จวนตัวประกันไม่เป็นสุขกันทั้งคืน ที่ใดไปหาได้ก็หากันจนทั่วแล้วแต่ยังคงไร้ร่องรอย พอเช้าวันที่สองจ้าวจ้งเจียวส่งคนออกไปตามหาต่อ วุ่นวายกันไม่หยุด
พอช่วงบ่าย พ่อบ้านกับพวกข้ารับใช้เริ่มหมดความอดทน พากันมารายงานว่า
“ฉางอันจวิน บ่าวคิดว่าผู้ทรงภูมิเผยยวนอาจหนีไปเองนะขอรับ”
“นั่นสิขอรับ บ่าวก็คิดเช่นนั้น เขาคงรู้สึกว่าติดตามท่านต่อไปมีแต่จะลำบากเลยทนไม่ไหวจนหนีไป”
“นั่นสิๆ อย่าตามหาต่อเลย”
จ้าวจ้งเจียวเองก็ได้นอนแค่สองชั่วยาม เพิ่งจะตื่นมาเมื่อครู่นี้ บนร่างยังสวมชุดนอน เขายืนหน้าบึ้งอยู่ตรงประตูเรือนโดยไม่พูดไม่จา แต่เพราะมีดวงตาแวววาม ปลายคางเรียวเล็ก ใบหน้าอ่อนโยนนุ่มนวลผิดกับนิสัยเหี้ยมเกรียมข้างใน แม้กำลังโมโหก็ยังดูมีเสน่ห์เย้ายวน
ข้ารับใช้พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่แคว้นฉีจัดหาไว้ให้ มีแค่ไม่กี่คนที่เขาพามาด้วยจากแคว้นจ้าว จะตั้งอกตั้งใจทำงานให้เขาได้อย่างไรกัน อี้เจียงคร้านจะบ่นคนทำงานไม่จริงจังพวกนี้ นางก้าวออกมาด้วยดวงตาดำคล้ำ “นายท่าน ข้าคิดว่าเผยยวนอาจไม่ได้หนีไปเอง แต่ถูกคนจับตัวไป”
จ้าวจ้งเจียวยังหน้าบึ้งเช่นเดิม “เหตุใดถึงคิดเช่นนั้น”
“เผยยวนไม่ใช่เซินซี ตอนที่เซินซีแอบหนีไป เขายังตำหนิยกใหญ่ อีกอย่าง ถ้าจะหนี เขาคงหนีไปนานแล้ว เหตุใดต้องรอให้ถึงตอนนี้ด้วย”
“อืม…” ฝ่ายตรงข้ามขมวดคิ้ว “ข้าเป็นคนพาเขามาที่นี่ หากเขามีอันเป็นไปขึ้นมา ข้าก็หนีความรับผิดชอบไปไม่ได้”
ถึงเจ้าคนชอบแต่งหญิงนี่จะมีนิสัยจูนิเบียว แต่ในเวลาคับขันก็ยังมีความรับผิดชอบดี อี้เจียงพยายามห้ามตนเองไม่ให้อ้าปากหาวแล้วพยักหน้า “นายท่านวางใจเถอะ จะต้องหาเขาเจอแน่”
ทว่าตัวประกันที่ไร้อำนาจบารมีคนหนึ่งจะตามหาคนในอาณาเขตแคว้นอื่นนั้นเป็นเรื่องยากเหลือเกินจริงๆ
จ้าวจ้งเจียวเองก็รู้ถึงได้ปรายตามอง แล้วยิ้มมุมปากให้อี้เจียง “เช่นนั้นก็ต้องรบกวนให้ผู้ทรงภูมิเหนื่อยหน่อยแล้ว เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็ยังนับว่ามีที่พึ่งอยู่ในแคว้นฉีนี่”
อี้เจียงทำหน้าหน่าย กงซีอู๋น่ะหรือที่พึ่งของข้า เด็กหนอเด็ก เจ้ามันอ่อนหัดเกินไปแล้ว!
ตอนที่เผยยวนฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พร้อมกับที่หูได้ยินเสียงกบร้องระงม
เขาลุกขึ้นมานั่ง หันมองไปรอบตัว เห็นเด็กสาวผมดำชุดดำนั่งยองๆ อยู่ข้างกองไฟ ใช้ท่อนไม้เขี่ยไฟให้ลุกโชนอย่างเบื่อหน่าย “อ้าว ฟื้นแล้วหรือ”
เขากระโดดพรวดขึ้นมายกนิ้วชี้หน้านาง “เจ้าลักพาตัวข้า?!”
เซ่าจิวค้อนควัก “ข้าไม่ได้ลักพาตัว แต่ช่วยเจ้าออกมาจากความลำบากต่างหาก เจ้ามันทั้งอ่อนแอทั้งหลอกง่าย สักวันคงถูกศิษย์หญิงของสำนักกุ่ยกู่นั่นพาให้เสียคน ถึงตอนนั้น แม้แต่ตนเองตายได้อย่างไรเจ้าคงยังไม่รู้ด้วยซ้ำ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!” เผยยวนฉุนขึ้นมา “นี่เจ้ากล้าพูดจาว่าร้ายผู้ทรงภูมิหวนเจ๋อรึ!”
เซ่าจิวเบ้ปาก “เอาเถอะ นางยังไม่เท่าไร อย่างน้อยก็ดีกว่ากงซีอู๋มาก เจ้านั่นต่างหากถึงจะเป็นต้นกำเนิดแห่งความเลวทรามจริงๆ”
“อะไรนะ! เจ้ากล่าวว่าร้ายผู้ทรงภูมิกงซีด้วยรึ!” เผยยวนกระโจนเข้าใส่เซ่าจิวอย่างหมดความอดทน
เซ่าจิวเบี่ยงตัวหลบอย่างว่องไว หัวเราะร่วนมองเขาล้มคะมำไปกับพื้น “ฝีมือแค่นี้อย่ามาอวดเก่งกับข้าหน่อยเลย บัณฑิตอ่อนแอเช่นเจ้าดีแต่สนใจธรรมเนียมมารยาทหยุมหยิม มีหน้ามาสู้ข้าด้วยหรือ”
เผยยวนเห็นว่าเซ่าจิวเป็นสตรีจึงยอมอ่อนข้อให้ต่างหาก เขาลุกขึ้นมาพลางพูดอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ข่งจื่อกล่าวว่า ‘สิ่งใดไม่ปรารถนา จงอย่ายัดเยียดให้ผู้อื่น’ สำนักโม่จื่อของพวกเจ้าชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ส่วนข้าอยากอยู่กับผู้ทรงภูมิหวนเจ๋อ เจ้าจะทำอะไรข้าได้!”
เซ่าจิวตอบฉุนๆ “ข้าก็จะจับตัวเจ้าน่ะสิ มีปัญหารึ!”
“เจ้า…” แก้มขาวสะอาดของเขาป่องขึ้นมาด้วยความโกรธอีกแล้ว เขาทิ้งตัวลงนั่งยองๆ อีกทาง ไม่สนใจนางพลางครุ่นคิดว่าจะกลับไปอย่างไรดี
เซ่าจิวโตมากับเผยยวนตั้งแต่เด็ก รู้จักนิสัยเขาดี มีหรือจะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร นางจ้องหน้าเขาพลางดับฝันกลางวันของเขาอย่างเย็นชา “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าเสียแรงคิดดีกว่า ศิษย์สำนักโม่จื่อเรามีฝีมือติดตัวทุกคน เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก แน่นอนว่าจะไม่มีใครมาช่วยเจ้าด้วย เพราะไม่มีใครรู้ว่าเจ้าถูกข้าจับตัวมา”