With Love
ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 3
เซี่ยงหยวนลดมือถือลงพลางขำจนปวดท้อง สุดท้ายก็วางมาดหัวหน้าทีมตอบกลับไปเป็นเชิงปลอบใจทุกคน ‘ทุกคนตั้งใจทำงานนะ ไว้จะซื้อของฝากกลับไปให้’
พอเซี่ยงหยวนโพสต์เสร็จก็ดึงหมวกของเสื้อกันหนาวมาคลุมศีรษะแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้า ถึงแม้พารามอเตอร์กำลังบินวนอยู่เหนือหุบเขา เสียงเครื่องยนต์ดังก้องจนแก้วหูแทบแตก แต่เธอยังคงได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังสุดชีวิตของเกาเหลิ่ง…
“สนุกสุดๆ ไปเลย! วู้ๆๆๆ!”
ตาคนงี่เง่าเอ๊ย เซี่ยงหยวนแอบด่าในใจ เล่นเกมไขปริศนาอีกสักตาเถอะ ไม่รู้ว่าคะแนนสูงสุดที่สวีเยี่ยนสือทำได้อยู่ที่เท่าไรกันนะ
ทว่าพอเธอเปิดมือถืออีกครั้งผู้ชายที่เพิ่งแวบผ่านเข้ามาในสมองของเธอก็โพสต์สเตตัสไว้ในโมเมนต์ แต่เป็นการแชร์ลิงก์เท่านั้น บรรดาสมาชิกเก่าแก่ของ ‘สโมสรหนุ่มเนิร์ด’ ต่างแย่งกันรายงานตัวอยู่ข้างล่างตรงช่องคอมเมนต์
จางจวิ้น : วันนี้เป็นวันอะไรเนี่ย ลูกพี่โพสต์โมเมนต์กับเขาด้วยเหรอ
หลี่ฉือ : ผ่านไป 8 ปีแล้ว ในที่สุดโมเมนต์ของคุณตาผมก็อัพเดตแล้ว! ซึ้งใจสุดๆ
ซือเทียนโย่ว : รักนะจ๊ะ จุ๊บๆ
โหยวจื้อ : เป็นอะไรไป ลูกพี่จะเข้าร่วมการแข่งขันนี้เหรอ หรือว่าช่วงนี้สภาพทางการเงินไม่ค่อยคล่อง?
เกาเหลิ่ง : ฉันไม่ได้โม้นะ แต่ฉันกำลังตอบโมเมนต์นายอยู่กลางอากาศ
เซี่ยงหยวนคลิกลิงก์นั้น เป็นข้อมูลของการแข่งขันงานหนึ่ง ผู้จัดคือบริษัทเทคโนโลยีการบินเหว่ยเต๋อ หัวข้อคือการแข่งขันสร้างสรรค์เทคโนโลยีเหว่ยเต๋อคัพรุ่นที่สาม
เซี่ยงหยวนกวาดตามองผ่านๆ มองข้ามชื่อเฉพาะและเงื่อนไขของการแข่งขันที่ทั้งน่าเบื่อและยาวเหยียดไป จากนั้นสายตาก็หยุดอยู่ที่เงินรางวัลการแข่งขันที่อยู่ข้างหลังสุด ‘สองแสนหยวน’
ตอนนี้หญิงสาวต้องการเงินมากจริงๆ เงินที่ใช้จ่ายในทริปนี้ก็อาศัยรูดบัตรเครดิตที่พี่ชายเธอแอบยัดไว้ในกระเป๋าก่อนที่เธอจะเดินทางมาที่นี่
เมื่อเกาเหลิ่งกับหลินชิงชิงลงมาแล้ว เซี่ยงหยวนจึงเก็บมือถือกลับเข้าไปในกระเป๋า “ไปกันเถอะ ไปสถานีต่อไป”
เกาเหลิ่งงงไปชั่วขณะ “ยังจะไปอีกเหรอ! คุณยังสนุกไม่พอหรือไง”
