With Love
ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 4
เฉินซูอัดบุหรี่เข้าไปทีหนึ่งแล้วแหงนหน้าพ่นควันออกมา “ฉันรู้จักบริษัทแห่งหนึ่งที่อยากดึงตัวนายไปทำงานด้วย แม้จะเป็นแค่บริษัทสตาร์ตอัพ เทียบกับบริษัทที่ก้าวหน้าอย่างเหว่ยเต๋อไม่ได้ แต่เจ้าของบริษัทชื่นชมนายมาก เขามาคุยกับฉันตั้งหลายครั้ง พอคราวนี้ฉันไปปักกิ่งเขาก็มาคุยกับฉันทั้งคืน เงื่อนไขที่เขาเสนอมาก็ดีมาก ฉันว่านายควรลองพิจารณาดู”
“เงื่อนไขอะไร” สวีเยี่ยนสือก้มหน้ามองปลายเท้า สุ้มเสียงของเขาฟังดูเย็นเยือกเป็นพิเศษในค่ำคืนอันมืดมิด
“ประกันสังคมและประกันภัยอื่นๆ ไม่ต้องพูดถึงกันแล้ว แต่ตำแหน่งคือผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค รายรับต่อปีเริ่มต้นที่หกแสนหยวน บวกกับเปอร์เซ็นต์ตามแต่ละโปรเจ็กต์อีก และบ้านที่วงแหวนรอบที่สี่ของปักกิ่ง อีกหนึ่งหลัง” เฉินซูเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงพูดเสริม “อ้อ แล้วถ้านายเต็มใจ ลูกสาวเจ้าของบริษัทบอกว่าจะแต่งงานกับนายก็ได้ นายจะได้ประหยัดเวลาต่อสู้ไปอีกยี่สิบปี”
ห้องน้ำอยู่ข้างระเบียง เซี่ยงหยวนบังเอิญได้ยินบทสนทนาของทั้งสองขณะที่เดินมาเข้าห้องน้ำพอดี เธอจึงหยุดฝีเท้าลงตามสัญชาตญาณ
“เธอเติมประโยคสุดท้ายเองใช่ไหม”
สวีเยี่ยนสือเข้าใจนิสัยของเฉินซูดี ตอนนั้นเขาหันหลังให้กับเซี่ยงหยวน กอดแขนพิงกับกรอบประตูเลื่อน ก้มหน้าแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ
เฉินซูสูบบุหรี่เข้าไปอีกครั้งโดยไม่พูดอะไร เธอคีบบุหรี่ไว้ที่ปลายนิ้ว พ่นควันออกมาเป็นวง แล้วใช้มือไล่ควันให้ฟุ้งกระจายออกไปพลางพูดขึ้นมา
“นายกลายเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร เชื่อฉันสิ ถ้านายเอาความพยายามสักหนึ่งในสิบที่มีต่อเซี่ยงหยวนไปจีบลูกสาวเจ้าของบริษัท ต่อให้คนที่แต่งงานแล้วก็ยังยินดีหย่าเพื่อนายเลย แม้แต่ป้าก็ยินดีกลับชาติไปเกิดใหม่เพื่อนาย”
สวีเยี่ยนสือก้มหน้านิ่ง โครงหน้าด้านข้างของเขาดูสะอาดเกลี้ยงเกลา แต่ท่าทางเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เฉินซูดับบุหรี่แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย “นี่ นายกับเธอเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ เหรอ”
“อื้ม” เขาขานรับเสียงต่ำ
ทว่าเฉินซูกลับขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อ กวาดตามองเขาไปมาอย่างมีเลศนัย “แต่นายดูเหมือนจะเข้าใจเธอเป็นอย่างดีเลยนะ ฉันรู้จักนายมานานแล้ว แม้นายจะไม่ใช่คนขี้งก แต่อากาศหนาวขนาดนี้ยังยอมวิ่งออกไปซื้อกุ้งมังกรเล็กมาให้เธอ มันดูผิดปกติมากนะ”
