ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา
ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา เล่ม 1 บทที่ 11 – 12
บทที่ 12
เมิ่งถังมองมู่หวาฮุยอย่างตื่นตะลึงครู่หนึ่ง พอตั้งสติได้ประโยคแรกที่นางถามออกมาก็คือ “ศิษย์พี่ ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่”
“ไม่” นิ้วมือเรียวยาวดุจหยกเคาะหน้าโต๊ะเบาๆ มู่หวาฮุยเร่งรัดนาง “รีบดื่มเสีย”
เมิ่งถังร้องอ้อคำหนึ่ง ประคองถ้วยชาขึ้นมาอย่างว่าง่าย ดื่มน้ำชาจื่อหลิงหลันสีม่วงอ่อนในถ้วยจนหมด ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ก็นี่เป็นจื่อหลิงหลันที่มู่หวาฮุยตั้งใจไปทางเหนือเสี่ยงอันตรายมากเพียงนั้นเพื่อเด็ดมาให้นาง จะสิ้นเปลืองได้อย่างไร หยดเดียวก็ไม่อาจสิ้นเปลือง!
หลังวางถ้วยลง เมิ่งถังก็มองไปยังมู่หวาฮุย ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงใจ
“ศิษย์พี่ ท่านดีต่อข้ายิ่งนัก ต่อไปข้าจะคอยปกป้องท่านให้ดี!”
มือที่กุมถ้วยชาของมู่หวาฮุยชะงักเล็กน้อย จากนั้นมุมปากก็หยักยกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
ตั้งแต่เล็กจนโตนับเป็นครั้งแรกที่มีคนพูดเช่นนี้กับเขา
ทว่าถึงพลังวัตรของพวกเขาสองคนจะแตกต่างกันมาก แต่ในเมื่อศิษย์น้องมีจิตใจเช่นนี้ เขาที่เป็นศิษย์พี่ผู้นี้ยังคงรู้สึกปลื้มใจ จึงยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ดี” คำหนึ่ง
เมิ่งถังรู้สึกว่าเขายิ้มแล้วดูดีเป็นพิเศษ
เดิมก็มีรูปร่างหน้าตาที่สุภาพอ่อนโยนเป็นคุณชายผู้สูงส่ง ยิ่งยิ้มบางๆ เช่นนี้ก็ดูประหนึ่งต้นไผ่เขียวภายใต้แสงอาทิตย์ยามอัสดงในฤดูใบไม้ร่วง เพียงมองดูก็ทำให้คนลุ่มหลงเคลิบเคลิ้ม คนผู้หนึ่งที่ดีเช่นนี้จะปล่อยให้เขาพบจุดจบในท้ายที่สุดเช่นนั้นได้อย่างไร
ครั้นแล้วนางก็พยักหน้าแรงๆ กำหมัดแน่น สีหน้าเด็ดเดี่ยวหนักแน่น
“ศิษย์พี่ ต่อไปข้าจะต้องพากเพียรฝึกฝนให้มากยิ่งขึ้น”
นางจะต้องเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจึงจะได้ไม่ปล่อยให้ใครมีโอกาสทำร้ายมู่หวาฮุย
ถึงแม้มู่หวาฮุยจะรู้สึกว่าตนไม่จำเป็นต้องให้เมิ่งถังมาคอยปกป้องก็ตาม แต่ด้วยนิสัยของเขา ย่อมไม่ไปทำลายความกระตือรือร้นของเมิ่งถัง กระทั่งยังบอกว่าดีอย่างคล้อยตาม
ทั้งสองสนทนากันอีกครู่หนึ่ง เมิ่งถังคิดไปคิดมาก็เอ่ยถาม “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่หลิงกับศิษย์น้องอวิ๋นวันนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บกระมัง”
ความจริงนางหาได้ใส่ใจพวกเขาสองคนแม้แต่น้อย แต่เรื่องเกี่ยวกับพวกเขาสองคนยังคงต้องเอ่ยถึงต่อหน้ามู่หวาฮุยบ่อยๆ
“ไม่” พอพูดถึงคนนอก ใบหน้าของมู่หวาฮุยก็สงบนิ่ง แม้แต่รอยยิ้มก็จางลง “เพียงแต่ศิษย์น้องอวิ๋นคงได้รับความตื่นตระหนกตกใจอยู่บ้าง”
การแสดงออกในวันนั้นของอวิ๋นชูเยวี่ย เขาก็เห็นอยู่ในสายตา
