With Love
ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 4
บทที่ 4
มารู้จักกันใหม่เถอะ
แสงไฟเจิดจ้า ทิวทัศน์ยามค่ำคืนตลอดสองข้างทางดูคึกคักยิ่ง โคมไฟโบราณที่เรียงรายกันเป็นแถวเปล่งแสงสีเหลืองสลัว สาดส่องถนนกว้างขวางเรียบยาวให้สว่างไสว ทอดเงาเงียบสงัดลงบนพื้นเป็นวงๆ ตึกสูงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืด ทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมด้วยแสงไฟหลากหลายสีสัน แต่ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกสงบเยือกเย็น
เกาเหลิ่งใช้แอพฯ เรียกรถอยู่ใต้ตึกโดยปักหมุดไปที่คอนโดฯ ของสวีเยี่ยนสือ
เซี่ยงหยวนขึ้นไปนั่งที่ตำแหน่งข้างคนขับ แอบชำเลืองมองมือถือของคนขับที่ตั้งอยู่บนขาตั้ง ดูเหมือนจะอยู่คนละฝั่งกับบ้านตนเอง รู้สึกว่าเป็นคนละมุมโลกเลยทีเดียว เธอใช้นิ้วเกาปลายจมูก นึกไม่ถึงว่าผ่านไปนานหลายปีจะได้ไปเยือนบ้านเขาด้วยวิธีเช่นนี้ ในใจรู้สึกว้าวุ่นแปลกๆ
เธอไม่รู้ว่าจะต้องทักทายสวีเยี่ยนสืออย่างไร เขาไม่ตอบข้อความเธอ แต่เธอกลับวิ่งไปกินข้าวที่บ้านเขา ถ้าเธอไม่ได้ส่งข้อความ ‘ฉันเลิกชอบนายตั้งนานแล้ว’ ไปก็ดี พอส่งไปแล้วก็เหมือนเป็นการกลบเกลื่อนมากกว่า แม้เธอจะพูดจากใจจริง แต่มือถือยังคงเงียบมาจนถึงตอนนี้ เธอรู้สึกตกที่นั่งลำบากเหมือนกำลังต่อสู้กับโชคชะตาอย่างไรอย่างนั้น แถมยังขัดขืนไม่ได้ด้วย นี่ออกจะกวนใจเธออยู่บ้าง บวกกับวันนี้เธอเพิ่งกลับมาจากทะเลทราย ยังไม่ทันได้อาบน้ำอาบท่าก็มาบ้านคนอื่นทั้งที่ยังมีฝุ่นเต็มตัวอยู่แบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม
รถขับมาได้ครึ่งทางจากนั้นก็เลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็กตรอกหนึ่ง เสาไฟดูเตี้ยกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย แต่แสงไฟกลับสว่างยิ่งกว่าเดิม คนสัญจรค่อยๆ เพิ่มขึ้น ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา เซี่ยงหยวนตัดสินใจคิดหาข้ออ้าง แล้วหันกลับไปพูดกับเกาเหลิ่งและหลินชิงชิงอย่างลังเล
“จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าคืนนี้เหมือนจะนัดเพื่อนไว้คนหนึ่ง…อีกอย่างฉันก็ไม่ได้โบนัสเหมือนคนอื่นด้วย ไม่ต้องมาฉลองก็ได้”
ฟังดูแล้วสมเหตุสมผลมาก
ในกระจกมองหลังเกาเหลิ่งกับหลินชิงชิงมองหน้ากัน แต่นึกไม่ถึงว่าหลินชิงชิงจะมีท่าทีชั่งใจแล้วพูดขึ้น “ถ้าหัวหน้าเซี่ยงไม่ไป งั้นฉันก็ไม่ไปด้วย มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น ฉันไปก็ไม่สนุกหรอก”
“อย่าทำแบบนี้สิ! เมื่อกี้เราตกลงกันซะดิบดีเลยไม่ใช่เหรอ” เกาเหลิ่งชักจะร้อนใจขึ้นมา จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสมอง เขาจึงหันไปชู ‘ห้า’ นิ้วใส่เซี่ยงหยวน “เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะแบ่งเงินให้คุณห้าหยวนเป็นโบนัสประจำปี งานนี้สำคัญตรงที่พวกเราควรมีส่วนร่วม”
