ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง
ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 125
ทว่านี่เป็นคำบอกแบบน่าฟัง ถ้าพูดกันตรงๆ ก็คือโดนปลดจากตำแหน่งเตรียมตัวม้วนเสื่อกลับบ้านได้แล้ว แต่มีใครกล้าหัวเราะไหม…ย่อมไม่มี พอโดนคุณนายหวังดุด่าซ้ำอีก ทุกคนก็แตกตื่นลนลานทำอะไรไม่ถูก เธอเรียกพ่อบ้านคนหนึ่งมาถามว่าคุณนายเฉินแสดงทีท่าอะไรบ้างหรือเปล่า
สกุลเฉินก็คือครอบครัวของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังที่ลูกสาวเพิ่งหมั้นหมายกับลูกชายเธอเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เมื่อได้ยินว่ายังไม่มีข่าวคราวจากทางคุณนายเฉิน เธอแค่นเสียงพูดว่า “พวกตลบตะแลง! ก่อนหน้านี้เป็นฝ่ายเสนอหน้าเข้ามาขอผูกดองกัน ตอนนี้เห็นบ้านเราตกต่ำก็หายหัวไปเลย ฉันอยากดูนักว่าพวกเขาจะเกาะเก้าอี้ได้สักกี่น้ำ ไว้พวกเรากลับมามีอำนาจได้เมื่อไร จะคอยดูซิว่าจะตีหน้าอย่างไรอีก”
พ่อบ้านปาดเหงื่อออกพลางขานรับซ้ำๆ
คุณนายหวังมองไปทางห้องหนังสือของสามีอีกที เธอสะกดความกลัดกลุ้มในใจไว้ พูดรำพึงขึ้นว่า “มีก็แต่เยียนเฉียวที่ยังมีน้ำจิตน้ำใจ ยอมมาส่งเขาในเวลานี้”
ในห้องหนังสือ หวังเซี่ยวคุนนั่งตัวตรงอยู่หลังโต๊ะไม่หลงเหลือท่าทางอิดโรยจากอาการป่วยอย่างที่เห็นกันอยู่พักนี้ เขากับเฮ่อฮั่นจู่กำลังสนทนากันใกล้จะจบแล้ว
“หลังจากเธอไปกวนซีตอนต้นปีคนแซ่เฉาก็ทำเสแสร้งแกล้งพูดรั้งตัวลุงไว้หลายครั้ง แล้วเรื่องของโรงงานผลิตยาถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีกรอบตอนนี้ คนที่อยากให้ปิดเงียบมากที่สุดก็คือเขานั่นล่ะ! ส่วนเจ้าฝรั่งตาน้ำข้าวที่ชันสูตรศพก็ได้รับเงินใต้โต๊ะถึงได้พูดโกหกหน้าตาย”
หวังเซี่ยวคุนกล่าวเยาะๆ “ต่อให้ตัวเขาเองไม่มีเอี่ยวกับเรื่องโรงงานผลิตยา แต่สกุลเฉาเป็นตระกูลใหญ่ลูกหลานมากมาย มือใครยาวสาวได้สาวเอา มีใครไม่รู้! ปิดเรื่องเงียบแล้วค่อยหันมาเล่นงานลุง ใส่ร้ายป้ายสีโยนความผิดอย่างหน้าไม่อาย เข้าตำราที่ว่าเป็นโจรแต่ร้องให้จับโจร ยังถือโอกาสอนุมัติให้ลุงลาออกได้ด้วย แน่จริงๆ ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว”
เฮ่อฮั่นจู่นั่งนิ่งเงียบ
“ลุงลาออกจากตำแหน่งแล้ว ซึ่งนี่เป็นความต้องการของลุงพอดี เยียนเฉียว เธอต้องคว้าโอกาสทองที่ลุงสร้างให้เธอ อย่าปล่อยให้หลุดมือเป็นอันขาด
ตราบใดที่ลุงยังอยู่ จะเป็นการคานอำนาจระหว่างเขากับลู่หงต๋า เพราะทั้งสองคนต้องคอยระวังป้องกันลุงไว้ ตอนนี้ลุงลงจากตำแหน่ง พวกเขาต้องต่อสู้ฟาดฟันกันอย่างเปิดเผย อีกไม่กี่เดือนก็จะลงคะแนนเสียงแล้ว เขาไม่อยากให้เกิดจลาจลในกวนซีหรอก แต่เขาต้องการให้ฝ่ายลู่หงต๋าลงมือก่อน แบบนี้เขาก็อ้างได้ว่าต้องควบคุมสถานการณ์ขอเลื่อนการลงคะแนนเสียงไปก่อน เป็นการซื้อเวลาให้เขาได้วางแผนระยะยาว
