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 2 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

With Love

ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 2

4 of 4หน้าถัดไป

เซี่ยงหยวนมาถึงก่อนเป็นคนแรก เธอนั่งอยู่ในห้องประชุมครู่หนึ่ง รอให้คนทยอยมาจนครบ

หญิงสาวมีความอดทนสูงมาก จึงนั่งเล่นเกมไขปริศนาอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเก้าอี้ ทุกคนไม่ได้แสดงท่าทีสนิทสนมกับเธอ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความอยากรู้อยากเห็น ผู้ชายส่วนใหญ่เพียงแค่ปรายตามอง พอแน่ใจว่าเป็นสาวสวยก็หันกลับไปคุยเรื่องเกมต่อ ส่วนผู้หญิงกวาดตาพิจารณาเธอไปมาอยู่หลายหน แถมยังเม้าท์กันในแชตกลุ่มย่อยอีกด้วย

 

เสี่ยวหลิงแผนกข่าวสาร : มา @อาจารย์ตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนม กระเป๋าชาแนลที่วางอยู่ข้างหลังเธอเป็นของแท้หรือเปล่า

อาจารย์ตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนม : ของปลอม ปี 2012 ถึง 2018 ชาแนลไม่เคยออกกระเป๋ารุ่นนี้เลย

 

‘แล้วรองเท้าล่ะ ถ้าดูไม่ผิดละก็ นั่นมันจิมมี่ชูใช่ไหม

รุ่นน่ะใช่อยู่หรอก แต่ไม่รู้ว่าเป็นของปลอมหรือเปล่า ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องรองเท้าน่ะ

ซื้อรองเท้าคู่หนึ่งก็ไม่ได้ลำบากยากเย็นหรอกนะ เสี่ยวหลิงก็มีรองเท้ากุชชี่อยู่คู่หนึ่งเหมือนกัน แล้วอีกอย่างพวกลูกหลานเศรษฐีจะมาทำงานที่นี่ได้ยังไง

ไม่ต้องขี้อิจฉาแบบนี้ก็ได้มั้ง เธอเพิ่งมาเอง ถ้าเกิดเป็นคนนิสัยดีจะทำยังไงล่ะ

ฉันเห็นด้วยนะ’

 

หลี่หย่งเปียวใช้นิ้วเคาะโต๊ะแล้วใช้คางพยักพเยิดไปที่ผู้ชายสวมแว่นกรอบดำตรงหัวมุมพลางถาม “จางจวิ้น สวีเยี่ยนสือกับเกาเหลิ่งล่ะ ทำไมพวกเขาสองคนยังไม่มากันอีก”

ขณะที่จางจวิ้นกำลังอ้าปากจะตอบก็มีคนก้าวเข้ามาทางประตูแล้วพูดเสียงเรียบ “ผมมาแล้วครับ” ทำให้เซี่ยงหยวนที่นั่งตรงกับช่องลมเครื่องปรับอากาศสะดุ้งด้วยความหนาวเหน็บ แต่เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้น ยังคงก้มหน้าเล่นเกมไขปริศนาอย่างตั้งอกตั้งใจ ทว่าใจกลับลอยไปไกลแล้ว

โต๊ะประชุมเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ร่างสูงนั้นเหมือนเดินผ่านคนหลายคน เซี่ยงหยวนที่ก้มหน้าอยู่ได้ยินเพียงเสียงขยับของเก้าอี้ ลมอุ่นจากเครื่องปรับอากาศพัดเข้ามาในปกเสื้อเธอ เนื้อผ้าบางๆ สะกิดผิวกายทำให้เธอรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เกมไขปริศนาในมือถือหารูปทรงที่คล้ายกันไม่ได้อีกแล้ว