เซี่ยงหยวนยิ้มแล้วพูด “ฉันติดธุระจริงๆ”
เกาเหลิ่งกัดฟันแล้วกล่าวด้วยสีหน้าปวดใจ “ยี่สิบหยวน ให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
เซี่ยงหยวนกำลังปรึกษากับคนขับให้จอดรถตรงแยกหน้า ประจวบเหมาะกับที่มือถือของเกาเหลิ่งดังขึ้นพอดี เขารีบกดรับสายเหมือนคว้าฟางช่วยชีวิตไว้ได้
“ถึงไหนแล้ว” คนที่โทรมาคือโหยวจื้อ
เกาเหลิ่งมองไฟจราจรข้างหน้าแล้วบอก “ยังเหลือไฟจราจรอีกสองจุด แต่ตอนนี้ติดปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง หัวหน้าฉันบอกว่าไม่อยากไปแล้ว หลินชิงชิงได้ยินก็คล้อยตามไปด้วยอีกคน ทำไงดีล่ะทีนี้”
ใกล้จะเลยแยกหน้าแล้วเซี่ยงหยวนก้มหน้าดูโมเมนต์โดยไม่พูดอะไร อันที่จริงเธอก็ไม่ได้ดูอะไรหรอก แค่ฆ่าเวลาเพราะว่างจัดเท่านั้น หญิงสาวกำลังรอให้เกาเหลิ่งคุยกับพวกนั้นเสร็จ แล้วค่อยให้คนขับจอดรถ
เกาเหลิ่งคุยไปได้แป๊บเดียวก็ยื่นมือถือมาโดยไม่เว้นจังหวะให้เธอปฏิเสธ “ลูกพี่จะคุยกับคุณ”
เซี่ยงหยวนจ้องไปที่ชื่อ ‘โหยวจื้อ’ บนหน้าจอที่ยังสว่างอยู่แล้วชะงักไปชั่วอึดใจ สวีเยี่ยนสือยืมมือถือของโหยวจื้อมาใช้เหรอ เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เกาเหลิ่งเร่งเร้าเธออย่างร้อนรน
“เร็วเข้าสิ!”
“ฮัลโหล” เซี่ยงหยวนเอามือถือมาแนบข้างหู
เสียงผู้ชายทุ้มต่ำที่ดังมาจากปลายสายยังคงความเย็นชาตามแบบฉบับของเขา เขาเรียกชื่อของเธอ “เซี่ยงหยวน”
เธอนิ่งไป เสียงกังวานที่ดังมาตามสายได้สลายไอเย็นในใจเธอไปจนหมดสิ้น เพราะนี่คือเสียงที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีและไม่ได้ยินมานานแล้ว หญิงสาวเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เกือบจะนึกว่าคนที่อยู่ปลายสายยังเป็นเด็กหนุ่มผู้หยิ่งผยองคนเดิมคนนั้น
เซี่ยงหยวนหลุบตาลง ขนตาเป็นแพสั่นไหวเบาๆ มือเลื่อนโมเมนต์รัวๆ อย่างไร้จุดหมาย “นายพูดมาสิ”
เขาไม่ได้เอ่ยปากทันทีแต่เงียบไปครู่หนึ่ง
เซี่ยงหยวนเหมือนได้ยินเสียงคนถามดังขึ้นในโทรศัพท์ “นายจะไปไหนน่ะ”
เขาเหมือนกำลังเดินไปยังสถานที่เงียบๆ เซี่ยงหยวนรู้สึกได้ถึงความว้าวุ่นในใจ นิ้วที่เลื่อนโมเมนต์เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเลื่อนไปถึงสเตตัสของเมื่อสามวันที่แล้ว ขณะที่เธอกดล็อกหน้าจอด้วยความรำคาญใจ คิดจะตะโกนใส่มือถือว่าสรุปแล้วนายจะพูดหรือไม่พูด เสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมา
“ไหนบอกว่าไม่ชอบแล้วไง” สวีเยี่ยนสือหยุดเว้นจังหวะคล้ายหลุดขำออกมา “อะไรกัน ไม่กล้ามาเหรอ”