ลุงได้ยินว่าคืนนี้เขาจัดงานเลี้ยงที่บ้าน เชิญเธอไปร่วมงานด้วย เพราะต้องการอะไร เธอน่าจะรู้นะ เขาคิดจะยกเรื่องแต่งงานผูกดองกันขึ้นมาพูดอีก กำลังรอให้เธอยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาอย่างเต็มตัว
เยียนเฉียว การที่เขาให้เธอแต่งงานกับคุณหนูเฉา ไม่เพียงมีความหมายว่าอยากให้เธอตัดขาดกับลุงไปเข้ากับเขาอย่างเต็มตัว ดูทีว่าเขายังมีเป้าหมายที่จะยืมเรื่องนี้กดดันลู่หงต๋า บีบให้อีกฝ่ายหมดความอดทนแล้วลงมือก่อน ลุงถอนตัวแล้ว เขากับลู่หงต๋าก็ต้องเปิดสงครามกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาต่างฝ่ายต่างเตรียมกำลังอาวุธเร่งฝึกทหารกันมานาน แล้วในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อตอนนี้ ขอแค่เธอกับคุณหนูเฉาได้แต่งงานกัน พวกเขาต้องเปิดศึกปะทะกันในเร็ววันนี้แน่ ถึงเวลานั้นสถานการณ์กำลังสับสนวุ่นวาย เธอจะมีโอกาสโค่นลู่หงต๋าเพื่อแก้แค้นให้สกุลเฮ่อของเธอได้”
หวังเซี่ยวคุนเพ่งมองเฮ่อฮั่นจู่ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมอยู่เบื้องหน้า
“เยียนเฉียว เมื่อก่อนลุงเคยรับปากเธอว่าจะทุ่มสุดกำลังช่วยเธอแก้แค้น ตอนนี้ลุงแค่ทำตามสัญญา สร้างโอกาสแก้แค้นให้เธอ แต่ลุงก็จะไม่ปิดบังเธอด้วยว่าสิ่งที่ลุงทำตอนนี้ไม่เพียงช่วยเธอแก้แค้นอยู่ มันยังเป็นการเดิมพันสำหรับลุงเองด้วย ลุงวางเดิมพันหมดหน้าตักไว้ที่ตัวเธอ ถ้าเธอแพ้ นอกจากเธอจะหมดหวังได้แก้แค้น ลุงก็อาจต้องแก่ตายอยู่ต่างถิ่น แต่ว่า…”
เขาเปลี่ยนน้ำเสียงฉับพลัน สายตาทอประกายวาววาม บนใบหน้าเรียวผอมฉายแววแข็งกร้าวอย่างที่เห็นได้ไม่บ่อยนักในยามปกติ “ลุงเห็นเธอเป็นเหมือนหลานชายแท้ๆ มาแต่ไหนแต่ไร ถ้าเธอชนะ วันหน้าจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของลุงกับเธอ! เกิดมาในกลียุค ลูกผู้ชายมีแต่อุดมการณ์เพื่อชาติเพื่อประชาชน แต่กลับไม่ลองสู้สุดตัวสักตั้ง จะไม่น่าเสียดายหรือไร”
เฮ่อฮั่นจู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ กล่าวขอบคุณหวังเซี่ยวคุนอย่างเคารพนับถือ ทั้งยังพูดตบท้ายบอกให้เขาถนอมสุขภาพด้วย ก่อนออกจากห้องหนังสือไป
ถงกั๋วเฟิงที่รออยู่ข้างนอกออกไปส่งเฮ่อฮั่นจู่แทนหวังเซี่ยวคุน จากนั้นเร่งรีบกลับมา พูดเสียงเบาว่า “พี่เขย ทำอย่างนี้เสี่ยงเกินไปนะครับ ถ้าอีกหน่อยเขาแก้แค้นสำเร็จ โค่นลู่หงต๋าลงได้แล้วไปเข้ากับฝ่ายสกุลเฉาจริงๆ พวกเราจะทำอย่างไร”
หวังเซี่ยวคุนทำหน้าปึ่งชา ตวาดเสียงโกรธเกรี้ยว “พวกกระต่ายตื่นตูม! คิดอะไรตื้นๆ เยียนเฉียวเป็นคนอย่างไร หรือแกยังไม่รู้อีก วันหลังถ้าฉันได้ยินแกพูดแบบนี้อีก ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่”
