ยามออกจากสำนักศึกษาจี้ซย่า อี้เจียงต้องฝ่าวงล้อมมาตลอดทาง เหล่าบัณฑิตเป็นกลุ่มคนที่กระหายในความรู้จริงๆ พอใครแสดงความเห็นได้โดดเด่นกว่าคนอื่นก็แย่งกันเข้ามาขอคำชี้แนะ
กงซีอู๋เตรียมรถม้าส่งอี้เจียงกลับไปเหมือนเดิม พอขึ้นรถแล้ว นางก็หยิบม้วนหนังสือไม้ไผ่ม้วนนั้นมาคลี่ออกช้าๆ กลิ่นหอมโชยออกมาจากเนื้อไม้ คล้ายกับกลิ่นกายของกงซีอู๋ ดูท่าหนังสือม้วนนี้จะถูกเขาจับมาจนปรุแล้วกระมัง
ตอนแรกอี้เจียงรู้สึกเบื่อๆ เลยตั้งใจจะคลี่ออกมาอ่านฆ่าเวลา แต่กลับพบว่าบนม้วนหนังสือมีบทขยายความที่เขียนไว้ด้วยหมึกสีแดงมากมาย จึงอ่านอย่างตั้งใจโดยไม่รู้ตัว
ตัวอักษรเล็กเท่าหัวแมลงวัน แต่สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ต่างจากตัวคนเขียน สมองพลันจินตนาการภาพเขายามตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ เป็นภาพที่ทำให้คนต้องใจเต้นจริงๆ มิน่า หวนเจ๋อถึงได้มีใจให้เขา ลำพังแค่ใบหน้านั้น หากได้ใกล้ชิดกันทุกวัน ใครไม่หวั่นไหวก็ผิดปกติแล้ว
ตอนที่กลับมาถึงจวนตัวประกันก็เป็นเวลาเข้าไต้เข้าไฟพอดี อี้เจียงลงจากรถพลางทุบหน้าแข้งอันปวดเมื่อยของตนเอง พอเดินเข้ามาข้างในก็พบว่าทุกคนยืนอยู่หน้าเรือนกันครบ นางจึงบอกยิ้มๆ “ข้าก็กลับมาไม่เย็นมากนี่ ไม่ต้องออกมารอก็ได้”
ตันคุยตอบ “ข้าน่ะรอแม่นาง ส่วนคนอื่นรอฉางอันจวิน”
เผยยวนรีบบอก “ไม่ๆ ข้าก็รอผู้ทรงภูมิเช่นกัน นายท่านน่ะต้องรออยู่แล้ว แต่ผู้ทรงภูมิก็ต้องรอด้วย”
อี้เจียงถามอย่างกังขา “นายท่านไปที่ใดหรือ”
เผยยวนถอนหายใจ “เห็นว่าแคว้นฉีไม่ยอมส่งกองทัพไปช่วยแคว้นจ้าวเสียที นายท่านจึงไปขอเข้าเฝ้าฉีหวัง”
ระหว่างที่พูดกันอยู่นั้น จ้าวจ้งเจียวก็กลับมาพอดี วันนี้เขารวบมวยสูงครอบรัดเกล้า สวมเสื้อคลุมตัวยาวเต็มยศ ท่าทางเคร่งขรึม พอเข้ามาเห็นอี้เจียงก็ยิ้ม ทั้งยังประสานมือคำนับ “ได้ยินว่าวันนี้ผู้ทรงภูมิเกลี้ยกล่อมให้มหาอำมาตย์ของแคว้นฉียกทัพสำเร็จ จ้าวจ้งเจียวซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
รอยยิ้มของจ้าวจ้งเจียวเจ้าเล่ห์เหมือนรอยยิ้มตอนที่เจอกันครั้งแรก อี้เจียงจึงไม่เชื่อว่าเขาพูดจากใจจริง “เพราะข้ากลัวว่านายท่านจะหาว่าข้าไม่ยอมทำตัวให้เป็นประโยชน์อีกน่ะสิ”
ฝ่ายตรงข้ามยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม “ที่ใดกันเล่า น่ากลัวว่าต่อไปคนทั้งจวนตัวประกันจะต้องพึ่งใบบุญผู้ทรงภูมิถึงจะอยู่รอดด้วยซ้ำ”
เชอะ เจ้าเด็กขี้ประชดเอ๊ย อี้เจียงเชิดหน้า ยืนเอามือไพล่หลัง “นายท่านไม่ต้องกังวลไป หวนเจ๋อไม่ถือดียกตนข่มท่านหรอก ยังจะเห็นท่านเป็นเจ้านายเช่นเดิม”
“หึ!” จ้าวจ้งเจียวเลิกเล่นละคร สะบัดแขนเสื้อเดินฉับๆ เข้าไปข้างในด้วยความโมโห
อี้เจียงจ้องมองแผ่นหลังของเขา ไม่ลืมที่จะราดน้ำมันลงบนกองไฟ “วันนี้นายท่านแต่งตัวใช้ได้เลยนี่ พยายามต่อไปเล่า”
จ้าวจ้งเจียวชะงักเท้า กัดฟันกรอดหันขวับกลับมา แต่อี้เจียงเผ่นหนีไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ตันคุยกับเผยยวน ทั้งสองคนหันไปมองตากันแล้วพูดพร้อมกันเป็นเสียงเดียว “อืม ใช้ได้…ใช้ได้”
เถียนตันเคลื่อนทัพจริงอย่างที่พูด ซ้ำยังคุมทัพไปแคว้นจ้าวด้วยตนเองในคืนนั้น
ตั้งแต่นั้นมาจวนตัวประกันก็ไม่ค่อยสงบสุขนัก มักจะมีคนมาเยี่ยมเยือนเป็นระยะ จ้าวจ้งเจียวออกไปรับแขกหลายครั้ง แต่พอถามก็พบว่าฝ่ายตรงข้ามมาเพื่อคารวะผู้ทรงภูมิหวนเจ๋อ เขาทำหน้าบึ้ง ไม่ออกไปดูอีกเลย เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในเรือนหลายวัน
อี้เจียงปฏิเสธแขกทุกคน นางเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะนางแสดงความเห็นในสำนักศึกษาจี้ซย่านั่น อย่างคำที่ว่าไว้…จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ตอนนี้ชื่อเสียงนางโด่งดังยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก