ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 2 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 2

เผยยวนเป็นบัณฑิตสำนักข่งจื่อ จึงใช้คุณธรรมจรรยามองทุกสิ่งทุกอย่าง นี่เป็นยุคจั้นกั๋ว คุณธรรมและจรรยาไม่มีทางสำคัญไปกว่าการขยายดินแดน ในสายตานาง มุมมองของเขาออกจะล้าหลังและโง่เขลานิดๆ เสียด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าหากอยู่ในฐานะอี้เจียง นางสามารถแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา แต่ตอนนี้นางคือหวนเจ๋อ จะพูดตามใจชอบไปทุกเรื่องไม่ได้ ดังนั้นหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงเอ่ยแค่ “ข้าคิดว่ามีเหตุผลดี เจ้าน่าจะเอาไปให้นายท่านอ่านนะ”

เผยยวนตาเป็นประกาย ใบหน้าแดงเรื่อ “ถ้ากระทั่งผู้ทรงภูมิยังกล่าวเช่นนี้ ยวนก็จะเอาไปให้นายท่านอ่าน” พูดจบก็วิ่งตึงตังออกไป

อี้เจียงลูบจมูก ในเมื่อจ้าวจ้งเจียวเก็บเผยยวนไว้ในจวนก็แสดงว่าต้องชื่นชมมุมมองของเขา น่าจะอ่านแล้วชอบกระมัง

อยู่ๆ หัวของตันคุยก็โผล่มาตรงหน้าต่าง เกยคางไว้บนกรอบไม้ มองร่างเผยยวนที่วิ่งไปทางประตูเรือนพลางพูดฉุนๆ “ในที่สุดเจ้านี่ก็ไปได้เสียที”

“…”

น่าเสียดายที่ตันคุยดีใจเร็วเกินไป เพียงครู่เดียวเผยยวนก็วิ่งกลับมา ทั้งยังร้องเรียกอี้เจียงอยู่ตรงหน้าประตู “ผู้ทรงภูมิ ผู้ทรงภูมิ มานี่เร็วเข้า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

อี้เจียงกังวลเป็นทุนเดิม พอได้ยินดังนั้นก็ใจเต้นแรง รีบลุกพรวดขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้น!” อย่าบอกนะว่าแคว้นฉินบุกมาถึงหน้าบ้านเร็วเพียงนี้?

เผยยวนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาดึงแขนเสื้ออี้เจียง “ผู้ทรงภูมิตามยวนไปก็จะทราบเอง เร็วเข้า!”

นางเลยปล่อยให้อีกฝ่ายลากออกจากเรือน

ตันคุยที่อยู่หลังบานหน้าต่างเผยสีหน้าเหลืออด รีบตามออกไปบ้าง

เผยยวนลากอี้เจียงวิ่งเหยาะๆ มาตลอดทาง จนถึงลานหน้าห้องโถงใหญ่จึงหยุด บ่าวไพร่คุกเข่าอยู่บนพื้นเป็นแถบ รอบตัวเงียบกริบ ได้ยินแต่เสียงสะอื้นเบาๆ

อี้เจียงพาร่างเล็กบางของตนเบียดขึ้นไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก พอเห็นภาพที่เกิดขึ้น นางก็ต้องรีบเอามือปิดปากกลั้นเสียงร้อง

ข้ารับใช้คนหนึ่งนอนตะแคงอยู่บนพื้น เอามือกุมแขนที่เหลือครึ่งท่อนสะอึกสะอื้นด้วยลมหายใจรวยริน บนพื้นเจิ่งนองไปด้วยเลือด ถัดออกไปคือแขนครึ่งท่อนที่ถูกฟันขาด นางค่อยๆ ไล่สายตาตามแอ่งเลือดขึ้นไปถึงปลายกระบี่ จนเห็นจ้าวจ้งเจียวผู้กำลังเดือดดาลในชุดทางการเต็มยศและรัดเกล้าทอง

“ผู้ทรงภูมิ” เผยยวนสะกิดนางเบาๆ “รีบห้ามนายท่านเร็วเข้า ถ้าท่านพูด นายท่านต้องยอมฟังแน่”

สมองของอี้เจียงเต็มไปด้วยแอ่งเลือดสีแดงฉาน ฝ่ามือมีแต่เหงื่อ นางจะรู้หรือว่าควรพูดอะไร แต่ข้ารับใช้คนนั้นท่าทางร่อแร่เต็มทีแล้ว คนอื่นก็ไม่เข้าไปห้ามปราม นางทนมองต่อไปไม่ไหว ต้องแข็งใจแสร้งทำท่าเยือกเย็นถามขึ้นว่า “นายท่าน…เหตุใดถึงได้โมโหเพียงนี้”

จ้าวจ้งเจียวเหลือบตามองมา อี้เจียงทำท่าจะถอยหนีโดยไม่รู้ตัว โชคดีเผยยวนยืนอยู่ข้างหลังติดกัน นางจึงไม่เสียกิริยา