แม้อวิ๋นชูเยวี่ยจะเป็นศิษย์ของยอดเขาชิงหง แต่มู่หวาฮุยในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักหมิงหวา ตอนกลับมายังว่ากล่าวอวิ๋นชูเยวี่ยไปหลายคำ
มู่หวาฮุยเห็นว่าน้ำเสียงของเขาไม่นับว่าเข้มงวดรุนแรง กระทั่งพูดได้ว่าสีหน้านุ่มนวลอ่อนโยน อีกทั้งความจริงแล้วด้วยความตั้งใจเดิมของเขาที่พูดไปก็ด้วยความหวังดีต่ออวิ๋นชูเยวี่ย
ในฐานะศิษย์สำนักหมิงหวา ทั้งพลังวัตรก็บรรลุขั้นสร้างฐานแล้ว ยามเผชิญหน้าศัตรูกลับเอาแต่ยืนอยู่กับที่ส่งเสียงกรีดร้อง ครั้งนี้มีหลิงซิงเหยาอยู่ด้านข้างคอยปกป้องนาง แต่ถ้าครั้งหน้าหลิงซิงเหยาไม่ได้อยู่ข้างกายนาง หรือหลิงซิงเหยาไม่อาจแบ่งแยกสมาธิมาได้ เช่นนั้นนางมิใช่ต้องตายสถานเดียวหรอกหรือ
คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นชูเยวี่ยฟังคำพูดของเขาแล้ว ถึงกับสะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมา
หลิงซิงเหยาเองก็มีสีหน้าไม่พอใจเขา ระหว่างพูดจาก็บอกแต่ว่าอวิ๋นชูเยวี่ยเป็นเพียงสตรีอ่อนแอคนหนึ่ง เจอเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรกเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกหวาดกลัว เขาไม่ควรเอ่ยปากตำหนิ
มู่หวาฮุยหลุบตามองเมิ่งถังที่หมดสติอยู่และถูกตนอุ้มไว้ในอ้อมแขนแวบหนึ่ง
หรือเมิ่งถังมิใช่สตรีอ่อนแอคนหนึ่ง เจอเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรกเช่นกันกลับยังคงเผชิญหน้ากับเหล่ามารโดยไม่ตื่นตระหนก กระทั่งแขนหักแล้วยังกัดฟันสังหารศัตรู
เพียงรู้สึกแมลงฤดูร้อนไม่อาจพูดคุยเรื่องน้ำแข็ง* จึงไม่ได้พูดอะไรกับพวกเขาสองคนอีก
เวลานี้ได้ยินเมิ่งถังถามขึ้นมา มู่หวาฮุยก็เพียงตอบอย่างเฉื่อยเนือยไปประโยคหนึ่ง
เมิ่งถังร้องอืมออกมา กลัวก็แต่วันนั้นอวิ๋นชูเยวี่ยคงไม่ใช่ได้รับความตื่นตระหนกตกใจอยู่บ้าง หากแต่ได้รับความตื่นตระหนกตกใจอย่างมากกระมัง
นิ่งไปครู่หนึ่งเมิ่งถังมองมู่หวาฮุย พูดอย่างชี้นำแฝงความหมาย “ศิษย์พี่ ข้าว่าวันนั้นศิษย์พี่หลิงดูเหมือนจะใส่ใจและดูแลศิษย์น้องอวิ๋นมาก”
ในหนังสือนิยาย คนที่ทำร้ายมู่หวาฮุยมากที่สุดในช่วงท้าย ทั้งยังทำให้ความคิดความหวังของเขาพังทลายก็คืออวิ๋นชูเยวี่ย ดังนั้นเวลานี้ขอเพียงมีโอกาส เมิ่งถังก็จะกรอกความคิดให้มู่หวาฮุย เรื่องที่ในใจของอวิ๋นชูเยวี่ยมีเพียงหลิงซิงเหยาเท่านั้น แต่เสียดายคำพูดนี้มู่หวาฮุยฟังแล้วกลับไม่ใช่ความหมายนี้
ศิษย์น้องยังคงชอบหลิงซิงเหยา ดังนั้นจึงได้เฝ้าพะวงถึงเรื่องที่หลิงซิงเหยาเฝ้าใส่ใจดูแลอวิ๋นชูเยวี่ย
มู่หวาฮุยไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักระหว่างชายหญิง และไม่รู้ควรปลอบใจเมิ่งถังอย่างไร
ปลายนิ้วชี้ลูบไล้ขอบถ้วยชาเบาๆ เขาเอ่ยปากอย่างพินิจพิเคราะห์ถ้อยคำ “ศิษย์น้องหลิงใส่ใจดูแลศิษย์น้องอวิ๋นอย่างมากจริงๆ”
จู่ๆ ศิษย์น้องถามเขาเช่นนี้ ความจริงคงรอให้เขาปฏิเสธกระมัง แต่เขากลับยืนยัน