เซี่ยงหยวนรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบขยี้ คำหยอกล้อที่เธอไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินจากเขา ใจของเธอเหมือนน้ำขุ่นที่เดิมทีก็ยากที่จะกลับมาใสอยู่แล้ว ทว่าโดนเขาทุ่มหินก้อนยักษ์ลงมาอีก เธอเคยนึกว่าพอสวีเยี่ยนสือได้รับข้อความนั้นแล้วน่าจะมีปฏิกิริยามากมาย ทั้งดูถูก เย้ยหยัน เย็นชา…แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาตรงๆ แบบนี้
“นายคิดมากไปแล้ว” เซี่ยงหยวนทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง บังเอิญเห็นร้านกุ้งมังกรเล็กที่อยู่แถวนั้นเข้าพอดี เธอจึงหลุดปากพูดออกมา “ฉันอยากกินกุ้งมังกรเล็ก เกาเหลิ่งบอกว่าพวกนายกินหม้อไฟกัน ช่วงนี้ฉันร้อนใน กินของเผ็ดไม่ได้”
“โอเค แล้วจะไม่มาจริงๆ เหรอ”
เซี่ยงหยวนลังเลอีกแล้ว คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปถามคนขับ “ถึงไหนแล้วเหรอคะ”
คนขับชี้ไปที่แยกหน้า “เลี้ยวข้างหน้าก็ถึงแล้ว”
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก สวีเยี่ยนสือโทรมาเพื่อถ่วงเวลาชัดๆ ในเมื่อเธอมาเกือบจะถึงใต้ตึกแล้ว จะตีรถกลับไปอีกก็น่าเกลียดเกินไป มือถือของเซี่ยงหยวนยังไม่ทันวางลง เพียงพริบตาเดียวคนขับก็เหยียบคันเร่งบึ่งมาถึงใต้ตึกแล้วดึงเบรกมือ จากนั้นก็เปิดไฟในรถ ทำให้ดูเหมือนมีรังสี ‘ผู้ปิดทองหลังพระ’ ลอยอยู่กลางกระหม่อม
“ถึงแล้วครับ ช่วยคอมเมนต์ห้าดาวให้ด้วย ขอบคุณครับ”
เกาเหลิ่งกับหลินชิงชิงลงจากรถ เซี่ยงหยวนยังนั่งอยู่ในรถ เธอเห็นสวีเยี่ยนสือที่ถือโทรศัพท์ไว้ในมือเช่นเดียวกับเธอกำลังยืนอยู่ข้างแปลงดอกไม้ใต้เสาไฟสีเหลืองนวล เขาเป็นคนตัวสูงอยู่แล้ว แสงจากเสาไฟส่องลงมาทำให้เขาดูโดดเด่น ชุดออกกำลังกายสีเทาที่สวมอยู่ขับให้เขาดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม เพียงแต่ไม่ได้สวมเสื้อนอกจึงแลดูบอบบางไปหน่อยเมื่อเทียบกับคนสัญจรไปมาที่ใส่เสื้อผ้าหลายชั้นจนตัวหนาเหมือนหมี
รูปร่างหน้าตาของเขาช่างโดดเด่นเกินคนปกติจริงๆ
เซี่ยงหยวนพูด “เห็นนายแล้วล่ะ”
สวีเยี่ยนสือถึงหันมามองทางนี้ เกาเหลิ่งยอบตัวลงเพราะความหนาวแล้ววิ่ง ‘ตึกๆๆ’ เข้าไปหาลูกพี่ของเขา หลินชิงชิงค่อยๆ เดินตามไป ไม่วายหันมามองว่าเซี่ยงหยวนลงจากรถหรือเปล่า
เกาเหลิ่งโผเข้าไปกอดสวีเยี่ยนสือแล้วใช้แขนขารัดเขาไว้เหมือนปลาหมึก แต่สวีเยี่ยนสือปัดออกด้วยสีหน้าเย็นชาที่แสดงถึงความรังเกียจ จากนั้นเสียงของเขาก็ดังขึ้นในมือถือของเซี่ยงหยวน
“ลงมาเถอะ ฉันจะไปซื้อกุ้งมังกรเล็ก”
เสียงนั้นปราศจากอารมณ์ ไม่อ่อนโยน และไม่ใช่การพูดขอร้องให้เธอลงจากรถด้วย ไม่ได้ต่างจากการทักทาย ‘สวัสดี’ เลย แต่กลับทำให้เซี่ยงหยวนหัวใจเต้นตึกตัก แล้วประเด็นสำคัญก็คือสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นเยือกราวกับว่าผู้ที่พูดประโยคนี้ไม่ใช่ผู้ชายหน้าบอกบุญไม่รับที่ยืนอยู่นอกรถคนนั้นเลย
“ได้” เธอเก็บมือถือแล้วผลักประตูรถเดินออกไป