บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้า
หลายวันก่อนตอนรอเขากลับมา ซูเสวี่ยจื้อเคยมโนภาพหลายครั้งมากว่าคนทั้งคู่จะพบหน้ากันแบบไหน
แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนครึ่งเธอกับเขาจะได้พบกันอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้
เฮ่อฮั่นจู่เอาตัวเธอขึ้นรถแล้วขับรถพาเธอเข้าเมือง
ซูเสวี่ยจื้อตั้งตัวติดในที่สุด หัวใจที่เต้นถี่รัวเมื่อแรกเห็นเขาปรากฏตัวเมื่อครู่นี้ค่อยๆ กลับเป็นปกติ
ชั่วขณะเดียวมีถ้อยคำผุดขึ้นในหัวหญิงสาวนับไม่ถ้วน แต่พอเห็นท่าทางเขาเป็นแบบนี้ ดูเหมือนเธอไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีเหมือนกัน
“คุณเพิ่งมาจากเมืองหลวงหรือคะ” เธอเบือนหน้าไป ดวงตาจับจ้องเสี้ยวหน้าด้านข้างที่อยู่ในเงามืดครึ่งหนึ่งกลางม่านราตรีของชายหนุ่มข้างตัว ปริปากถามเสียงเบาในที่สุด
เขาทำเสียงตอบในลำคอคำหนึ่ง
“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอตวัดตามองถนนที่ไม่ค่อยคุ้นตาทางนอกหน้าต่าง
ถึงมาเมืองเทียนเป็นระยะเวลาไม่นับว่าสั้นนัก แต่ปกติส่วนใหญ่เธอมักจะอยู่ในวิทยาลัย เวลากลับเข้าเมืองไม่มีธุระปะปังอะไรก็ไม่ออกไปเถลไถลข้างนอก นอกจากถนนสายหลักไม่กี่สายกับบางที่ที่ไปตามกิจวัตรประจำวันแล้ว มีเส้นทางมากมายที่เธอไม่รู้จักเลย
เขาไม่ตอบคำถามเธอ
ซูเสวี่ยจื้อก็ไม่ถามอีก ปล่อยให้เขาขับรถพาเธอลัดเลาะไปตามถนนหนทางในเมืองเทียนที่ห่มคลุมด้วยผืนความมืดจนเข้าสู่เขตเมืองใหม่แล้วหยุดจอดในที่สุด
เขาลงรถมาเปิดประตูให้
เธอเหลือบตาขึ้นมองเห็นสถานที่แปลกตาแห่งหนึ่ง เป็นตึกฝรั่งหลังย่อมๆ ประตูรั้วปิดสนิท มีต้นไม้แผ่กิ่งก้านร่มครึ้มทั้งสี่ทิศ เห็นเงาไม้ไหววูบวาบ บรรยากาศเงียบสงัดอย่างยิ่ง
ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว
ซูเสวี่ยจื้อคาดไม่ถึงเมื่อเห็นคุณถังเดินออกมาจากข้างในอย่างปราศจากสุ้มเสียง เธอพูดเสียงเบาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “คุณชายซู เชิญข้างในค่ะ พอรู้ว่าคุณจะมา ตอนนี้ที่นี่เลยสงบเงียบมากค่ะ”
เธอมองเฮ่อฮั่นจู่แวบหนึ่ง
เขาพาเธอเข้าไปส่งถึงที่ห้องห้องหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกำชับว่า “คุณพักผ่อนอยู่ที่นี่อย่างสบายใจสักสองสามวันก่อน อย่าเพิ่งไปไหนทั้งสิ้น ต้องการอะไรก็บอกกับคุณถังได้ทุกอย่าง รอผมกลับมาแล้วจะอธิบายให้คุณฟังอีกทีนะ”
ชายหนุ่มพูดจบ มองเธอนิ่งๆ ชั่วอึดใจแล้วหมุนตัวออกเดินไป
เธอเข้าใจแล้ว เป็นไปได้ว่าศพที่ถูกพบโดยบังเอิญเมื่อกลางวันอาจก่อคลื่นลมปั่นป่วนขึ้น แต่กระแสลมจะพัดไปทิศทางใดนั้นเธอยังไม่รู้ แต่เธอรู้ว่าเบื้องหลังของมันเต็มไปด้วยความสกปรกโสมมเป็นแน่
เขาอยากกันเธอไว้นอกวง
ซูเสวี่ยจื้อส่งเสียงเรียกเขาไว้ “เพราะศพที่เจอในโรงงานผลิตยาใช่ไหมคะ”
เขาชะงักฝีเท้า
“ต้องปกปิดเรื่องที่ให้ใครรู้ไม่ได้อีกแล้วสินะ?” เธอมองแผ่นหลังเขาพลางถามต่อเสียงแผ่วเบา
เขายืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่งถึงหันกลับมาช้าๆ “ขอโทษที่ทำให้คุณผิดหวัง”
หญิงสาวนิ่งเงียบไปชั่วครู่ มองตาเขาพร้อมกับพูดว่า “ถ้าทำได้ เมื่อจบเรื่องแล้ว โปรดจัดการศพอย่างที่พึงจะเป็นด้วยค่ะ ศพนั้นควรค่าที่จะได้รับการจัดการอย่างสมเกียรติในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง”
เขาสบตากับเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นหันหลังจากไปอย่างเร่งรีบ
ด้วยเหตุนี้ซูเสวี่ยจื้อจึงพักอยู่ในตึกฝรั่งที่เห็นชัดว่าเป็นบ้านส่วนตัวของคุณถังหลังนี้นานสามวัน
ภายในบ้านพรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก บ่งบอกได้ว่าคุณถังเป็นผู้หญิงที่รู้จักหาความสุขในชีวิต ถึงแม้ปกติเธอจะแต่งกายด้วยชุดจีน แต่บ้านที่อาศัยอยู่กลับตกแต่งแบบตะวันตก ไม่เพียงมีอ่างอาบน้ำ ฝักบัวอาบน้ำแบบปรับเป็นน้ำร้อนได้ และโถส้วมชักโครก ยังติดตั้งกระทั่งเครื่องทำความร้อนด้วย
ในระหว่างนี้เธอไม่ได้ย่างเท้าออกจากห้องสักก้าวเดียว
เหตุผลข้อแรกเพราะด้านนอกมีคนเฝ้าอยู่ ไปไหนไม่ได้ ข้อสองเพราะในเมื่อเขาจัดแจงแบบนี้ เธอย่อมไม่ดื้อแพ่งจะออกจากที่นี่จนขัดความประสงค์ของเขาเป็นธรรมดา
ตลอดสามวันนี้คุณถังเจ้าของบ้านหลังนี้ดูแลเธอเป็นอย่างดี ถึงเวลาก็ยกอาหารมาให้ด้วยตนเอง ส่วนเวลาอื่นๆ จะไม่มารบกวนเธอเด็ดขาดราวกับล่องหนหายตัวไปกระนั้น
เธอขอให้เอาหนังสือพิมพ์มาให้ทุกวัน คุณถังก็ทำตามที่เธอบอก
กลางดึกของวันที่สี่ซูเสวี่ยจื้อได้ยินเสียงเคาะประตู จึงเดินไปเปิดประตู
คุณถังยืนอยู่หน้าห้อง อมยิ้มกล่าวว่า “คุณชายซู คุณไปได้แล้วค่ะ”
ซูเสวี่ยจื้อก้าวออกจากบ้านตึกหลังเล็กที่อยู่มาสามสี่วัน
รถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่นอกประตูใหญ่ ติงชุนซานรอเธออยู่ เขาเห็นเธอออกมาก็สาวเท้าเร็วรี่มาต้อนรับ จากนั้นส่งเธอกลับไปที่วิทยาลัย
ในช่วงเวลาไม่กี่วันอันแสนยาวนานนี้ ขณะที่เธอใช้การฝึกสมาธิฆ่าเวลาอยู่ภายในบ้านตึกหลังนั้น ข้างนอกเกิดเหตุการณ์วุ่นวายใหญ่โตเกี่ยวพันกับการพบศพศพนั้นโดยบังเอิญ