ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 5 – หน้า 7 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 5

ตันคุยเร่งฝีพาย ในที่สุดก็ถึงฝั่งตรงข้าม มีคนจูงม้าเร็วก้าวออกมาจากป่าทันที เขากวาดตาปราดเดียวก็มองออกว่าคนเหล่านั้นเป็นทหารที่แต่งกายด้วยชุดลำลอง สำเนียงบ่งบอกว่ามาจากแคว้นจ้าวจริงๆ

ทหารฉีมายืนเรียงแถวหน้ากระดานที่ฝั่งตรงข้าม อี้เจียงปีนขึ้นม้าแล้วหันไปมอง เห็นร่างของกงซีอู๋อยู่ใต้แสงไฟ

นางลูบหัวปลอบม้าที่กำลังตะกุยดินอย่างกระสับกระส่ายพลางส่งเสียงตะโกน “ศิษย์พี่ไม่ต้องมาส่งหรอก ข้าไม่อยากเป็นขุนนางต่างแคว้นของแคว้นฉี ตำแหน่งเสนาบดีแคว้นจ้าวกำลังรอข้าอยู่!”

“ไฉนศิษย์น้องถึงได้กลับคำเสียเล่า” เสียงของกงซีอู๋ลอยมาตามลม

อี้เจียงหัวเราะลั่น นี่เป็นครั้งแรกที่นางปลอดโปร่งใจได้เพียงนี้ “ศิษย์พี่ให้ข้าเป็นขุนนางที่แคว้นฉีไปชั่วชีวิต เพราะอยากให้ข้าอยู่ใต้การควบคุมของท่านตลอดไปกระมัง ทำศึกต้องใช้เล่ห์กล ข้าให้คำสัญญาเพื่อเอาตัวรอด จะถือเป็นจริงได้อย่างไร”

นางให้ม้าเหยาะย่างไปตรงริมน้ำ “อ้อ จริงสิ ยังมีนี่” ดึงม้วนไม้ไผ่ที่ใช้เป็นบันทึกประจำวันจากในห่อสัมภาระข้างหลังมาชูขึ้นสูง “ศิษย์พี่อยากรู้มากเลยใช่หรือไม่ว่าในนี้เขียนอะไรไว้บ้าง” นางคลี่ยิ้ม จากนั้นก็ปล่อยมือให้ม้วนหนังสือร่วงหล่น ลอยไปตามกระแสน้ำ

สีหน้าของกงซีอู๋นิ่งสนิท

นางปัดมือ “ศิษย์พี่รักษาตัวด้วย แล้วค่อยเจอกันใหม่” พูดจบก็กระตุกบังเหียนให้ม้าหันหัว ก่อนควบหายไปในความมืด

“ท่านเสนาบดี…” ทหารฉีหันไปมองกงซีอู๋ เฝ้ารอคำสั่งจากเขาว่าจะทำเช่นไรต่อ แต่กลับได้เห็นรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นตรงมุมปากเขาแทน ทหารฉีจึงหันไปมองหน้ากันเหลอหลา

 

การเข้าออกเขตแดนแคว้นต่างๆ จำเป็นต้องมีขั้นตอนและใช้เอกสารที่เรียกว่า ‘หนังสือผ่านแดน’ อี้เจียงมองว่าหนังสือผ่านแดนนี้ก็คล้ายหนังสือเดินทางในยุคปัจจุบัน โชคดีที่นางทำหนังสือผ่านแดนเอาไว้ตั้งแต่ตอนเป็นทูตให้แคว้นฉี

จากเมืองหลินจือขี่ม้าไปทางทิศตะวันตกอยู่หลายวัน ในที่สุดก็ออกจากพรมแดนแคว้นฉี ตอนแรกอี้เจียงทำใจไว้ว่าจะต้องถูกกงซีอู๋ไล่ตามมา นึกไม่ถึงว่าตลอดทางจะราบรื่นไร้อุปสรรค สามารถเข้าเขตแดนแคว้นจ้าวโดยปลอดภัย

ดวงอาทิตย์ยามเช้าเพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า ส่องแสงสีแดงอ่อนอันเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่ ถนนหลวงโล่งกว้าง สองฝั่งทำนาข้าวสาลีเป็นผืนยาวเหยียด มองดูคล้ายนางกำนัลใส่ชุดสีเขียวยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยในวังหลวง โน้มรวงส่ายไหวท่ามกลางลมอ่อน ถูกแดดส่องจนส่งกลิ่นหอมหวานอบอวล

ที่นี่เงียบสงบ ทั้งอยู่ห่างไกลจากไฟสงคราม ทหารจ้าวยี่สิบถึงสามสิบนายที่แต่งชุดลำลองคอยตามหลังอี้เจียงไม่ห่างตลอดทาง จวบจนมาถึงที่นี่ถึงค่อยผ่อนคลาย ปล่อยม้าเดินช้าๆ

ตันคุยเพิ่งจะได้รู้ต้นสายปลายเหตุ เขาพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่รับรู้พลางถามอี้เจียง “แม่นาง ท่านโยนบันทึกของผู้ทรงภูมิกุ่ยกู่ทิ้งแม่น้ำเช่นนี้ไม่เสียดายหรือ”

นั่นมันบันทึกของผู้ทรงภูมิกุ่ยกู่ที่ใดกันเล่า อี้เจียงนึกกังขาความสามารถในการจับใจความสำคัญของตันคุย แต่ตอนนี้นางเหนื่อยจนแทบสัปหงกแล้วจึงได้แต่ตอบไปส่งๆ “เสียดายสิ เสียดายใจแทบขาด”

ตันคุยถอนหายใจเฮือกๆ ราวกับสูญเสียของล้ำค่าไปชิ้นหนึ่ง

ทั้งสองเอาแต่คุยกันเรื่องม้วนหนังสือจนลืมจ้าวจ้งเจียวที่กำลังทุบจอกสุราสำริดทิ้งด้วยความโมโหในจวนตัวประกันไปโดยสิ้นเชิง

 

พอเข้าเมืองก็มีขุนนางมารอรับโดยเฉพาะที่โรงเตี๊ยมจุดพักม้า จัดเตรียมอาหารและน้ำอาบให้เป็นอย่างดี

อี้เจียงได้ใช้ชีวิตไปตามเวลาที่ควรเป็นแล้ว ตกกลางคืนนางนอนหลับเต็มอิ่ม วันรุ่งขึ้นก็ตื่นตรงเวลาแต่เช้า ออกเดินทางไปยังเมืองหานตันต่อ

พระพันปีจ้าวเตรียมการอย่างพิถีพิถัน ตลอดทางนอกจากจะได้รับการดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างดี ยังมีม้าเร็วคอยเปลี่ยนให้เป็นระยะ พอใกล้จะถึงเมืองหานตัน นางก็ได้นั่งรถม้าแทน

อี้เจียงรู้ข่าวว่าแคว้นฉินถอนทัพไปแล้ว การเดินทางจึงเป็นไปอย่างผ่อนคลาย ทำเหมือนชมนกชมไม้ไปตลอดทางจนเข้าเมืองหานตันอีกครั้ง

ผู้คนในเมืองเหมือนฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่ ถนนหนทางจอแจคับคั่ง รถม้าแล่นสวนกันไม่ขาดจนเห็นฝุ่นดินฟุ้งตลบโดยรอบ ข่าวการตายของเว่ยฉีถูกชาวบ้านนำมาพูดคุยอย่างตื่นเต้นดีใจ

การตายของคนผู้หนึ่งกลายเป็นเรื่องน่ายินดีของคนทั้งแคว้น คิดแล้วก็น่าหดหู่ยิ่งนัก

เวลานี้ขุนนางแคว้นจ้าวรู้ดีว่าเด็กสาวนามหวนเจ๋อกำลังเป็นที่โปรดปราน พระพันปีจ้าวถึงกับยกจวนฉางอันจวินให้นางอยู่

อี้เจียงกลับไปอยู่ในเรือนเดิมของตนอีกครั้ง ก่อนนอนตอนกลางคืน นางชดเชยด้วยการจุดตะเกียงสว่างไสวไปทั้งเรือนจนเข้าขั้นฟุ้งเฟ้อ จากนั้นก็เอนตัวลงบนเตียง แต่ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ

อาการเช่นนี้เคยเกิดขึ้นกับอี้เจียงเฉพาะช่วงไม่กี่เดือนแรกที่อยู่ในคุก ต่อมาเกิดเรื่องต่างๆ ขึ้นไม่หยุด ประสาทจึงถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวเต็มที่อยู่ทุกวัน กลายเป็นพอหัวถึงหมอนก็หลับสนิท แต่วันนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร นางนอนตาค้างทั้งคืนจนฟ้าสาง…

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 4

    By

    บทที่ 4 อี้เจียงเพิ่งรู้ว่าที่แท้เขาอยู่ห่างจากตนเองแค่ชั่วผนังกั้น นางถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ศิษย์พี่ไม่เป็นไรใช่หรือไม่” ฝ่ายตรงข้ามส่ายห...

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 3

    By

    บทที่ 3 โรงเตี๊ยมพลันสับสนวุ่นวายขึ้นมา องครักษ์แคว้นฉียืนเรียงเป็นสองแถว สาวใช้รูปร่างหน้าตางดงามยืนประจำที่ นี่สิถึงจะเรียกได้ว่าต้อนรับขั...

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 2

    By

    บทที่ 2 เดือนสี่ดำเนินมาถึงช่วงปลาย แสงแดดแรงขึ้นทุกที แม้แต่ลมยังเจือไอร้อน สีสันดอกไม้ใบหญ้าด้านหลังจวนฉางอันจวินก็สดใสขึ้นเป็นลำดับ ต้นไม...

  • กล่อมเกลาปราชญ์หญิง

    ทดลองอ่าน กล่อมเกลาปราชญ์หญิง บทที่ 1

    By

    บทที่ 1 เมืองหานตัน แคว้นจ้าว ผิงหยวนจวิน ในตอนนี้รู้สึกปวดใจยิ่ง เจ้าแคว้นผู้เป็นพี่ชายสิ้นบุญ รัชทายาทที่จะสืบทอดบัลลังก์ต่อไม่ใคร่ชอบหน้า...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com