ที่จริงแล้วสวีเยี่ยนสือไม่ได้เย็นชาเหมือนคืนที่อยู่บนรถ ขณะที่ทุกคนพูดคุยกันบนโต๊ะประชุมเขาก็พูดแทรกขึ้นเป็นบางครั้ง พอมีผู้หญิงคุยกับเขา เขาก็จะก้มหน้ายิ้มบางๆ เวลาเขายิ้มจะโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย ฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ ภาพลักษณ์ยังคงสดใสเหมือนสมัย ม.ปลาย แต่ดูเป็นกันเองมากกว่า

สายตาของทั้งสองคนสบประสานกันบางครั้งท่ามกลางเสียงพูดคุยจอแจของผู้คน แล้วก็ละออกจากกันเงียบๆ อย่างรู้กันดี

เซี่ยงหยวนกลับไปจ้องมือถืออีกครั้ง ขณะที่สวีเยี่ยนสือคุยเล่นเบาๆ กับจางจวิ้นที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียงของเขาทุ้มต่ำสลับกังวาน ทั้งยังเจืออารมณ์หยอกเย้าเล็กน้อย ลอยข้ามห้องนี้ ข้ามขุนเขาทะเลที่ขวางกั้นพวกเขาอยู่ เข้ามาในหูของเธอ

“จัดการเรียบร้อยแล้ว เหล่าเหลียงให้คนไปหามาน่ะ รอทางโรงงานแก้งานอีกที”

จางจวิ้นพูด “ลูกพี่ คราวหน้าเราต้องเลี้ยงข้าวพวกเหล่าเหลียงหรือเปล่า เพราะครั้งนี้เขาช่วยเราไว้เยอะเลย”

“ไว้ค่อยว่ากันอีกที เหล่าเหลียงไม่ชอบอะไรแบบนี้”

หลี่หย่งเปียวเคาะโต๊ะอีกครั้ง “เอาล่ะ เลิกคุยเล่นกันได้แล้ว ได้เวลาแล้วเริ่มประชุมกันเถอะ คุณช่วยจดชื่อคนขาดประชุมหน่อยนะ เดี๋ยวจะหักเคพีไอ* ของเดือนนี้”

หญิงสาวที่อยู่แผนกเลขาฯ ไม่ค่อยกล้าเขียน “แล้วให้จดชื่อคนนั้นไว้ด้วยไหมคะ ถ้าเกิดปีนี้มาหักโบนัสของเราอีกจะทำยังไงล่ะคะ”

หลี่หย่งเปียวมีสีหน้าหงุดหงิด “งั้นก็ไม่ต้องเขียน เขียนชื่อเกาเหลิ่งลงไป”

นี่มันรังแกเกาเหลิ่งที่ไม่มีเส้นสายชัดๆ

สวีเยี่ยนสือกำลังจะอ้าปากพูดก็ถูกคนขัดจังหวะ

“ช่างเถอะ ไม่ใช่ประชุมใหญ่อะไร ไม่ต้องเขียนหรอก ฉันรู้จักกับเกาเหลิ่ง” เซี่ยงหยวนวางมือถือลง ก่อนพูดพร้อมชำเลืองมองสวีเยี่ยนสือ

หลี่หย่งเปียวโบกมือ “ได้ๆ”

คนที่อยู่ในห้องประชุมต่างทำหน้าตกตะลึง พนักงานจ้องหน้ากันด้วยความงุนงง หลี่เถี่ยไกว่ ว่านอนสอนง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ผู้หญิงคนนี้ใหญ่มาจากไหนกัน เป็นพนักงานใหม่ไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงเหมือนผู้จัดการที่สำนักงานใหญ่ส่งมามากกว่า

“ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จัก เซี่ยงหยวน เป็นหัวหน้าทีมแผนกเทคโนโลยีคนใหม่ที่ทางสำนักงานใหญ่ส่งมา”

จากนั้นก็มีเสียงฮือฮาดังมาจากลูกน้อง

หลี่หย่งเปียวตบโต๊ะ “เอะอะอะไรกัน ฟังผมพูดให้จบก่อน” เขาชี้ไปที่สวีเยี่ยนสือ “แผนกเทคโนโลยีแบ่งทีมกัน คุณดูแลทีมหนึ่ง เซี่ยงหยวนดูแลทีมสอง แล้วก็แบ่งคนไปหน่อย หรือว่าพวกคุณใครสมัครใจจะไปอยู่ทีมสองก็ยกมือขึ้น”

