แดนมาร
มีมารหน้าดำคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่เบื้องหน้าคนผู้หนึ่งซึ่งสวมชุดคลุมสีดำ ใบหน้ามีหน้ากากสีดำอันหนึ่งปิดคลุมอยู่ เพียงเผยให้เห็นแค่ดวงตาคู่หนึ่ง
“ผู้น้อยสืบข่าวมาแน่ชัดแล้ว สี่คนในวันนั้นเป็นศิษย์สำนักหมิงหวา ในบรรดาคนเหล่านี้ สตรีผู้หนึ่งมีร่างหยกไขกระดูกหงส์ที่หาได้ยากยิ่ง บุรุษที่มีพลังวัตรสูงสุดผู้นั้นเป็นศิษย์คนโตของเมิ่งชิงเหิงเจ้าสำนักหมิงหวา สกุลมู่ นามหวาฮุย คนผู้นี้ยังมีอีกฐานะหนึ่งคือบุตรชายของเจ้าเมืองเชียนเฮ่อ”
คนที่สวมชุดคลุมสีดำเป็นผู้อาวุโสที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ของเผ่ามาร นามโม่เซียว
ตอนแรกเขายังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลายไม่ได้เอาคำพูดของคนผู้นี้มาใส่ใจ ฟังมาถึงช่วงหลังเขากลับลุกพรวดขึ้นมานั่งตัวตรง
“บุตรชายของเจ้าเมืองเชียนเฮ่อ”
เสียงของเขาหยาบแหบเหมือนเอาตะไบไปฝนกับหินแข็ง และคล้ายเอาเล็บไปกรีดแก้วที่เกลี้ยงเกลา ฟังแล้วแสบแก้วหูยิ่ง ทนไม่ไหวอยากจะหลบไป
คนที่คุกเข่าอยู่กลับยังคงมีสีหน้าเคารพยำเกรง ท่าทางในการคุกเข่าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“เรียนผู้อาวุโส ใช่ขอรับ” จากนั้นก็เอ่ยถาม “ขอถามผู้อาวุโส จะให้ส่งคนไปสังหารคนเหล่านี้หรือไม่”
ถึงกับบังอาจมาขัดขวางการทำงานของพวกเขา ย่อมต้องสังหารทิ้ง อย่าว่าแต่พวกเขาแดนมารกับคนของแดนบำเพ็ญเซียนแต่ไรมาก็ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้
“ไม่อาจแตะต้องเขา!” โม่เซียวเอ่ยปากเตือนเสียงเฉียบขาดด้วยสัญชาตญาณ
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลุกขึ้นยืน เดินกลับไปกลับมาในห้องสองสามรอบ แล้วสั่งกำชับ “มู่หวาฮุยผู้นี้ เจ้าส่งคนไปเฝ้าดูการเคลื่อนไหวเขาด้วยตนเอง ถ้าเขาออกจากสำนักหมิงหวา รีบสั่งคนให้ทุ่มกำลังเล่นงานเขาทันที แต่ถ้าเขาปราชัย พวกเจ้าไม่อาจเอาชีวิตเขา พากลับมาพบข้า!”
ลูกสมุนรีบรับคำ
โม่เซียวจมอยู่ในความครุ่นคิดถึงข่าวนี้ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องอื่นใด
ยังคงเป็นลูกสมุนที่อดรนทนไม่ไหว เอ่ยปากเตือน “ผู้อาวุโส ศิษย์หญิงของสำนักหมิงหวาผู้นั้นมีร่างหยกไขกระดูกหงส์ที่พบเห็นได้ยากยิ่ง ทั้งอยู่ในขั้นสร้างฐานแล้ว จะช่วยบำรุงกำลังให้ท่านจอมมารได้อย่างมาก…”
เขาพูดออกมาเช่นนี้ โม่เซียวจึงนึกถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ขึ้นมาได้
นั่นก็คือเวลานี้พลังวัตรของจอมมารเข้าสู่ระยะคอขวด ถึงได้สั่งคนให้ไปขโมยยาวิเศษที่เมืองเหิงหยาง คิดไม่ถึงว่ายาวิเศษได้มาอยู่ในมือแล้ว ระหว่างทางกลับถูกศิษย์สำนักหมิงหวาหลายคนนั้นช่วงชิงกลับไป ยังสังหารคนที่พวกเขาส่งไปจนหมดเกลี้ยง เหลือเพียงคนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสลากสังขารกลับมาแจ้งข่าว แต่หลังจากพูดไม่ปะติดปะต่อได้ไม่กี่คำก็ขาดใจตาย
เรื่องนี้ทำให้จอมมารเดือดดาลยิ่ง สั่งให้คนตรวจสอบเบื้องหลังของสี่คนนั้นทันที และหลังจากตรวจสอบได้แล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครจะต้องสับร่างพวกมันเป็นหมื่นชิ้น แล้วโยนเข้าไปในถ้ำพิษเพื่อเป็นอาหารแมลงพิษและงูพิษ
