ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง
ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 126
ท่านผู้หญิงเฉาทำเสียงฮึขึ้นจมูก แสดงท่าทีไม่ยินดียินร้าย
เฉาเจาหลี่สนิทสนมกับคุณหนูสิบสองที่เป็นญาติผู้น้องพอสมควร อีกทั้งยังรู้ถึงจุดประสงค์ของพ่อเขา ครั้นเห็นผู้เป็นย่าไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เขาจึงเข้ามาขัดจังหวะและพูดกับท่านผู้หญิงเฉาว่า “คุณย่าครับ คุณพ่อรอเยียนเฉียวอยู่ที่ห้องหนังสือ ผมพาเขาไปที่นั่นก่อนนะครับ ประเดี๋ยวค่อยออกมาทานอาหารด้วยกัน”
เฮ่อฮั่นจู่คำนับเป็นการขอตัวกับท่านผู้หญิงเฉา ค่อยตามเฉาเจาหลี่เดินเลี้ยวไปทางห้องหนังสือของท่านประธานาธิบดี
“คุณพ่อ เยียนเฉียวมาแล้วครับ” เฉาเจาหลี่ส่งเสียงบอกอย่างเคารพ ค่อยสั่งให้คนรับใช้ที่ตามเข้ามารินน้ำชาให้แขก จากนั้นพาคนรับใช้ถอยออกไปแล้วปิดประตู
ท่านประธานาธิบดีสวมชุดลำลองนั่งอยู่หลังโต๊ะ สวมแว่นสายตายาวง่วนอยู่กับการลงนามอนุมัติเอกสารราชการ ท่านเงยหน้าขึ้นมองเฮ่อฮั่นจู่ บอกว่าไม่ต้องมากพิธีแล้วกวักมือเรียกให้เขานั่งตามสบายด้วยท่าทางเป็นกันเอง ส่วนตนเองอ่านเอกสารราชการต่อพลางพูดไปเรื่อยๆ คล้ายชวนคุยสัพเพเหระ “หลังคุณกลับจากกวนซี ทีแรกผมอยากให้คุณพักผ่อนอย่างเต็มที่ ใครจะรู้ว่าทางเมืองเทียนจะเกิดเรื่องในโรงงานผลิตยาอีก ประดังประเดเข้ามาไม่ขาดสาย ผมกลัวคุณเหนื่อยถึงให้ต้วนฉี่เหนียนไปช่วยคุณ เป็นอย่างไรบ้าง ร่างกายยังไหวไหม ถ้าเหนื่อยต้องบอกผมทันทีนะ อย่าเห็นว่ายังหนุ่มแน่นเลยฝืนทนเป็นอันขาด”
เฮ่อฮั่นจู่กล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านประธานาธิบดีที่ห่วงใยครับ ผู้บัญชาการต้วนเป็นคนเด็ดขาดฉับไว งานทางนั้นก็เสร็จแล้ว สองวันนี้ผมมีเวลาว่างแล้วครับ”
ท่านประธานาธิบดีอ่านเอกสารราชการพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่ใส่ใจนักต่อ “ผมได้ยินข่าวลือแว่วๆ เหมือนกันว่าผู้มีอำนาจเบื้องหลังโรงงานผลิตยาตงย่าคือหวังเซี่ยวคุน แต่ไม่มีพยานหลักฐานอะไร ความจริงผมไม่เชื่อหรอกนะ แต่ว่าตอนเพิ่งเกิดคดีนี้ขึ้นเมื่อปีก่อนคุณเป็นผู้รับผิดชอบคดีและตัดเนื้อร้ายก้อนนี้เองกับมือ สร้างผลงานได้ครั้งใหญ่ สำหรับข่าวลือเกี่ยวกับคนหนุนหลัง…”
ท่านประธานาธิบดีมองชายหนุ่มแวบหนึ่ง “เยียนเฉียว คุณเห็นว่าอย่างไร”
เฮ่อฮั่นจู่ตอบ “ผมมีความเห็นตรงกับท่านประธานาธิบดีครับ ไม่มีพยานหลักฐานอะไร ผมไม่กล้าพูดส่งเดช”
ท่านประธานาธิบดีทำเสียงตอบในลำคอแล้วกล่าวขึ้นอีก “น่าเสียดายนะ เหตุไฟไหม้ในวันนั้นมีเงื่อนงำ สมุดบัญชีของโรงงานโดนเผาหมดเกลี้ยง ไม่เช่นนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครกันแน่นั้น อย่างไรก็ต้องมีร่องรอยให้สืบสาวจนกระจ่างชัดไปแล้ว ไม่ต้องเป็นอย่างทุกวันนี้ คนที่โดนใส่ร้ายก็โดนใส่ร้ายไป คนที่ร้องทุกข์ก็ร้องทุกข์ไป กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน กระบวนการยุติธรรมหมดความศักดิ์สิทธิ์ สถานการณ์วุ่นวายแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมปรารถนาจะได้เห็นจริงๆ”
“ต้องโทษผมที่ไร้ประสิทธิภาพครับ ตอนนั้นไม่ได้สืบสาวราวเรื่องให้ถึงที่สุด”
“คุณอย่าตำหนิตนเองเลย คุณทำดีที่สุดแล้ว ผมแค่พูดเปรยๆ อย่างสะท้อนใจเท่านั้นเอง สองวันนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง กำลังยุ่งเรื่องอะไรอยู่หรือ” ท่านประธานาธิบดีไพล่ไปถามเรื่องอื่น
“วันนี้คุณลุงหวังจะออกเดินทางจากเมืองหลวง ตอนกลางวันผมจึงไปเยี่ยมท่านมาครับ”
ท่านประธานาธิบดีชะงักมือเมื่อได้ยินประโยคนี้ ท่านเงยหน้าขึ้นพลางวางปากกาในมือลงช้าๆ ถอดแว่นสายตาออกแล้วนวดๆ ขมับสองข้าง เอนหลังพิงเก้าอี้มองเฮ่อฮั่นจู่พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ว่า “เยียนเฉียว คุณรู้ไหมว่าผมชื่นชมคนแบบไหนมากที่สุด จริงอยู่ว่าคนมีความสามารถโดดเด่นหาได้ยาก แต่ความกตัญญูรู้คุณและมีน้ำใจต่างหากถึงเป็นคุณธรรมพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคม ที่หวังเซี่ยวคุนวางมือทางการเมืองในวันนี้ เพราะเขารนหาที่เองก็จริงอยู่ แต่ดูคนรอบข้างที่เคยประจบสอพลอตอนเขาอยู่ในอำนาจพวกนั้นสิ ตอนนี้แต่ละคนพากันดูทิศทางลมหลีกลี้หนีหน้ากันแทบไม่ทัน เรียกได้ว่าเผยธาตุแท้ออกมากันหมด ถึงจะพูดกันว่ารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดคนหรือการแสวงหาผลประโยชน์เป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่แบบนี้มันออกจะน่าหัวเราะเยาะเกินไป พวกเขานึกว่าผมเป็นคนจิตใจคับแคบขนาดนี้เลย แค่ไปส่งหวังเซี่ยวคุน ผมก็จะผูกพยาบาทอาฆาตอยู่ในใจหรือ”
เฮ่อฮั่นจู่ลุกขึ้นยืนพูด “ท่านประธานาธิบดีใจคอกว้างขวางประหนึ่งมหาสมุทร ผมรู้สึกเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่งครับ”
ท่านประธานาธิบดีทำมือบอกให้เขานั่งลงตามเดิม ส่วนตนเองลุกขึ้นเอาสองมือไพล่หลังย่ำเท้าเนิบนาบวนไปวนมา จากนั้นพลันหยุดยืนนิ่งแล้วถามว่า “เมื่อครู่นี้คุณเข้ามาได้พบกับหลานสิบสองหรือเปล่า ปกติเธอจะพูดชมคุณต่อหน้าผมไม่ขาดปาก หลานคนนี้ไม่ได้เก่งอะไรเป็นพิเศษ แต่เรื่องดูคนกลับตาแหลมน่าดู”
ท่านประธานาธิบดีพูดจบแล้วอมยิ้มส่งสายตาให้เขาเป็นนัยๆ
เฮ่อฮั่นจู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ขอบคุณท่านประธานาธิบดีที่เมตตาเอ็นดูผม แต่ผมขอพูดตามตรงว่าผมมาที่นี่ในคืนนี้ไม่ใช่เพื่อมาสู่ขอครับ”
บรรยากาศกลมเกลียวเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเขม็งเกลียวขึ้นกะทันหัน
ท่านประธานาธิบดีจ้องเฮ่อฮั่นจู่ตาเขม็ง รอยยิ้มบนหน้าเลือนหายไปทีละน้อย ท่านกลับไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลงช้าๆ “เยียนเฉียว ถึงวันนี้แล้วผมนึกว่าเรื่องบางเรื่องระหว่างคุณกับผมคงไม่จำเป็นต้องพูดมากแล้วนะ คุณไม่ถูกตาต้องใจหลานสาวของผมได้ แต่การแต่งงานกับเธอไม่น่าจะมีผลเสียอะไรต่อคุณ”
ท่านประธานาธิบดีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จับความรู้สึกไม่ออก
เฮ่อฮั่นจู่มีสีหน้าเป็นปกติ “ผมมีคำถามข้อหนึ่ง ไม่ทราบว่าถามได้ไหมครับ”
“ถามมา”
“เมื่อแต่งงานกับคุณหนูสิบสองแล้ว หากว่าผมอยากทรยศท่านประธานาธิบดี ผมจะเปลี่ยนใจเพราะเธอหรือครับ”
ท่านประธานาธิบดีไม่ได้ขุ่นเคืองอะไร ท่านหรี่ตาลงเอ่ย “คุณไม่ใช่คนในฝ่ายผมมาแต่ต้น ถ้าอย่างนั้นคุณลองว่ามาซิว่าผมมีเหตุผลอะไรถึงจะใช้งานคุณได้อย่างวางใจ”