With Love
ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 3
บทที่ 3
ผุดประเด็น ยื่นมือเข้าช่วย
ในการประชุมประจำแผนกเทคโนโลยีสวีเยี่ยนสือไม่ได้แนะนำความสัมพันธ์สมัยเรียนของทั้งสองให้ทุกคนรับรู้ เขารักษาระยะห่างและแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเซี่ยงหยวนเหมือนกับเธอเป็นพนักงานใหม่จริงๆ
พอสวีเยี่ยนสือแนะนำสั้นๆ เสร็จลูกน้องต่างพากันปรบมือเสียงดัง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความชื่นมื่น คล้ายว่ายินดีต้อนรับเธออย่างยิ่ง
เซี่ยงหยวนกวาดตามองไปรอบหนึ่งก็พบว่าในแผนกเทคโนโลยีเป็นอาณาจักรของผู้ชายชัดๆ เพราะนอกจากเธอกับผู้หญิงอีกคนแล้ว ทั้งแผนกที่มียี่สิบกว่าคนนั้นเป็นผู้ชายหมดเลย
ทันใดนั้นเกาเหลิ่งก็ผุดลุกขึ้นแล้วจ้องมองไปที่เซี่ยงหยวนด้วยท่าทีจริงจัง “ถึงแม้การถามแบบนี้อาจจะเสียมารยาทไปสักหน่อย แต่ว่าหัวหน้าทีมครับ ก่อนอื่นผมไม่มีปัญหาอะไรกับคุณเลย ผมแค่อยากจะถามว่าทำไมถึงมีผมแค่คนเดียวที่ไปอยู่ทีมคุณ”
เซี่ยงหยวนยิ้มหวาน “เพราะฉันระบุตัวคุณไว้กับผู้จัดการหลี่โดยเฉพาะยังไงล่ะ”
เกาเหลิ่งถาม “ทำไมคุณถึงต้องระบุตัวผมด้วย” คุณนึกว่านี่เป็นการสั่งอาหารเหรอ พอคุณสั่งแล้วผมก็ต้องยกตัวเองไปเสิร์ฟให้ถึงที่
เซี่ยงหยวนยังคงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เพราะคุณหล่อที่สุด”
“ได้เลยครับ หัวหน้า” เกาเหลิ่งนั่งลงทันที “ยินดีต้อนรับนะครับ”
คนทั้งโต๊ะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แม้แต่สวีเยี่ยนสือก็ถูกปฏิกิริยาอันชาญฉลาดของเธอสะกิดจนมุมปากหยักโค้งขึ้น
ผู้ชายบางคนคิดว่าเซี่ยงหยวนทั้งเป็นกันเองและสดใสมาก โดยเฉพาะเวลาเธอยิ้มจะเผยให้เห็นเขี้ยวที่มุมปากด้วย และท่าทางยังดูเป็นสาวน้อยอยู่เลย จึงลดความระแวดระวังในตอนแรกพบลง อันที่จริงผู้ชายพวกนี้เข้าใจง่ายมากเพราะเป็นประเภทที่ให้ความสำคัญกับการกระทำมากกว่าตัวบุคคล
สวีเยี่ยนสือใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะตรงหน้าพลางกวาดตาไปยังพวกเขาทีละคน “ยังมีใครจะไปอยู่ทีมสองอีกไหม”
ผู้ชายหลายคนให้เกียรติเธอด้วยการยกมือขึ้น แต่ถูกเซี่ยงหยวนปฏิเสธไปหมด หญิงสาวยิ้มอย่างจริงใจ “ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่ต้องใช้คนมากมายขนาดนั้นหรอก พวกคุณต้องทำอะไรก็ทำกันไปเถอะ ฉันมีเกาเหลิ่งคนเดียวก็พอแล้ว”
พวกผู้ชายพากันทำเสียงฮือฮาเป็นเชิงแซวเล่น ทำให้เกาเหลิ่งที่กำลังดื่มน้ำอยู่สำลักน้ำทันที ยกมือขึ้นแสร้งทำทีดันแว่น แต่จริงๆ แล้วต้องการปกปิดใบหน้าที่แดงก่ำเอาไว้
ขณะนั้นเองก็มีผู้หญิงผมดำยาวสวมแว่นตากรอบดำคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงซอกยกมือขึ้น “หัวหน้าเซี่ยง ฉันขอไปอยู่ทีมคุณได้ไหมคะ”
เมื่อครู่นี้ตอนประชุมใหญ่เซี่ยงหยวนยังไม่เห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ คาดว่าตำแหน่งของผู้หญิงคนนี้คงยังไม่ถึงระดับที่จะเข้าประชุมได้
คราวนี้เซี่ยงหยวนปฏิเสธไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะดูเล่นตัวไปหน่อย จึงพยักหน้าแล้วพูด “ได้สิ”
สวีเยี่ยนสือชำเลืองมองเธอแล้วถาม “มีอะไรจะพูดอีกไหม”
เซี่ยงหยวนคิดดูแล้วก็พูดขึ้นมา “ทุกคนสู้ๆ พยายามเข้า อนาคตของประเทศชาติกำลังรอพวกคุณอยู่”
สวีเยี่ยนสือเลิกคิ้ว “แค่นี้เหรอ”
เซี่ยงหยวนส่งตาหวานให้เขา “ส่วนที่เหลือไว้เราค่อยคุยกันเป็นการส่วนตัวก็ได้”
“…”
พวกลูกน้องต่างพากันหัวเราะเฮฮาด้วยความขบขัน ขณะที่สวีเยี่ยนสือนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้อย่างเปิดเผย มือกำไว้หลวมๆ วางอยู่บนโต๊ะ หลังจากถูกโจมตีด้วยสายตาหวานซึ้งแล้วก็ละสายตากลับมาเงียบๆ โดยไม่ได้สนใจเธออีก เขาเคาะโต๊ะด้วยท่าทีเย็นชาพลางกล่าว
“เลิกประชุมได้”
เซี่ยงหยวนถอนสายตากลับมาด้วยความขุ่นเคือง
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงเพราะคาดไม่ถึงก็คือ…‘เด็กเส้น’ ของแผนกเทคโนโลยีที่ย้ายมาอย่างเอิกเกริกคนนี้ หลังจากที่เดินชมบริษัทเสร็จวันที่สองก็ลาพักร้อนประจำปีให้กับสมาชิกในทีมทั้งสองแล้วพาพวกเขาออกไปเที่ยวเล่น แถมยังโพสต์ลงโมเมนต์เต็มไปหมด
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าก็คือหลี่หย่งเปียวที่มักยึกๆ ยักๆ กับการเซ็นอนุมัติใบลาเวลาที่ลูกน้องขอลาไปร่วมงานมงคลหรืองานศพ แต่คราวนี้กลับเซ็นอนุมัติให้ทั้งสามคนลาตั้งหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ
บรรดาผู้ชายในแผนกเทคโนโลยีที่ถูกโมเมนต์ของเกาเหลิ่งถล่มต่างพากันไม่พอใจ มองไปยังที่นั่งของลูกพี่ตัวเองด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจแล้วคอมเมนต์ประชดในโมเมนต์ของเซี่ยงหยวน
จางจวิ้น : คุณนี่มันหัวหน้าทีมเทวดาชัดๆ!!!
หลี่ฉือ : พวกเราขอทรยศหนีทั้งทีม ช่วยเอาพวกเราไปด้วยนะหัวหน้า!
ซือเทียนโย่ว : สองคนข้างบนช่วยมีจรรยาบรรณกันหน่อย เกาเหลิ่งอาจกลายเป็นผู้ชนะที่โชคดีที่สุดก็ได้ ถึงแม้จะดูเสียมารยาทไปหน่อย แต่ว่าหัวหน้าเซี่ยง คุณบอกว่าเพราะเกาเหลิ่งหล่อที่สุด คุณถึงเลือกเขาไปเป็นลูกทีม งั้นคุณจะลองพิจารณาเรื่องนี้ใหม่ไหม วันนั้นตอนประชุมผมนั่งอยู่ทางขวามือของคุณ อาจจะย้อนแสงไปหน่อย คุณเลยมองไม่เห็นผม ผมชื่อซือเทียนโย่วนะครับ จะลองทำความรู้จักหน่อยไหม ถ้าหากต้องการเพิ่มสมาชิกอย่าลืมพิจารณาผมเป็นคนแรกนะครับ
โหยวจื้อ : อะไรดลใจให้คุณเลือกเจ้าเตี้ยเกาเหลิ่งไป ความตกต่ำของคุณธรรมหรือว่าความดับสูญของมนุษยธรรม