คิดไม่ถึงว่าหนึ่งในนั้นถึงกับเป็นนายน้อย ส่วนอีกผู้หนึ่งถึงกับมีร่างหยกไขกระดูกหงส์
เล่าลือกันว่าในร่างหยกไขกระดูกหงส์นี้มีปราณวิเศษที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติ ถ้าได้ร่วมหลับนอนกับบุรุษก็จะทำให้บุรุษเปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูก พลังวัตรก้าวรุดหน้าอย่างมาก ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง สตรีผู้นี้ก็ดีกว่ายาวิเศษของเมืองเหิงหยางเม็ดนั้น
ในดวงตาโม่เซียวมีประกายเอือมระอาพาดผ่านจางๆ
เขาย่อมไม่หวังให้จอมมารแข็งแกร่ง กระทั่งอยากให้จอมมารตายไปเสียแต่โดยเร็วจึงจะดี แต่เรื่องสังหารจอมมาร ได้แต่ต้องมอบให้นายน้อยเป็นคนลงมือ
อีกทั้งพลังวัตรของจอมมารยิ่งสูง รอนายน้อยสังหารเขาแล้ว คนในเผ่ามารก็ย่อมยิ่งจะหวาดกลัวและเชื่อฟังนายน้อย จึงบอก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จับตัวหญิงผู้นั้นมามอบให้จอมมารเสพสุขก็แล้วกัน”
ลูกสมุนรับคำ ค้อมตัวถอยออกไป
จิตใจของโม่เซียวยังไม่อาจสงบลง เอามือไพล่หลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง
ปีนั้นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบตาย ถูกบังคับให้ต้องซ่อนตัวรักษาอาการบาดเจ็บเป็นเวลาหลายปี จากนั้นก็ถูกทำลายรูปโฉมทำลายเสียง กลับมาแดนมารอีกครั้ง เวลานี้ในที่สุดก็ก้าวทีละก้าวขึ้นมานั่งในตำแหน่งผู้อาวุโส
ที่ผ่านมาไม่มีเวลาจะมาคำนึงถึงนายน้อย เดิมคิดว่ารอให้ตำแหน่งผู้อาวุโสมั่นคงแล้ว ค่อยไปเมืองเชียนเฮ่อ คิดไม่ถึงว่าเวลานี้นายน้อยถึงกับกลายเป็นศิษย์คนโตของสำนักหมิงหวาไปแล้ว
เมิ่ง-ชิง-เหิง!
เพียงนึกถึงชื่อนี้ สีหน้าของโม่เซียวก็เยียบเย็นขึ้นทันที
เรื่องที่เมิ่งชิงเหิงสังหารนายท่านในปีนั้นยังปรากฏชัดเจนอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่าเวลานี้เมิ่งชิงเหิงถึงกับรับนายน้อยเป็นศิษย์!
รอวันหน้าเมื่อเมิ่งชิงเหิงรู้ถึงฐานะที่แท้จริงของนายน้อย และถูกกระบี่ในมือนายน้อยแทงทะลุดวงจิต ไม่รู้ถึงตอนนั้นใบหน้าของเขาจะมีสีหน้าเช่นไร
โม่เซียวแทบอดใจรอไม่ไหวอยากจะเห็นภาพนี้แต่เร็ววัน
แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นเขาจะต้องทำให้นายน้อยแข็งแกร่งขึ้น ค่อยๆ ให้นายน้อยรู้ถึงข้อเท็จจริงของเรื่องทั้งหมดในปีนั้น ให้นายน้อยสมัครใจเป็นมารด้วยตนเอง เช่นนี้พลังมารที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติในฐานะเผ่าพันธุ์มารของเขาจึงจะถูกปลุกเร้าออกมาทั้งหมด กลายเป็นจอมมารที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของแดนมาร
* หนึ่งถ้วยชา ใช้เปรียบถึงช่วงเวลาที่สั้นมาก บางตำราเทียบว่าประมาณ 10-15 นาที
* ชั่วยาม หน่วยนับเวลาของจีนโบราณ 1 ชั่วยามเทียบได้กับ 2 ชั่วโมง
* แมลงฤดูร้อนไม่อาจพูดคุยเรื่องน้ำแข็ง เป็นสำนวน หมายถึงคนที่มีความรู้ตื้นเขิน ไม่เข้าใจหลักการยิ่งใหญ่ อย่างแมลงบางชนิดมีอายุขัยอยู่ในช่วงฤดูร้อน ไม่เคยผ่านฤดูหนาวจึงไม่รู้จักน้ำแข็ง
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนมกราคม 66)