ถงกั๋วเฟิงละอายแก่ใจ ลุกลนก้มหน้าขานรับ
คุณนายหวังรับหน้าที่ต่อจากน้องชายตามไปส่งเฮ่อฮั่นจู่ถึงหน้าประตูใหญ่ ระหว่างทางเธอฝืนปั้นหน้ายิ้มแย้มชวนคุยสัพเพเหระ “…ป้ากับถิงจือจะย้ายไปที่เมืองเทียนก่อน จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ ได้อยู่เป็นเพื่อนเธอแล้วก็หลันเสวี่ยพอดี เมื่อวานหลันเสวี่ยโทรศัพท์มาถามไถ่ป้าเลยคุยเรื่อยเปื่อยกันสองคำ ป้าถึงรู้ว่าหลันเสวี่ยจะไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วหรือ”
เฮ่อฮั่นจู่พยักหน้า “ครับ อีกไม่นานหลันเสวี่ยจะจบชั้นมัธยมปลายแล้ว เธอตั้งใจจะเรียนเป็นหมอ ผมเลยไหว้วานศาสตราจารย์ชาวเยอรมันที่รู้จักกันมาหลายปีท่านหนึ่งช่วยมองหาโรงเรียนแพทย์เหมาะๆ สักแห่งให้ รอยื่นเรื่องเรียบร้อยก็ออกเดินทางไปได้เร็วๆ นี้แล้วครับ”
คุณนายหวังพูด “แม้จะเป็นเรื่องดี แต่หลันเสวี่ยอายุยังน้อย ไปตั้งไกลขนาดนั้นตามลำพัง ป้าจะวางใจได้อย่างไรกัน อยากเรียนเป็นหมอ ในประเทศก็มีโรงเรียนแพทย์เหมือนกันไม่ใช่หรือ ป้าว่านะ เรียนในประเทศก่อนสักสองปีดีกว่า รอให้หลันเสวี่ยโตขึ้นอีกหน่อยค่อยส่งไปก็ยังไม่สาย”
เฮ่อฮั่นจู่เอ่ยยิ้มๆ “ขอบคุณคุณป้ามากครับที่หวังดีกับหลันเสวี่ย คุณป้าสบายใจได้ ศาสตราจารย์ท่านนั้นเป็นคนกว้างขวางมาก พอหลันเสวี่ยไปถึงที่นั่น เธอจะได้รับความช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดีครับ”
คุณนายหวังรำพึงรำพันอีกเล็กน้อย ถึงเอ่ยต่ออีก “ได้ยินว่าคืนนี้ท่านประธานาธิบดีจัดงานเลี้ยงที่บ้าน เชิญเธอไปด้วยใช่ไหม คุณหนูเฉานั่น…”
คุณนายหวังก็มองออกว่าสกุลเฉาคือตัวการใหญ่ที่เป็นต้นเหตุให้ครอบครัวเธอตกอยู่ในสภาพนี้ แต่วันนี้คุณหนูเฉายังอุตส่าห์โทรศัพท์มาถามสารทุกข์สุกดิบกับเธอ ยังพูดว่าอีกสักพักจะไปเยี่ยมเธอที่เมืองเทียน
ถึงแม้น้ำเสียงของคุณหนูเฉาจะเปี่ยมไปด้วยน้ำใสใจจริง แต่คุณนายหวังฟังแล้วกลับมองความปรารถนาดีของคนอื่นไปในแง่ร้ายอย่างช่วยไม่ได้
เอาเป็นว่าทุกๆ ถ้อยคำของคุณหนูเฉาล้วนมีนัยกระหน่ำซ้ำเติมในความรู้สึกของคุณนายหวังก็แล้วกัน
เธอเบะปากน้อยๆ “…ก็วางตัวเป็นอยู่หรอกนะ สมแล้วที่เกิดในตระกูลผู้ดีมีสกุล แต่ว่าป้าดูโหงวเฮ้งของหล่อนแล้ว แก้มตอบ ตาขาวล้อมตาดำสามด้าน ไม่มีดวงส่งเสริมสามีหรอก แต่ก็นะโชคดีที่เยียนเฉียวเป็นคนเก่งมีความสามารถ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ข่มอีกฝ่ายไว้ได้หมดแน่นอน”
ถึงประตูใหญ่แล้ว เฮ่อฮั่นจู่ไม่ได้พูดตอบ เพียงอมยิ้มให้คุณนายหวังที่มาส่งถึงตรงนี้ จากนั้นขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ที่คนขับรถนำรถมาจอดรออยู่แล้วกลับไป
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 15 เม.ย. 67