“รบกวนผู้ทรงภูมิจนได้” ฝ่ายตรงข้ามแค่นเสียงหัวเราะ “ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกเกะกะลูกตา เลยคว้ากระบี่มาฟันข้ารับใช้คนหนึ่ง ผู้ทรงภูมิอย่าใส่ใจไปเลย”

“…” อี้เจียงพูดอะไรไม่ออก สิ่งที่นางมองว่าไร้เหตุผลกลับเป็นเรื่องปกติของที่นี่

เผยยวนทนไม่ไหว ก้าวออกมาประสานมือคำนับ “นายท่านโปรดอย่าได้โมโห ในเมื่อลงโทษไปแล้ว ครั้งนี้ก็ปล่อยเขาไปเถอะขอรับ”

“ผู้ทรงภูมิทั้งสองขอร้องด้วยตนเอง ข้าย่อมเห็นแก่พวกท่านอยู่แล้ว” จ้าวจ้งเจียวโยนกระบี่ทิ้งแล้วโบกมือ ข้ารับใช้คนนั้นถูกหามออกไปในที่สุด

คนอื่นๆ เห็นเช่นนั้นก็พากันแยกย้าย ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้

จ้าวจ้งเจียวยังคงหน้าตาบูดบึ้งราวกับทั่วทั้งตัวอัดแน่นด้วยไฟโทสะ เขาเดินกลับไปกลับมา ก่อนจะเหลือบมองอี้เจียง “ตอนนั้นผู้ทรงภูมิบอกว่าไม่กล้าออกความเห็นส่งเดชเรื่องสองแคว้นเปิดศึกกัน ข้าเพิ่งรู้เหตุผลวันนี้”

นางรู้สึกเหมือนหัวใจถูกถ่วงไว้ด้วยหินก้อนใหญ่ เขารู้แล้วหรือว่าที่จริงข้าไม่มีความสามารถ

ปรากฏว่าสิ่งที่จ้าวจ้งเจียวพูดก็คือ “เจ้ารู้แต่แรกแล้วสินะว่าแคว้นจ้าวต้องขอความช่วยเหลือจากแคว้นฉี?”

หินที่ถ่วงหัวใจไว้พลันร่วงลงไปบนพื้น อี้เจียงตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “นายท่านหลักแหลมยิ่งนัก”

“หลักแหลม?” จ้าวจ้งเจียวใช้เท้าเหยียบกระบี่ ขณะแค่นเสียงขึ้นจมูก “ช่างเถอะ ผู้ทรงภูมิตามข้ามาแล้วกัน”

แน่นอนว่าอี้เจียงไม่อยากตามไป แต่เห็นกระบี่ที่อยู่ใต้เท้าเขาแล้วก็มีแต่ต้องฝืนใจสถานเดียว

จ้าวจ้งเจียวเดินนำออกจากจวนก่อน เผยยวนดึงอี้เจียงเอาไว้แล้วกระซิบเตือนเบาๆ “ยวนเพิ่งเคยเห็นนายท่านโมโหเช่นนี้เป็นครั้งแรก ผู้ทรงภูมิต้องระวังตัวด้วยนะ”

ตันคุยฟังแล้วเป็นห่วง อยากจะตามไปด้วย แต่พอเดินออกจากประตูก็ถูกจ้าวจ้งเจียวขวางไว้ เขาจึงได้แต่มองตามจนอี้เจียงขึ้นรถม้าไป แล้วลากเผยยวนไปสั่งสอนด้วยความโมโห “ถ้าแม่นางเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว ข้าจะเอาเรื่องเจ้า!”

ฝ่ายเผยยวนมีใบหน้าเหลอหลา “เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?”

“ก็คนที่ลากแม่นางเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้คือเจ้ามิใช่หรือ!”

เผยยวนเถียงไม่ออก

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 5

    By

    บทที่ 5 มนุษย์เราคุ้นเคยกับสิ่งที่อยู่ในขอบเขตการรับรู้ของตน น้อยนักที่จะออกไปสำรวจสิ่งที่ไม่รู้จัก นี่เป็นข้อเสียที่มนุษย์เรามีกันทุกคน ที่...

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 4

    By

    บทที่ 4 อี้เจียงเพิ่งรู้ว่าที่แท้เขาอยู่ห่างจากตนเองแค่ชั่วผนังกั้น นางถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ศิษย์พี่ไม่เป็นไรใช่หรือไม่” ฝ่ายตรงข้ามส่ายห...

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 3

    By

    บทที่ 3 โรงเตี๊ยมพลันสับสนวุ่นวายขึ้นมา องครักษ์แคว้นฉียืนเรียงเป็นสองแถว สาวใช้รูปร่างหน้าตางดงามยืนประจำที่ นี่สิถึงจะเรียกได้ว่าต้อนรับขั...

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 1

    By

    บทที่ 1 เมืองหานตัน แคว้นจ้าว ผิงหยวนจวิน ในตอนนี้รู้สึกปวดใจยิ่ง เจ้าแคว้นผู้เป็นพี่ชายสิ้นบุญ รัชทายาทที่จะสืบทอดบัลลังก์ต่อไม่ใคร่ชอบหน้า...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com