เกาเหลิ่ง : @โหยวจื้อ ฉันสูง 178 ซม. นอกจากลูกพี่แล้วพวกนายไม่มีสิทธิ์ว่าฉันเตี้ย
โหยวจื้อ : @เกาเหลิ่ง อ้อ แล้วอีก 8 ซม. ที่เหลือเป็นหนังหัวหรือว่ากลิ่นเท้าของนายล่ะ
เกาเหลิ่ง : @โหยวจื้อ อย่าพูดมาก จะรอนายอยู่ที่หุบเขาของ League of King* ถ้านายชนะคือ 178 แพ้คือ 187
โหยวจื้อ : @เกาเหลิ่ง ไร้สาระ
ทางด้านเซี่ยงหยวนเตรียมพาเกาเหลิ่งกับสาวแว่นไปสัมผัสประสบการณ์นั่งพารามอเตอร์ เกาเหลิ่งดีใจสุดขีด ตื่นเต้นจนเกือบจะเป่าน้ำมูกออกมาเป็นฟอง
“เป็นแบบกระโดดร่มหรือเปล่า! เหมือนกระโดดร่มไหม สนุกมากไหม”
นักท่องเที่ยวในช่วงนี้ค่อนข้างน้อย พอพูดเสียงดังหน่อยหุบเขาโล่งๆ จึงดังก้องไปด้วยเสียงสะท้อน เซี่ยงหยวนกำลังนั่งยองๆ เล่นเกมไขปริศนาอยู่ที่บันไดหินด้านข้าง ลมหนาวพัดเสียจนนิ้วของเธอซีดไปหมด หญิงสาวเงยหน้ามองเกาเหลิ่ง
“คุณเคยกระโดดร่มมาก่อนเหรอ”
เกาเหลิ่งสั่นหัว “ไม่เคย”
“มันตื่นเต้นไม่เท่ากระโดดร่มหรอกนะ” เซี่ยงหยวนก้มมองมือถืออีกครั้ง “แค่เหมือนนั่งรถตุ๊กตุ๊กเอง”
เกาเหลิ่งถาม “คุณเคยกระโดดเหรอ”
“อื้ม”
เกาเหลิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนอยู่ “คุณเคยเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมอะไรมาบ้าง”
เซี่ยงหยวนไม่ตอบ ถึงพูดไปเขาก็ไม่เข้าใจ คนที่เคยเล่นบันจี้จัมพ์มาตั้งแต่ตอนอายุสิบแปดอย่างเธอเคยผ่านกีฬาเอ็กซ์ตรีมมาทุกรูปแบบแล้ว
เกาเหลิ่งยังคิดจะถามต่อ แต่เจ้าของพารามอเตอร์ก็เดินมาตามแล้ว เขาจึงช่วยสาวแว่นสวมเสื้อและอุปกรณ์ให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในแคมป์กิจกรรม
เซี่ยงหยวนลุกขึ้นจากบันไดหิน ถ่ายรูปเนินเขาที่กระจายอยู่ทั่วทั้งหุบเขา ภูเขาอันเวิ้งว้างเงียบสงัดเต็มไปด้วยบรรยากาศที่สดชื่น ความรู้สึกสงบอันน่าอภิรมย์เป็นเสียงขานรับอันนุ่มนวลจากธรรมชาติ
เธอโพสต์รูปลงในโมเมนต์โดยไม่ได้ใส่แคปชั่นใดๆ และในเวลาเดียวกันก็พบว่าสเตตัสก่อนซึ่งเป็นรูปหมู่ที่ถ่ายที่เขาหมิงซาถูกหนุ่มๆ แผนกเทคโนโลยีคอมเมนต์จนเต็มไปหมดแล้ว
เธอยิ้มแต้อ่านจนจบแล้วตอบกลับโหยวจื้ออย่างรวดเร็ว ‘น่าจะเป็นประกายของมนุษยธรรม’
โหยวจื้อเข้าใจในทันทีทันใด จึงรับมุกต่อโดยพลัน ‘ความเอาใจใส่ที่ควรมีต่อคนงี่เง่าใช่ไหม เข้าใจแล้ว สงสัยผมจะต้องมองคุณใหม่แล้วล่ะ คุณ ผม และลูกพี่น่าจะเป็นพวกเดียวกัน’
ทั้งสองพูดคุยกันในโมเมนต์ ทำให้บรรดา ‘หนุ่มเนิร์ด’ ทั้งหลายไม่ยอม จึงรวมหัวกันถล่มโมเมนต์ของเซี่ยงหยวน
จางจวิ้น : ทำไมถึงตอบกลับแค่โหยวจื้อคนเดียวล่ะ
หลี่ฉือ : หัวหน้าเซี่ยงมองคนจากหน้าตาจริงๆ หนุ่มสาวสมัยนี้เลือดลมร้อนไปหน่อยไหม
ซือเทียนโย่ว : ผมเก็บกดแล้วนะ