บทที่ 1
เมืองหานตัน แคว้นจ้าว
ผิงหยวนจวิน ในตอนนี้รู้สึกปวดใจยิ่ง เจ้าแคว้นผู้เป็นพี่ชายสิ้นบุญ รัชทายาทที่จะสืบทอดบัลลังก์ต่อไม่ใคร่ชอบหน้าเขาเท่าไร แค่คิดว่าต่อไปอาจขูดรีดราษฎรได้น้อยลง ใจเขาก็แทบแหลกสลาย
วันนี้เขาตื่นนอนแต่เช้าสวมชุดไว้ทุกข์ จุดธูปเผากระดาษเงินกระดาษทองเซ่นไหว้พี่ชาย คงเพราะกำลังตรอมตรมอย่างแสนสาหัส มือจึงสั่นจนเผลอทำไฟติดเสื้ออนุสุดที่รักโดยไม่ตั้งใจ ยามทุกคนเข้าไปช่วยอนุของเขากันเอะอะวุ่นวาย แววตาของเขากลับว่างเปล่า น้ำตาไหลไม่ขาดสาย ริมฝีปากขมุบขมิบพึมพำถึงผู้เป็นพี่…
“นายเราช่างจงรักภักดีอะไรเช่นนี้!”
เหล่าเหมินเค่อที่ยืนมุงดูอยู่บนลานพากันตื่นตัว จรรยาบรรณในอาชีพทำให้พวกเขาเล็งเห็นช่องทางการแสดงศักยภาพของตนเป็นครั้งแรก ครึ่งหนึ่งจึงกรูกันเข้าไปร่วมหลั่งน้ำตากับผิงหยวนจวิน ส่วนอีกครึ่งวิ่งโร่ออกไปป่าวประกาศความดีงามของเจ้านายตนที่ข้างนอก
การตื่นตัวของพวกเขาทำให้อนุของเจ้าบ้านอึ้งไปด้วยความตกใจ พอตั้งตัวได้ก็เริ่มร้องไห้โวยวาย หักปิ่นหยกเป็นสองท่อนอย่างโมโห
“ท่านพี่ทำเช่นนี้คงไม่เหมาะ” ยามเข้านอนตอนกลางคืน ฟูเหริน ของผิงหยวนจวินพูดกับสามีด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“หือ? ไม่เหมาะอย่างไร” ผิงหยวนจวินถามอย่างไม่ใส่ใจ ขณะนั่งลูบไรเคราเบื้องหน้าคันฉ่องสำริดก็ยังประทับใจการแสดงละครของตนไม่หาย
“สิ่งที่ท่านพี่ทำวันนี้แสดงถึงความจงรักภักดีต่อต้าหวัง ความรักที่น้องมีต่อพี่ แต่แค่นี้ยังไม่พอเจ้าค่ะ ถ้าเกิดต้าหวังคนใหม่มองว่าท่านพี่ยึดมั่นต่อนายเก่า ไม่เห็นความสำคัญของเขามากพอ ต่อไปท่านไม่ยิ่งตกที่นั่งลำบากหรือ”
มือที่ลูบไรเคราหยุดชะงัก จากนั้นก็ตบโต๊ะ “นั่นสิ! เหตุใดข้าถึงไม่ทันคิดนะ เป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วฟูเหรินคิดว่าควรทำอย่างไรดี”
ผู้เป็นภรรยาตอบ “ข้าได้ยินว่าในกลุ่มผู้มีอำนาจเริ่มมีคนสนับสนุนองค์ชายต่างๆ แล้ว ท่านพี่จะช้ากว่าคนอื่นไม่ได้นะเจ้าคะ”
ผิงหยวนจวินขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็วางคันฉ่องลง ก่อนคลี่ยิ้มคล้ายตัดสินใจได้เสียที ภรรยาผู้มากด้วยวัยที่อยู่ใต้แสงเทียนในเวลานี้ก็ดูน่ารักน่าชังขึ้นมาก “ฟูเหรินกล่าวได้มีเหตุผล จวนเรามีเหมินเค่อมากมาย หาคนเข้าไปอยู่ข้างกายองค์ชายแต่ละคนช่างง่ายดายยิ่ง ต่อไปมีพวกเขาคอยหนุนหลัง อาอย่างข้าก็ยังครองตำแหน่งมหาอำมาตย์ได้อย่างสบายใจเหมือนเดิม”
“ท่านพี่กล่าวได้ถูกต้อง แต่จะทำอย่างชัดแจ้งไม่ได้ มิเช่นนั้นคนอื่นจะรู้ทัน ข้าหมายตาจ้งเจียวเอาไว้ เขาเป็นบุตรชายคนเล็กที่พระมเหสีทรงรักที่สุด แล้วยังเป็นน้องชายร่วมอุทรของรัชทายาทตัน เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ เขาจะต้องได้รับการอวยยศครั้งใหญ่ ท่านพี่แค่ส่งคนที่ไว้ใจได้ไปอยู่ข้างกายจ้งเจียวก็พอ”
ไม่เสียแรงที่เป็นน้องสาวของเว่ยหวัง พี่สาวของซิ่นหลิงจวิน ผิงหยวนจวินเพิ่งประจักษ์ความเก่งกาจของภรรยาก็วันนี้ เขาลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าแล้วค้อมคำนับนาง แม้แต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความเลื่อมใส “ฟูเหรินพูดได้ถูกต้องยิ่งนัก แต่พวกเราเลี้ยงเหมินเค่อเอาไว้มากมาย ควรส่งใครไปถึงจะเหมาะที่สุด”
“ส่งใครไปก็ไม่เหมาะทั้งนั้น ท่านพี่ควรจะส่งคนมีความสามารถที่ถูกใครต่อใครลืมเลือนไปแล้ว เช่นนี้ถึงจะไม่เป็นที่สังเกต”
“เหมินเค่อของเรามีแต่คนเก่งชื่อเสียงโด่งดังทั้งนั้น มีคนประเภทนั้นเสียที่ไหน”
ฟูเหรินยกมือป้องปากยิ้ม “ท่านพี่ลืมคนที่ถูกขังอยู่ในคุกแล้วหรือเจ้าคะ”
ผิงหยวนจวินฟังแล้วถึงนึกขึ้นมาได้ กล่าวกันว่าคนผู้นี้เป็นศิษย์คนสุดท้ายที่เจ้าสำนักกุ่ยกู่ คนล่าสุดรับ แต่อายุยังน้อยนัก รูปร่างผอมสูงราวกับลำไผ่ จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นบุรุษหรือสตรี
ถ้าจำไม่ผิด น่าจะอยู่ในคุกมาครึ่งปีแล้ว อยู่นอกสายตาใครต่อใครจริงๆ นั่นแหละ หากปล่อยตัวออกมา คนผู้นี้จะต้องซาบซึ้งในบุญคุณ จงรักภักดีต่อเขาชนิดทำงานให้แบบถวายหัว เป็นตัวเลือกที่ดีจริงๆ
“ฟูเหรินหลักแหลมเหลือเกิน!” แผนการเป็นรูปเป็นร่าง ผิงหยวนจวินก็อารมณ์ดีมาก ยิ่งมองฟูเหรินของตนก็ยิ่งรู้สึกรื่นหูรื่นตา คืนนั้นเขาจึงสวมกอดนาง พร่ำพลอดคำหวานให้ฟังทั้งคืน
อนุภรรยาผู้ถ่างตารอให้ผิงหยวนจวินมาปลอบโยนจนเช้าก็ยังรอเก้อ หักปิ่นเล่มที่สองด้วยความโมโห