แล้วใครมันจะไปยกมือกันล่ะ

เซี่ยงหยวนกระแอมทีหนึ่งเพื่อใช้สิทธิ์ในการพูด “ไม่เป็นไร พวกคุณจะอยู่กับหัวหน้าสวีก็ได้ ฉันขอคนเดียวก็พอ ฉันสนิทกับเกาเหลิ่ง ให้เขามาอยู่ทีมฉันเถอะ”

“คุณจะเอาแค่คนเดียวเหรอ”

“เดี๋ยวฉันให้เกาเหลิ่งพาฉันไปเดินดูเพื่อให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของบริษัทก่อน”

หลี่หย่งเปียวรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดมาก ไม่ล่วงเกินใครเลย แตกต่างจากยายหลานสาวรองหัวหน้าคนนั้นอย่างสิ้นเชิง จู่ๆ เขาก็ตั้งความหวังอยากให้เธอคนนี้สร้างผลงานอะไรให้กับบริษัทแห่งนี้

“สวีเยี่ยนสือ คุณว่าไง”

“ได้ครับ”

“โอเค งั้นก็ให้เกาเหลิ่งจัดการด้วย”

พอเลิกประชุมทุกคนก็ทยอยแยกย้ายกันไปหมด เซี่ยงหยวนยังไม่ได้ลุกไปไหน นั่งเล่นเกมไขปริศนาอยู่ที่เดิมอีกพักหนึ่ง แต่เธอคาดไม่ถึงว่าสวีเยี่ยนสือก็ยังไม่ได้ลุกไปเช่นกัน เขานั่งกางขาเอามือกอดอก หลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ ด้านหน้าเขามีสมุดบันทึกกางไว้อยู่เล่มหนึ่ง แต่สะอาดเกลี้ยงเกลายิ่งกว่าใบหน้าของเขาเสียอีกเพราะไม่ได้จดอะไรไว้ รู้สึกว่าปกติแล้วเขาเป็นคนที่ไม่จดบันทึกเลย

พอเห็นเธอหยุดเล่นสวีเยี่ยนสือจึงพูดเสียงทุ้ม “เล่นเสร็จแล้วเหรอ”

“หือ? นายยังไม่ไปอีกเหรอ”

สวีเยี่ยนสือเอื้อมแขนออกมาข้างหนึ่งแล้วปิดสมุดบันทึกที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นพูด

“โมเมนต์ที่เกาเหลิ่งโพสต์ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เธอ แต่เพราะหลายปีที่ผ่านมาทางนี้โดนสำนักงานใหญ่ยัดเด็กเส้นมาเยอะเกินไป เขาก็เลยมีปฏิกิริยามากไปหน่อย”

เธอวางมือถือลงแล้วนั่งเอนหลัง รอยยิ้มของเธอเหมือนจิ้งจอกน้อยจอมเจ้าเล่ห์ “ทำไม กลัวฉันรังแกเกาเหลิ่งเหรอ สวีเยี่ยนสือ ในสายตานายฉันเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนั้นเลยเหรอ อย่างน้อยฉันก็เป็นแฟนเก่าของเพื่อนนายมาก่อนนะ ไม่ต้องหาเรื่องฉันขนาดนี้ก็ได้มั้ง”

สวีเยี่ยนสือก้มหน้ายิ้มคล้ายเย้ยหยันตัวเอง เส้นตรงที่หางตาลดต่ำลง ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ท่าทางเย็นชาจนน่าใจหาย

“ระหว่างเราสองคนถ้าไม่พูดถึงเฟิงจวิ้นก็ไม่มีเรื่องอื่นจะคุยกันแล้วใช่ไหม สรุปแล้วจะหาเรื่องคุยหรืออยากโดนตีกันแน่”