เดิมทีคิดว่าที่นี่เป็นสถานีสุดท้ายแล้ว เมื่อครู่เขาจึงปลดปล่อยความตื่นเต้นไปกับการบินทั้งหมดจนตอนนี้เสียงแหบแห้งหมดแล้ว เขากำลังพยุงหลินชิงชิงด้วยท่าทีอ่อนล้า ริมฝีปากซีดเซียว แข้งขารู้สึกอ่อนแรงเหมือนเหยียบก้อนนุ่นอยู่
“หัวหน้าครับ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของวันหยุดเราแล้ว ไปต่อไม่ได้แล้ว ถ้าเดินหน้าอีกก็จะถึงชายแดนแล้วนะ”
เซี่ยงหยวนเดินไปขึ้นรถ เกาเหลิ่งเหงื่อออกเต็มศีรษะ เดินบ่นตามหลังเธอ พยายามบอกให้เธอล้มเลิกความตั้งใจเสีย
เซี่ยงหยวนขึ้นรถ ไม่สนใจเขา จากนั้นสตาร์ตรถแล้วก็โยนผ้าขนหนูสีเหลืองยับๆ ที่ไม่รู้หามาจากไหนไปที่เบาะหลังแล้วสั่งหลินชิงชิง
“อุดปากเขาไว้ซะ”
หลินชิงชิงตอบ “ได้ค่ะ”
เกาเหลิ่งนึกไม่ถึงว่าหลินชิงชิงที่หน้าตาดูเรียบร้อยจะแรงเยอะไม่เบา อีกทั้งยังสามารถก้าวลงจากพารามอเตอร์ในสภาพที่เข่าไม่อ่อนเลยสักนิด สรุปแล้วเขามากับสัตว์ประหลาดสองตัวเหรอเนี่ย
“อื้อๆๆๆ…” หลินชิงชิงเธอปล่อยฉันนะ! เกาเหลิ่งดิ้นรนสุดชีวิต
“ไม่ปล่อย หัวหน้าบอกว่านายพูดมากเกินไป”
“อื้อๆๆๆๆ…” เธอฟังเข้าใจด้วยเหรอ เกาเหลิ่งมองเธออย่างเหลือเชื่อ
การเดินทางครั้งนี้กินเวลาถึงสิบวันเต็มๆ เซี่ยงหยวนขอวันหยุดเพิ่มกับหลี่หย่งเปียวอีกสามวัน
วันที่แปดก่อนที่หญิงสาวจะขับรถเข้าไปในทะเลทราย เธอได้ส่งข้อมูลที่บันทึกไว้ไปให้สวีเยี่ยนสือ
‘นี่เป็นข้อมูลพิกัดตำแหน่งที่ฉันบันทึกไว้ในเส้นทางตะวันตกเฉียงเหนือช่วงหลายวันที่ผ่านมา ฉันใช้อุปกรณ์ตรวจวัดสองชนิด อันหนึ่งคือพีเอ็นดีของเหวยหลิน ซึ่งก็คือเครื่องนำทางแบบพกพาที่พวกนายให้เหล่าเหลียงไปเมื่อหลายวันก่อน อีกอันเป็นเครื่องนำทางติดรถยนต์ ที่เหลือเป็นข้อมูลเปรียบเทียบจากไป่ตู้แมปและแผนที่ในมือถือ นายน่าจะมองปัญหาออกแหละ เดี๋ยวจะเข้าทะเลทรายแล้ว อาจไม่มีสัญญาณ…’
ตอนแรกเธอคิดจะล้อเล่นสักหน่อยว่าไม่ต้องคิดถึงฉันมาก แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมจึงลบทิ้งแล้วพิมพ์เพิ่ม
‘ฉันตั้งใจมาทำงานนะ เรื่องที่ผ่านไปแล้วเราอย่าพูดถึงอีกเลย ส่วนเรื่องระหว่างฉันกับเฟิงจวิ้นก็ไม่เกี่ยวกับนาย ไม่ต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนหรอก’
แล้วเธอก็ส่งตามไปอีกประโยคหนึ่ง
‘อีกอย่างฉันเลิกชอบนายตั้งนานแล้ว’