สวีเยี่ยนสือไม่ตอบ จู่ๆ เกาเหลิ่งที่อยู่ในห้องรับแขกก็แหกปากตะโกนเรียก “เจ๊ซู!” จึงเป็นการตัดบทสนทนาของทั้งสองอย่างสิ้นเชิง
สายตาของเฉินซูเหลือบมองมาอย่างไม่ตั้งใจ เซี่ยงหยวนตกใจจึงหดตัวกลับเข้าไปในห้องน้ำแล้วแง้มประตูไว้
เฉินซูงึมงำขานตอบเกาเหลิ่งแล้วมองไปยังประตูห้องน้ำที่เปิดแง้มไว้ด้วยสีหน้าครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ละสายตากลับมา
“ช่างเถอะ อย่างอื่นฉันไม่พูดเยอะแล้ว แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องบอกนายล่วงหน้า เฉินซานใกล้จะถูกสั่งย้ายแล้วเพราะคณะกรรมการไม่ค่อยพอใจกับผลงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของเธอ อาจจะย้ายเธอไปอยู่บริษัทลูกที่เซี่ยงไฮ้ ถ้าเธอถูกย้ายไปก่อนที่นายจะย้ายไปสำนักงานใหญ่ ฉันขอแนะนำให้นายลองพิจารณาข้อเสนอของฉันอย่างจริงจัง เพราะถ้าเฉินซานไปแล้วมันจะไม่เป็นผลดีต่อนาย”
สวีเยี่ยนสือกลับสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไม่ต้องหรอก ปฏิเสธแทนฉันไปเถอะ”
เฉินซูไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เธอกดเสียงให้ต่ำลงแล้วขบฟันก่อนกล่าวเสียงแข็ง “นายรู้ไหมว่าบ้านที่วงแหวนรอบที่สี่ของปักกิ่งตอนนี้ตารางเมตรละเท่าไร นายรู้หรือเปล่าว่าคนตั้งเท่าไรที่หาเช้ากินค่ำทั้งชีวิตก็อาจไม่มีปัญญาซื้อบ้านแบบนี้ได้สักหลัง แต่นายกลับปฏิเสธไปง่ายๆ แบบนี้ นายคิดอะไรอยู่กันแน่”
สวีเยี่ยนสือไม่ได้พูดอะไร
เฉินซูคล้ายกับหมดความอดทน เธอจึงถอนหายใจออกมาแรงๆ ไม่คิดจะคุยกับเขาต่อ ได้แต่พูดทิ้งท้ายเอาไว้ “ไม่รู้ว่าเฉินซานมอมยาเสน่ห์อะไรให้นายกินกันแน่” พูดจบก็เดินฉับๆ จากไปด้วยท่าทีโอหัง
เซี่ยงหยวนเดินออกมาจากห้องน้ำ ยืนพิงผนังมองแผ่นหลังของผู้ชายที่อยู่ตรงระเบียงเงียบๆ พักใหญ่ จากนั้นก็เดินไปหยิบเบียร์สองกระป๋องในห้องครัวออกมาแล้วรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเขา
แต่เธอเพิ่งก้าวเท้าหน้าออกไปสวีเยี่ยนสือก็รับรู้แล้ว เขาหันมามองเธอทีหนึ่งแล้วเบือนหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา
เซี่ยงหยวนส่งเบียร์ให้เขากระป๋องหนึ่ง มองไปที่ดวงจันทร์แล้วถามด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “นายรู้ไหมว่าการสมปรารถนาเป็นยังไง”
สวีเยี่ยนสือรับเบียร์ไปแต่ไม่เปิด เขาวางตั้งไว้บนราวระเบียง ชำเลืองมองเธอด้วยสายตาเรียบเรื่อย “อะไรเหรอ”
เซี่ยงหยวนเปิดกระป๋องดัง ‘ป๊อก’ แล้วยกขึ้นจิบอึกหนึ่งอย่างนึกครึ้มใจ
“ก็คือคนที่นายชอบ เขาชอบนายพอดี เค้กที่อยากกินในตอนนั้นอยู่ในตู้เย็นพอดี ความต้องการในขณะนั้นได้รับการสนองทันที” พอพูดจบเธอก็เอื้อมมือไปตบไหล่เขาแรงๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง “ชีวิตคนเราสั้นนัก ต้องรู้จักหาความสุขใส่ตัวเข้าไว้”
ทั้งสองยืนเคียงกัน ฝั่งตรงข้ามคือสวนสาธารณะ ท่ามกลางหมอกเบาบางในยามค่ำคืนทะเลสาบที่อยู่ใจกลางสวนสาธารณะเปล่งประกายสีเงินจางๆ ราวกับกระจกวาวที่ประดับแสงดาวติดอยู่บนกองหินของภูเขาจำลอง รอบๆ มีต้นสนมากมายยืนต้นเรียงรายอยู่ ผู้คนที่อยู่ใต้ต้นไม้รวมกลุ่มกันสองสามคน บางคนเดินหมาก บางคนเต้นรำ บางคนพาสุนัขมาเดินเล่น…ตึกรามเก่าใหม่ที่อยู่ไม่ไกลตั้งตระหง่านซ้อนกัน แสงไฟระยิบระยับราวกับมวลดอกไม้ตระการตายิ่ง
สวีเยี่ยนสือสอดมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างกดกระป๋องเบียร์ไว้แล้วใช้นิ้วชี้เกี่ยวห่วงเปิดออกมา
เซี่ยงหยวนมองดูเขาโชว์สกิลเปิดกระป๋องมือเดียวด้วยความตกตะลึง แล้วได้ยินเขาถามขึ้น “เธอได้ยินหมดแล้วเหรอ”
เซี่ยงหยวนเห็นเขาถือกระป๋องเบียร์ไว้ในมือพร้อมกับพิจารณาตัวเอง จากนั้นก็รีบยกมือสาบาน “ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ ก็แค่ตอนที่มาเข้าห้องน้ำบังเอิญได้ยินนายกับเธอกำลังคุยกัน…”
สวีเยี่ยนสือยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนเขาจะไม่ใส่ใจนัก
เซี่ยงหยวนนึกว่าจะเงียบไปอีกนาน เธอไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน จึงได้แต่แสร้งทำทีเป็นชื่นชมแสงจันทร์พร้อมกับดื่มเบียร์ในมืออึกแล้วอึกเล่าอย่างว่าง่าย ทันใดนั้นก็ได้ยินประโยคเรียบๆ ดังขึ้นข้างหูตน
“งั้นก็ขออวยพรให้เธอสมปรารถนาทุกเรื่องแล้วกัน”
สุ้มเสียงที่แผ่วเบาแต่ทรงพลังคล้ายกับว่าสามารถทะลุผ่านใจคนได้ของเขาพุ่งตรงสู่กลางใจเธอ เธอตะลึงงันอยู่นานสองนานก็ยังไม่ได้สติกลับมา นี่น่าจะเป็นคำอวยพรที่ดีที่สุดเท่าที่เธอเคยได้รับมาแล้ว
ขอให้เธอสมปรารถนาทุกเรื่อง ความต้องการในขณะนั้นได้รับการสนองทันที
เธอรู้สึกแน่นหน้าอกเหมือนหายใจไม่ออกและตั้งรับไม่ค่อยทัน จึงได้แต่กัดขอบกระป๋องเบียร์แล้วอาศัยแสงจันทร์สลัวชำเลืองมองผู้ชายที่อยู่ข้างกายด้วยหางตา เสื้อออกกำลังกายของเขาที่เปิดอ้าอยู่นั้นปกคอตั้งสูงระข้างแก้มของเขาเบาๆ ดูคล้ายกับเด็กหนุ่มสะอาดสะอ้านในอดีตเป็นอย่างยิ่ง
เซี่ยงหยวนตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณนะ”
“ด้วยความยินดี” เขายกเบียร์ขึ้นดื่มอึกหนึ่งแล้วพูดแบบไม่ใส่ใจ
แม้ตอนนี้เซี่ยงหยวนจะมีคำพูดบางอย่างที่ไม่สะดวกถาม มีความสงสัยมากมายท่วมท้นอยู่ในใจซึ่งยากที่จะเอื้อนเอ่ยออกมา แต่พอลองคิดดูเธอก็กล่าวขึ้นมาเรื่องหนึ่ง
“วันนี้ต้องขอบคุณน้ำจิ้มซีฟู้ดกับกุ้งมังกรเล็กของนายด้วยนะ นึกไม่ถึงว่าผ่านมาตั้งนานแล้วนายยังจำได้อยู่”
สวีเยี่ยนสือนึกไม่ถึงว่าเธอจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง ที่จริงเขาทำไปเพราะกลัวความยุ่งยาก สำหรับเรื่องสมปรารถนาที่ว่านี้เขาเคยได้ยินจากปากของเฟิงจวิ้นมาเหมือนกัน เฟิงจวิ้นบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ถูกเลี้ยงดูประคบประหงมมาอย่างดี ถ้าไม่ตามใจเธอ เธอก็จะอาละวาดเพราะที่บ้านตามใจมาตั้งแต่เด็ก สมัย ม.ปลาย เธอเป็นคนอารมณ์ร้ายมาก ถ้าไม่ได้กินของที่อยากกินก็จะบ่นอยู่พักใหญ่ บางครั้งเซี่ยงหยวนสั่งให้เฟิงจวิ้นไปซื้ออะไร แล้วเฟิงจวิ้นกำลังเล่นเกมอยู่ไม่ว่างออกไปซื้อก็จะโทรศัพท์ไปบอกสวีเยี่ยนสือที่อ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดซื้อให้แทน พอสวีเยี่ยนสือซื้อบ่อยเข้าจึงจำได้ ปรากฏว่าตอนหลังเมื่อทุกคนมีโอกาสได้นั่งกินหม้อไฟด้วยกัน เฟิงจวิ้นไม่รู้ว่าเซี่ยงหยวนชอบกินน้ำจิ้มซีฟู้ดยี่ห้ออะไร แต่สวีเยี่ยนสือกลับเป็นคนที่ปรุงน้ำจิ้มจนเรียบร้อยเสร็จสรรพแล้วนำมาวางไว้ตรงหน้าเธอ
เรื่องราวในอดีตยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ ส่วนเขาก็เหมือนยึดติดอยู่กับบทบาทเดิม ไม่เคยหลุดพ้นออกมา
สวีเยี่ยนสือหันกลับไป พิงหลังไว้กับราวระเบียง จากนั้นก็วางกระป๋องเบียร์ไว้ข้างๆ เอียงคอมองเธอแล้วกล่าวขึ้นมา
“เธออย่าคิดมาก ฉันก็แค่กลัวผู้หญิงโวยวายเท่านั้น”
“ฉันก็ไม่ได้คิดมากนี่” เซี่ยงหยวนเลียนแบบเขา พิงหลังไว้กับราวระเบียงเช่นกัน เธอหลุบตาลงแล้วยิ้มออกมาอย่างร่าเริง “ฉันไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่านายชอบฉันอยู่หรอก ฉันรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ นายเป็นคนฉลาด แถมความจำดีเลิศ จำความเคยชินเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ได้ก็ไม่แปลก ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนนายเป็นคนซื้อของพวกนั้นให้ฉัน เฟิงจวิ้นก็แค่อาศัยใบบุญนายเอาของมาให้ฉันเท่านั้น แต่ฉันสงสัยว่าเขาเรียกใช้นายอยู่บ่อยๆ หรือเปล่า ต่อให้มีเงินก็รังแกคนอื่นแบบนี้ไม่ได้นะ”
สวีเยี่ยนสือก้มหน้าหัวเราะไม่ได้รับคำ
เซี่ยงหยวนพูดขึ้นอีก “แต่เรื่องที่ป่าน่ะ…”
สวีเยี่ยนสือรีบตัดบททันทีแล้วเหลือบมองเธอ “คืนนี้เธอจะมาคิดบัญชีเก่าเหรอ”
เซี่ยงหยวนรีบปัดความผิดออกไปให้พ้นตัว “เรื่องนี้นายจะปรักปรำฉันไม่ได้นะ ฉันบอกไปแล้วว่าไม่มา แต่นายโทรมาหาฉันเอง”
“ได้ ฉันหาเรื่องเอง” สวีเยี่ยนสือยกมือยอมรับด้วยท่าทีจนใจ
พอทั้งสองพูดจบก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วหันหน้าออกจากกัน
เซี่ยงหยวนคิดดูแล้วก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน “ฉันแค่คิดว่าไหนๆ ก็มาแล้ว เรามาพูดเรื่องในอดีตให้ชัดเจนไปเลยดีกว่า เคลียร์ให้เรียบร้อย ต่อไปก็ตั้งใจทำงาน ฉันกับเฟิงจวิ้นเลิกกันไปตั้งนานแล้ว เราสองคนจะอยู่กันแบบเอกเทศไม่ได้เหรอ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายยังคิดว่าฉันเป็นแฟนของเฟิงจวิ้นอยู่”
สวีเยี่ยนสือถามกลับ “เธอกลายเป็นคนกระตือรือร้นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
เซี่ยงหยวนโบกมืออย่างหมดคำพูด “นายก็ถือซะว่าฉันเหมือนกับพวกนาย เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมแล้วกัน”
“เหมือนกับพวกเราเหรอ แล้วเธอต่างจากพวกเราตรงไหน”
ฉันไม่เหมือนกับพวกนายอยู่แล้ว ถ้าฉันทำธุรกิจล้มเหลวก็ยังมีทรัพย์สมบัติอีกเป็นหมื่นล้านรอให้ฉันกลับไปสืบทอดอยู่ แล้วนายมีเหมือนฉันหรือเปล่าล่ะ
แต่จะพูดแบบนี้ตรงๆ ก็ไม่ได้ เซี่ยงหยวนจึงยิ้มแล้วชูกระป๋องเบียร์ขึ้น “อย่ามาจับผิดกันได้ไหม มาๆๆ เรามาชนกันหน่อย ตกลงกันแล้วนะว่าจะไม่คิดถึงเรื่องเก่าอีก ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเคยเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เราจะเริ่มต้นใหม่กัน”
สวีเยี่ยนสือไม่ได้สนใจเธอ เหลือบมองเธอแวบหนึ่งแล้วเบือนหน้าไปอีกทาง
เซี่ยงหยวนจึงเริ่มสะสางความสัมพันธ์ใหม่ขึ้นมาเอง “ขอแนะนำตัวใหม่อีกครั้งนะ สวัสดี ฉันคือหัวหน้าทีมสองของแผนกเทคโนโลยี เซี่ยงหยวน”
เธอเหมือนได้ยินเขาพูดว่า “ไร้สาระ”
ที่จริงเซี่ยงหยวนก็ไม่คิดว่าเขาจะให้ความร่วมมือ ขณะที่ตัวเองเตรียมจะดื่มเบียร์สักอึกแล้วเผ่นหนี แต่วินาทีต่อมากระป๋องเบียร์ที่เธอถืออยู่ในมือก็ถูกชนเบาๆ
หญิงสาวพลันเงยหน้าขึ้น ไม่รู้ว่าสวีเยี่ยนสือยกกระป๋องเบียร์ในมือมาชนกระป๋องเธอตั้งแต่เมื่อไร จากนั้นเขาก็บอกชื่อตัวเองสั้นๆ ด้วยท่าทีเฉื่อยชา
“สวีเยี่ยนสือ”
ไม่รู้ทำไม แต่สามพยางค์นี้ทำให้เธอใจเต้นได้มากยิ่งกว่าทุกเรื่องที่เขาทำให้เธอในช่วงที่ผ่านมา เรียกว่าหัวใจเต้นจนแทบจะทะลุออกจากอกเลยก็ว่าได้
และประโยคที่เขาพูดเมื่อครู่นี้…ขออวยพรให้เธอสมปรารถนาทุกเรื่อง
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนตุลาคม 66)