เซี่ยงหยวนมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากเขา เธอกะพริบตาพลางจ้องมองเขาด้วยความงงงวย ทางด้านสวีเยี่ยนสือทันทีที่พูดจบเขาก็นึกเสียใจขึ้นมา แต่เรื่องบางอย่างไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เธอฟัง

“นายทะเลาะกับเฟิงจวิ้นเหรอ” เซี่ยงหยวนถามอย่างระมัดระวัง

“เปล่าหรอก” เขาเอามือสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ยังนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ เบือนหน้าเล็กน้อยเผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่ไร้อารมณ์ “เราไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว”

เซี่ยงหยวนห่อปากก่อนพยักหน้าทำท่าครุ่นคิด “ฉันก็เหมือนกัน หลังเรียนจบก็ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว”

เขาตอบรับ “อื้ม” นานมาแล้วตอนที่เธอเพิ่งชอบเขา ทุกครั้งที่เขาพูดว่า ‘อื้ม’ ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เซี่ยงหยวนมักรู้สึกหัวใจเต้นระรัว ทุกอย่างเต็มไปด้วยฟองสีชมพูทั้งๆ ที่เป็นเพียงการสนทนาธรรมดาๆ เช่น

‘นายกินข้าวหรือยัง’

‘อื้ม’

แต่เธอกลับกระโดดโลดเต้นอยู่ในหอพักด้วยความดีใจ พร้อมกับหมุนสามร้อยหกสิบองศาอยู่กับที่อีกร้อยยี่สิบรอบราวกับว่าเขารับปากจะเก็บดาวบนฟ้ามาให้เธอ

นั่นเป็นวัยที่พวกเขาต่างสดใสและสวยงามที่สุด ตอนนั้นเขายังไม่ได้ชอบเธอ แต่ตอนนี้พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว และแหวกว่ายอยู่ในทะเลชื่อเสียง กิเลส และลาภยศมานานหลายปี รู้จักโลกมนุษย์ที่ไม่เที่ยงและความรักที่ไม่จีรังก็ผ่านตามาจนชินชา คนโง่เท่านั้นถึงจะเชื่อในเรื่องความรัก

เซี่ยงหยวนก้มหน้าลงอีกครั้งแล้วเปิดเกมไขปริศนา ง่วนอยู่กับการทำสถิติคะแนนใหม่

บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่สวีเยี่ยนสือจะลุกขึ้นยืน มือข้างหนึ่งของเขาสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง ส่วนมืออีกข้างถือสมุดบันทึกไว้ เขาใช้มุมแข็งๆ ของสมุดบันทึกเคาะโต๊ะด้วยท่าทีจริงจังแล้วพูดขึ้น

“จะไปไม่ไป”

เซี่ยงหยวนตอบกลับไปด้วยความเคยชิน “เดี๋ยวก่อน ขอเล่นตานี้จบก่อน”

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงความผิดปกติจึงเงยหน้าขึ้นด้วยความฉงน และพบกับสายตาที่ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดคู่นั้น

“นายรอฉันอยู่เหรอ”

สวีเยี่ยนสือหัวเราะเสียงเย็น “นึกว่าฉันเสียเวลารำลึกความหลังกับเธออยู่เหรอ”

เซี่ยงหยวนหน้าแดงด้วยความเก้อเขิน “นี่ก็…เลิกงานแล้วไม่ใช่เหรอ”

“เหลืออีกสิบนาที” เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ นิ้วชี้เคาะที่หน้าปัด “แผนกเทคโนโลยียังมีประชุมอีก”

เซี่ยงหยวนรีบปิดเกมทันที จากนั้นโยนมือถือเข้าไปในกระเป๋าพลางทัดปอยผมไว้ที่หลังหูแล้วมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “ทำไมนายถึงไม่รีบบอกฉันล่ะ!” พูดจบก็ชิงตัดหน้าเดินนำออกไปโดยไม่รอเขา

