สาวใช้เข้ามาช่วยอี้เจียงแต่งตัว นางที่นั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งอยู่แล้วโบกมือปฏิเสธ ก่อนหยิบหวีมาสางผมเอง
สาวใช้นึกว่าตนเองทำงานบกพร่อง รีบทิ้งตัวลงหมอบเอ่ยขอขมาตัวสั่นงันงก
ไม่นึกเลยว่าการกระทำที่ไม่ตั้งใจของตนเองจะทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวถึงเพียงนี้ อี้เจียงรีบอธิบาย “ข้าแค่อยากทำให้ชินเท่านั้น”
ต้องชินเข้าสักวันหนึ่ง เท่าที่นับคร่าวๆ นางมาอยู่ที่นี่กว่าครึ่งปีแล้ว อาหารการกินและที่อยู่อาศัยนั้น ไม่ชินก็ต้องชิน ตอนนี้ในแง่ความรู้สึกก็พอจะทำใจยอมรับได้แล้ว
เรือนผมในคันฉ่องยาวเหยียด หวีแล้วขาดหลุดร่วงไม่น้อย ใบหน้าพอจะมีน้ำมีนวลให้เห็นบ้าง แต่ก็ยังซีดขาวเหมือนเดิม ร่างกายของหวนเจ๋ออ่อนแอบอบบาง ดูแล้วไม่ใช่ปัญหาด้านอาหารการกิน เพราะมีกงซีอู๋เป็นตัวอย่างให้เห็นอยู่ชัดเจน ทั้งคู่มาจากเขาอวิ๋นเมิ่งเหมือนกัน ไม่มีเหตุผลที่เจ้าสำนักกุ่ยกู่จะเลือกของดีๆ ให้เขากินคนเดียวโดยไม่ให้หวนเจ๋อ
นางวางหวีลงแล้วหยิกแก้มตนเอง คิดในใจว่าร่างกายนี้มีปัญหาอะไรหรือไม่
ความคิดนี้ออกจะน่ากลัวนิดๆ นางควรใส่ใจสุขภาพไว้หน่อยดีกว่า
แต่มวยผมใช่จะเกล้าได้ง่ายๆ สุดท้ายก็ต้องพึ่งมือสาวใช้ถึงจะสำเร็จ นางรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลยกับการมีคนปรนนิบัติ ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าสะดวกดี
เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จ พระพันปีจ้าวก็ให้ข้ารับใช้คนสนิทนำของรางวัลมามอบให้ มีทองคำห้าร้อยตำลึง แพรพรรณชั้นดี และเสื้อผ้าหรูหราอีกมากมาย
อี้เจียงรับไว้อย่างนอบน้อม จากนั้นก็หาที่เก็บทองเป็นอันดับแรก
นี่เป็นเงินก้อนแรกที่นางหาได้เชียวนะ!
พอเก็บทองเรียบร้อย อี้เจียงก็เดินกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้า ข้าราชบริพารคนนั้นยังอยู่รอเชิญนางเข้าวังไปเข้าเฝ้าพระพันปี
อี้เจียงกินอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตามอีกฝ่ายออกไป
ข้าราชบริพารเดินเป็นเพื่อนอี้เจียงตลอดทาง คราวนี้นางไม่ได้ถูกนำตัวไปเข้าเฝ้าพระพันปีจ้าวที่ตำหนักบรรทมเหมือนปกติ แต่เดินผ่านประตูวังหลวงสองชั้นเข้าไปยังลานกว้างของตำหนักหน้า
แสงแดดร้อนระอุราวกับเปลวไฟ ลมฤดูร้อนพัดแรง ธงบนยอดหอสูงโบกสะบัด ประกายแดดส่องกระทบชายคางอนเชิดเป็นสีทองอร่ามจับตา ทหารยามทั้งสองฝั่งยืนตากแดดโดยไม่ปริปาก
อี้เจียงรู้ว่าสิ่งที่กำลังรอตนเองอยู่คืออะไร นางเดินตามข้าราชบริพารขึ้นบันไดจนมาถึงประตูตำหนักสูงตระหง่าน
“เชิญผู้ทรงภูมิเข้าไปข้างใน” ข้าราชบริพารค้อมกายพลางผายมือเชิญ
นางเตรียมตัวเตรียมใจเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวเข้าไป
ขุนนางใหญ่นั่งเรียงแถวอยู่ทั้งสองฝั่งของตำหนัก ที่ยังหนุ่มมีอยู่น้อย โดยมากจะอยู่ในวัยกลางคนหรือวัยชรา ที่เหมือนกันคือทุกคนพากันจ้องนางเขม็ง
ด้านบนมีโต๊ะหลักและโต๊ะข้าง คนที่นั่งหลังโต๊ะประธานคือจ้าวหวังตันที่สวมหมวกม่านลูกปัดเก้าเส้น พระพันปีจ้าวนั่งที่โต๊ะข้าง มีนางกำนัลสองคนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างหลังอย่างระมัดระวัง วันนี้นางประทินโฉมเพียงบางๆ อย่างหาได้ยากยิ่ง สีหน้าดูดีขึ้นไม่น้อย