หลังจากเซี่ยงหยวนส่งวีแชตเสร็จก็ปิดเครื่อง เพราะเธอไม่คิดว่าสวีเยี่ยนสือจะตอบข้อความเธอ ระยะทางอีกสองวันต่อจากนี้พวกเขาจะต้องกางเต็นท์ตั้งแคมป์และไม่มีที่ให้ชาร์จแบตฯ ดังนั้นจึงต้องรักษาแบตฯ มือถือเอาไว้ เพราะเธอไม่อยากขาดการติดต่อในทะเลทรายโกบีอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้จนสุดท้ายกลายเป็นโครงกระดูกไป
ในที่สุดเกาเหลิ่งกับหลินชิงชิงก็รู้ว่าเซี่ยงหยวนมาเพื่อทำงาน มิน่าล่ะ ทุกครั้งที่ถึงสถานที่เที่ยวแห่งหนึ่ง ขณะที่พวกเขาทั้งสองเที่ยวเล่นกันอย่างสนุกสนาน แต่เธอกลับนั่งอยู่ในรถคนเดียว ที่แท้ก็บันทึกผลต่างของข้อมูลพิกัดตำแหน่งอยู่
เกาเหลิ่งมองเซี่ยงหยวนอีกครั้ง พอนึกถึงประโยค ‘สนุกสุดๆ’ ที่ตัวเองเคยตะโกนก็รู้สึกละอายใจ เขานึกว่าจะได้ออกมาเที่ยวกันจริงๆ ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปสนามบินยังนินทากับหลินชิงชิงว่าหัวหน้าทีมคนใหม่คงคิดจะใช้ทริปนี้เอาใจพวกเขาเพื่อจะได้แทนที่ตำแหน่งของลูกพี่ในใจพวกเขา
เพราะฉะนั้นขณะที่เขานั่งอยู่บนรถแท็กซี่ที่มุ่งหน้าตรงไปสนามบินจึงส่งข้อความวีแชตแสดงความจงรักภักดีไปให้สวีเยี่ยนสือ
‘พวกเราไม่มีทางโดนซื้อใจได้ง่ายๆ หรอก นายเป็นลูกพี่ของฉันตลอดไป’
ผลปรากฏว่าหน้าแตกคาโมเมนต์ในวันต่อมา วันนั้นพวกเขาอยู่ที่เขาหมิงซา เกาเหลิ่งกำลังเล่นสไลด์ทรายอยู่กับเด็กอายุแปดเก้าขวบกลุ่มหนึ่งอย่างเมามัน ทั้งยังแข่งขันนัดกระชับมิตรแบบสั้นๆ กันด้วย สุดท้ายก็เอาชนะเด็กๆ ไปได้อย่างเฉียดฉิว ในที่สุดเด็กๆ ก็รู้ตัวว่าเจ้าหมอนี่ไม่มีกระดานสไลด์! นอกจากจะหลอกใช้อุปกรณ์ของพวกเขาฟรีๆ แล้วยังมารังแกพวกเขาอีก กระทืบมัน! เด็กเจ็ดแปดคนกรูกันเข้ามา ก่อนร่วมแรงร่วมใจกันกดใบหน้าของเกาเหลิ่งลงไปในทรายสีทองที่กรุ่นไออุ่น ตอนนั้นหิมะยังไม่ตก ทรายสีทองละเอียดพัดมาเบาๆ ไหลเข้าไปในร่างกายทุกอณู เขาจึงสำลักทรายเต็มปาก
หลังจากเล่นกันเสร็จกว่าเกาเหลิ่งจะจัดการตัวเองจนสะอาดก็หันไปเห็นเซี่ยงหยวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเนินทะเลทราย กำลังยิ้มคุยกับคนแปลกหน้า ฉากหลังเป็นดวงอาทิตย์ที่กำลังตกในยามเย็นและแสงระเรื่อสีสันจรัสตาที่ปราศจากไออุ่น บรรยากาศเงียบสงบและงดงามยิ่ง
คล้ายว่าทั่วทั้งทะเลทรายเหลือเธออยู่เพียงผู้เดียว
เกาเหลิ่งขยี้จมูกพลางหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายแล้วโพสต์ลงโมเมนต์
‘นี่คือลูกพี่ใหม่ของผมเอง’