เธอเป็นคนตัวไม่สูงนัก ส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบสองเซนติเมตร แต่สัดส่วนขาของเธอดีมาก พอใส่รองเท้าส้นสูงแล้วใครไม่รู้ยังนึกว่าเธอสูงสักร้อยหกสิบแปด ทั้งนี้เพราะเธอมีขาเรียวยาวคู่นี้คอยช่วยเสริมความโดดเด่น

เซี่ยงหยวนเร่งฝีเท้าเดินออกมานอกห้องประชุม แต่เขาก็ยังไม่ตามมา พนักงานที่เดินผ่านมากล่าวทักทายเธอ หญิงสาวรู้สึกว่าควรสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเอาไว้สักหน่อยจึงยืนอยู่หน้าประตู กระเป๋าที่กลายเป็นประเด็นร้อนมาตลอดทั้งบ่ายตอนนี้ถูกห้อยไว้ที่แขนโดยที่เจ้าของไม่ได้สนใจ เธอทำมือเป็นโทรโข่งแล้วป้องไว้ที่บริเวณปาก จากนั้นค้อมตัวลงเล็กน้อยแล้วตะโกนไปทางห้องประชุมด้วยท่าทีขี้เล่น

“สวีเยี่ยนสือ เลิกเล่นเกมได้แล้ว! เร็วๆ เข้า แผนกเทคโนโลยีมีประชุมนะ!”

ตะโกนเสร็จเธอก็ยืนพิงผนังรออยู่หน้าประตูและไม่ได้มองเข้าไปข้างในด้วย

สวีเยี่ยนสือยังนั่งอยู่ในห้องประชุม หลังได้ยินเสียงคนร้ายชิงฟ้องเสียก่อนของอีกฝ่าย เขาที่ยืนกอดอกพิงอยู่กับโต๊ะประชุมก็ก้มหน้าแล้วเผยรอยยิ้มสดใสที่หาดูได้ยากออกมา

เซี่ยงหยวนรออยู่หน้าประตูครู่หนึ่งกว่าจะเห็นคนเดินออกมา “นายทำอะไรน่ะ”

สวีเยี่ยนสือดันแว่นขึ้นแล้วเดินออกมา “กำลังคิดอยู่ว่าจะแนะนำเธอให้ทุกคนรู้จักยังไง”

เซี่ยงหยวนดึงกระเป๋าขึ้นไปสะพายที่ไหล่ สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันหนาว แล้วเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย

“ก็บอกไปสิว่าฉันเป็นเด็กเส้น ไหนๆ พวกนายก็เรียกฉันแบบนี้ลับหลังอยู่แล้ว”

สวีเยี่ยนสือเหลือบมองเธอแล้วพูดเปิดโปงตรงๆ “หรือเธอจะเถียงว่าไม่ใช่ล่ะ”

เซี่ยงหยวนชะงักก่อนจะจ้องกลับไปด้วยสายตาเย็นชา “นายมีเพื่อนจริงๆ เหรอ”

สวีเยี่ยนสือไม่ตอบคำถามเธอ

เซี่ยงหยวนโบกมือแล้วพูดอย่างยอมแพ้ “เมื่อกี้นี้ผู้จัดการหลี่ก็แนะนำไปแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้านายอยากจะแนะนำอีกก็บอกไปว่าฉันเป็นเพื่อนสมัยเรียน ม.ปลาย ของนายสิ” พูดจบก็รู้สึกว่าไม่เหมาะ “ช่างเถอะ นายอย่าพูดว่าเราเป็นเพื่อนสมัย ม.ปลาย กันจะดีกว่า เพราะโรงเรียนมัธยมที่หกก็ไม่ใช่โรงเรียนดีเด่อะไร เดี๋ยวจะทำให้ภาพลักษณ์ของนายเสียหมด”

“ได้”

เธอถูกรังเกียจเสียแล้ว

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 3 .. 66 เวลา 12.00 .

4 of 4หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in With Love

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com