ก็ไม่รู้ศิษย์น้องฟังแล้วจะเสียใจหรือไม่ แต่ในเมื่อหลิงซิงเหยาไม่ชอบศิษย์น้อง ในใจมีคนอื่นที่ชอบอยู่แล้ว เช่นนั้นยังคงให้ศิษย์น้องยอมรับเรื่องนี้เสียแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า
ถึงตอนนี้นางจะเสียใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า นางย่อมค่อยๆ ดีขึ้นเอง คิดมาถึงตรงนี้ความรู้สึกกังวลใจเหล่านั้นก็ค่อยๆ สลายไป เขายกถ้วยชาขึ้นมาดื่มด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ เมิ่งถังเหลือบมองสีหน้าเขาอย่างระมัดระวัง
ดูเหมือนศิษย์พี่จะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว อีกทั้งเวลานี้เขาก็ไม่มีความคิดอะไรพิเศษต่อเรื่องนี้ เช่นนี้ก็ดี
ก็หวังว่าวันหน้าเมื่อศิษย์พี่รู้ว่าอวิ๋นชูเยวี่ยเป็นบุตรสาวเจ้าเมืองชื่อเซียว และเป็นคู่หมั้นที่บิดาของเขาหมั้นหมายให้ อีกฝ่ายยังจะสงบนิ่งเช่นนี้ได้
เรื่องนี้คืนนี้แตะแค่พอรู้ก็พอ ถ้ายังพูดต่อไปเกรงว่าศิษย์พี่จะเกิดความสงสัย
ครั้นแล้วเมิ่งถังก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หันหน้ามองไปนอกหน้าต่าง ในช่วงสามวันที่นางนอนหลับใหลไม่ได้สติ หิมะได้ตกลงมาไม่หยุด ยามนี้ข้างนอกเป็นโลกที่โปร่งใส สรรพสิ่งล้วนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวเป็นเงินยวงชั้นหนึ่ง
มีเพียงป่าต้นไห่ถังที่อยู่ไม่ไกลเป็นข้อยกเว้น
คล้ายมีกระจกใสครอบป่าต้นไห่ถังเอาไว้ เห็นอยู่ว่าอยู่ใกล้กันแค่ลัดนิ้วเดียว แต่กลับเป็นโลกสองใบที่แตกต่างกัน นอกป่าต้นไห่ถังสิ่งที่สัมผัสต่อสายตาคือความขาวโพลน ฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ ในป่าต้นไห่ถังกลับมีดอกไห่ถังสีชมพูอ่อนผลิบานเต็มกิ่งก้าน ผึ้งผีเสื้อโบยบินไปรอบๆ คล้ายยิ่งกับทัศนียภาพในฤดูใบไม้ผลิ
เมิ่งถังมองป่าต้นไห่ถังผืนนี้ หัวคิ้วขยับเข้าหากันอย่างเอือมระอา
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่านางว่าเพราะเหตุใดจึงมีป่าต้นไห่ถังผืนนี้ และเพราะเหตุใดป่าต้นไห่ถังผืนนี้จึงผลิดอกตลอดทั้งปี และยังมีเรือนน้อยอวิ๋นถังที่นางพำนักอยู่ในเวลานี้…
เมิ่งถังหันหน้ามามองมู่หวาฮุย ในแววตาอดเจือแววรักและสงสารไม่ได้
“ศิษย์พี่ ต่อไปถ้าท่านมีเวลาว่างก็มานั่งเล่นที่เรือนน้อยอวิ๋นถังบ่อยๆ เถิด”
เช่นนี้รอวันหน้าเมื่อท่านรู้ความเป็นจริงทั้งหมดในตอนนั้นแล้วจะได้เสียใจน้อยลงหน่อย
แต่ถ้าเป็นไปได้ ข้าหวังว่าท่านจะไม่รู้เรื่องในอดีตเหล่านั้นตลอดไป ข้าหวังว่าท่านจะเป็นเช่นที่เป็นอยู่ในเวลานี้ไปตลอด เป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้แห่งสำนักหมิงหวา เป็นคนที่ทั้งแดนบำเพ็ญเซียนเมื่อเอ่ยถึงทุกคนต่างเคารพเลื่อมใส
เพื่อเป้าหมายนี้นางก็จะทุ่มเทสุดความสามารถของตน
เสียดายความปรารถนาอันดีงามของเมิ่งถังสุดท้ายแล้วยังคงคว้าน้ำเหลว เพราะมีเรื่องมากมายที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของนาง