เธอลุกจากเตียงแต่งตัวอีกครั้ง จากนั้นออกจากห้องพักไปที่อาคารปฏิบัติการ เดินไปตามทางเดินยาวเหยียดที่ดูวังเวงอยู่บ้างในตอนกลางคืนตามลำพัง มีเพียงเสียงฝีเท้าเป็นจังหวะของตนเองเป็นเพื่อนจนมาถึงห้องปฏิบัติการประจำของเธอ เธอเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งวางอยู่ข้างประตู
นับแต่เฮ่อฮั่นจู่ไปกวนซีตอนต้นปี ชีวิตของเธอก็ขาดหนังสือพิมพ์ไม่ได้เลย เธอต้องอ่านทุกวัน กระทั่งผู้ช่วยในห้องทำงานของผู้อำนวยการเหอที่สนิทกับเธอพอสมควรยังรู้ว่าเธออ่านเป็นประจำ บางครั้งจะช่วยเอาหนังสือพิมพ์รายวันแวะมาวางไว้หน้าห้องปฏิบัติการให้เธอได้หยิบอ่านอย่างสะดวก
เธอหยิบหนังสือพิมพ์มาด้วย ค่อยเปิดประตูเข้าไปในห้องปฏิบัติการ
ห้องปฏิบัติการที่ใช้เพาะเชื้อห้องนี้ตั้งอยู่ริมด้านในเพื่อกันแสงและมีจุดประสงค์ในการเก็บเป็นความลับ จึงแอบมองสภาพด้านในจากนอกห้องไม่ได้ ประตูก็ติดตั้งกุญแจนำเข้าจากต่างประเทศที่แข็งแรงแน่นหนา ถ้าไม่มีลูกกุญแจ นอกจากใช้ของแข็งทุบกุญแจให้พังก็ไม่มีทางงัดเข้าไปได้
ส่วนงานที่เธอกับด็อกเตอร์อวี๋ทำด้วยกันอยู่ในขณะนี้ พวกเธอบอกกับคนภายนอกว่าเป็นการค้นคว้าวัคซีนป้องกันโรคไข้รากสาดน้อย…ซึ่งใครๆ ก็รู้กันทั่วว่าเมื่อก่อนด็อกเตอร์อวี๋ทำงานด้านการค้นคว้าวิจัยวัคซีนมาก่อน คำอธิบายนี้จึงตอบคำถามของคนที่อยากรู้อยากเห็นให้หมดข้อสงสัยได้
ซูเสวี่ยจื้อตรวจวัดอุณหภูมิกับความชื้น และสังเกตสภาพการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในจานเพาะเชื้อหมายเลขต่างๆ แล้วเขียนบันทึกเสร็จเรียบร้อย ถึงนั่งลงหยิบหนังสือพิมพ์ที่เอาติดมือมาเมื่อครู่นี้
เฮ่อฮั่นจู่กลับมาแล้ว อันที่จริงหนังสือพิมพ์ของวันนี้จะอ่านหรือไม่อ่านก็มีค่าเท่ากัน
แต่เพราะสนใจความเป็นไปของคนรู้จักอย่างสกุลหวัง เธอยังคงอยากดูว่ามีข่าวต่อเนื่องเกี่ยวกับพ่อของหวังถิงจือหรือไม่
ทว่าชั่วขณะที่กางหนังสือพิมพ์ออก ดวงตาของซูเสวี่ยจื้อนิ่งขึงไปทันใด
พาดหัวข่าวตัวใหญ่สีดำบรรทัดหนึ่งดึงดูดสายตาเธอไว้ ‘คืนวานเกิดเหตุจ้างวานฆ่าสะท้านเมือง’
ในเนื้อหาข่าวรายงานเหตุการณ์ว่าเมื่อคืนนี้เฮ่อฮั่นจู่ซึ่งเพิ่งสร้างผลงานความชอบโดดเด่นเป็นที่จับตาด้วยการปราบจลาจลในกวนซีเมื่อเร็วๆ นี้ไปร่วมงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ของท่านประธานาธิบดี ตอนขากลับโดนนักฆ่าลอบสังหารกลางทาง โชคดีรอดชีวิตมาได้ แต่ถูกยิงที่แขนข้างหนึ่ง ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดเอากระสุนออกอย่างเร่งด่วน นักข่าวไปสอบถามที่โรงพยาบาล ได้รับคำตอบว่าอาการบาดเจ็บที่แขนของเฮ่อฮั่นจู่สาหัสมาก กระดูกหักแบบละเอียด
ยังเปิดเผยอีกว่าผู้บงการเบื้องหลังคือเฉินกงสือซึ่งเป็นรองประธานวุฒิสภาและที่ปรึกษาคนสนิทของลู่หงต๋า หลังจากแผนการล้มเหลว ลู่หงต๋าได้ลอบหนีออกจากเมืองหลวงในคืนเดียวกัน เมืองหลวงตกอยู่ในความระส่ำระสาย ทหารประจำการของฝ่ายที่เกี่ยวข้องยิงปะทะกันจนนำไปสู่การใช้กฎอัยการศึก
ย่อหน้าสุดท้ายสรุปว่าผู้คนจากทุกแวดวงสังคมให้ความสนใจกับเรื่องที่เฮ่อฮั่นจู่โดนลอบสังหารอย่างมาก รู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นและพากันติเตียนการกระทำที่ผิดกฎหมายของลู่หงต๋าและเฉินกงสืออย่างรุนแรง เรียกร้องให้ท่านประธานาธิบดีสืบคดีนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อทวงคืนความเป็นธรรม
ซูเสวี่ยจื้อจ้องเขม็งไปที่ข่าวกรอบนี้อย่างอกสั่นขวัญผวา เธอแจ่มแจ้งในบัดดลว่าเพราะอะไรตอนเห็นเขาคืนนี้ถึงได้รู้สึกแปลกๆ
เขาไม่ได้ขยับแขนซ้ายที่ถูกเสื้อโค้ตบังไว้เลย!
เธอยังเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรติงชุนซานถึงตามเขามาหาเธอในคืนนี้ด้วย
เพราะรถยนต์ในยุคนี้ยังบังคับพวงมาลัยด้วยมือเดียวไม่ได้
ซูเสวี่ยจื้ออดทนไม่ไหวอีกต่อไป
หลายวันนี้ผู้ช่วยของผู้อำนวยการเหอคนนั้นพักอยู่ในโรงเรียนห่างจากห้องพักของเธอไม่ไกล
เธอออกจากห้องปฏิบัติการวิ่งไปที่หอพัก ปลุกอีกฝ่ายที่อยู่ในห้วงนิทราให้ตื่นขึ้นแล้วขอกุญแจห้องทำงาน จากนั้นเข้าไปโทรศัพท์
เธอไม่ได้โทรศัพท์ไปที่คฤหาสน์สกุลเฮ่อ แต่ต่อสายไปหาติงชุนซาน
เขาดูท่าทางเหมือนเพิ่งจะเข้านอนไปไม่นานก็ถูกเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นขึ้น พอได้ยินเสียงซูเสวี่ยจื้อ เขางุนงงไปในทีแรก “คุณ…คุณชายซูหรือ คุณโทรมาได้อย่างไร ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว มีเรื่องอะไรหรือครับ”
“ผมเพิ่งเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าผู้บัญชาการเฮ่อถูกลอบฆ่า เป็นความจริงใช่ไหมครับ” เธอโพล่งถามทันที
ติงชุนซานนิ่งเงียบไป
ไม่ตอบ แสดงว่าเป็นความจริง!