เฮ่อฮั่นจู่มองเธอแวบหนึ่งก่อนค่อยๆ ยื่นหน้ามาจุดบุหรี่แล้วดูดเข้าปอดลึกๆ คำหนึ่ง จากนั้นลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดหน้าต่างออก เขายืนหันหลังให้เธอแล้วเริ่มสูบบุหรี่ตามลำพังอยู่ตรงข้างหน้าต่าง พ่นควันออกไปในอากาศยามดึกนอกห้อง
ชั่วครู่ต่อมาบุหรี่หมดไปครึ่งมวนแล้ว เขายังยืนอยู่ตรงนั้นสูบไปเรื่อยๆ
ซูเสวี่ยจื้อมองดูแผ่นหลังของชายหนุ่ม เธอเดินไปหาเขาในที่สุด ยื่นสองแขนออกไปโอบเอวเขาไว้จากทางข้างหลังอย่างช้าๆ เอียงแก้มซบลงบนแผ่นหลังกว้างบึกบึน
“คุณเป็นอะไรไปกันแน่ เมื่อคืนคุณไปทำอะไรที่บ้านสกุลเฉามาคะ คนสกุลเฉาพูดถึงเรื่องแต่งงานอีกแล้วและคุณปฏิเสธก็ไม่ได้ใช่ไหม”
หญิงสาวข่มอารมณ์เศร้าหมองที่พลุ่งขึ้นในใจระลอกหนึ่งไว้ ถอนหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่งเพื่อสงบจิตใจลง ถึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องลำบากใจแบบนี้เลย ฉันเข้าใจได้ ฉันไม่โทษคุณหรอก ตอนที่พวกเรามีอะไรกันคืนนั้นฉันเคยบอกแล้วว่าคุณไม่ต้องรับผิดชอบอนาคตของฉัน ที่ฉันพูดเป็นความจริงทุกคำ ฉะนั้นคุณมีเรื่องอะไร แค่บอกกับฉันให้ชัดเจนก็พอ”
เฮ่อฮั่นจู่หลับตาลงอย่างตัดสินใจได้เด็ดขาดฉับพลันในเสี้ยววินาทีนี้
ทุกถ้อยทุกคำที่จ้าวมังกรเจิ้งพูดบนเรือตรงปากอ่าวแม่น้ำในค่ำคืนนั้นเปรียบเหมือนมีดคมกริบปักลงตรงกลางใจ
จริงๆ แล้วเขาก็รู้มาโดยตลอดว่าทำอย่างไรถึงจะถูกต้อง…ก็เหมือนกับที่เขาเคยบอกกับหวังถิงจือ เพียงแต่ว่าเธอมีเสน่ห์เหลือเกิน ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรที่เธอประทับอยู่ในหัวใจเขา เมื่อในใจมีเธอแล้ว เขาก็ไม่อาจต้านทานเวลาที่เธอเข้ามาใกล้ เขาสูญเสียการควบคุมตนเองไปทีละน้อยทีละนิดจนขาดสติและหมดความยับยั้งชั่งใจไปโดยสิ้นเชิง ถึงได้ทำเรื่องที่เดิมทีเขาทำไม่ได้ไปแล้วในที่สุด
เขาเป็นพวกบาปหนาเกินอภัย ต่ำช้าไร้ยางอายยิ่ง
ความโชคดีเพียงอย่างเดียวคือตอนนี้ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นขึ้นไม่นาน
เธอมาดมั่นเป็นตัวของตัวเองมากกว่าผู้ชายสวะๆ ที่มีอยู่ดาษดื่นในสังคมอย่างเขา และด้วยหัวสมองที่เฉียบแหลมของเธอก็น่าจะยังไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่ผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งเกินไป
เขาดื่มด่ำกับสัมผัสจากอ้อมกอดของหญิงสาวจากทางแผ่นหลังกับรอบเอวของเขาในขณะนี้อย่างหิวกระหาย ทรวงอกนุ่มนิ่มและการโอบรัดของท่อนแขน นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะกอดเขาในชาตินี้ ชายหนุ่มคิดไปไกลอยู่ในใจพลางมองมือของตนเองที่กดหัวบุหรี่ดับไฟบนขอบหน้าต่างข้างนั้นจนกระทั่งกระดาษกับยาเส้นที่ห่อไว้ข้างในที่เหลืออยู่ครึ่งมวนถูกบดบี้จนแหลกละเอียดหมด
สุดท้ายเฮ่อฮั่นจู่ก็จับสองมือที่ประสานกันอยู่ตรงหน้าท้องของเขาไว้ ก่อนจะดึงพวกมันออกจากกันเบาๆ ทว่าแน่วแน่เด็ดเดี่ยว
เธอดึงแขนที่โอบกอดเขาไว้คืนไปช้าๆ เห็นเขาหมุนตัวมายืนประจันหน้ากัน เธอกลั้นหายใจรอคอยอย่างจดจ่อ
สีหน้าของเขาในเวลานี้ดูสงบนิ่งกว่าเมื่อครู่นี้มาก ราวกับว่าเรี่ยวแรงก็ฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง
“ทางสกุลเฉาไม่ได้คิดจะพูดเรื่องแต่งงานกับผมอีก คืนนี้ผมไปที่นั่นในฐานะแขกธรรมดาๆ เท่านั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด” เขาบอกเธอ
หญิงสาวใจเต้นโลดขึ้น เธอรู้สึกขบขันที่ตนเองคิดมากเกินไปเมื่อครู่นี้…ทว่าอารมณ์ตื่นเต้นคึกคักเพิ่งผุดขึ้นมาไม่ทันไรก็หายวับไปในชั่วพริบตา
“แต่พักนี้ผมคิดอะไรๆ มากมาย”
ซูเสวี่ยจื้อเบิ่งตามองเขาอย่างตั้งใจ
“เสวี่ยจื้อ ได้เจอคุณเป็นความโชคดีมหาศาลในชีวิตของผม คุณช่างแสนดีเหลือเกิน ผมก็ไม่รู้ว่าตนเองทำบุญมาแต่ชาติปางไหนถึงได้รับความรักจากคุณ ตอนผมยังเด็กสุขภาพของผมไม่ดีนัก” เขาพูดต่อ “คุณแม่รักผม แต่ท่านมักห้ามไม่ให้ผมทำโน่นทำนี่ โดยเฉพาะหลังจากคุณพ่อผมด่วนจากไปท่านก็ยิ่งเป็นห่วงผมทุกฝีก้าว ผมจะไปไหนก็ไม่วางใจ ด้วยเหตุนี้ต่อมาภายหลังมีครั้งหนึ่งผมเกือบมีอันเป็นไปจนทำให้ท่านเสียขวัญ ตอนนั้นผมก็กลายเป็นเด็กดีแล้ว เพื่อให้ท่านสบายใจ ผมไม่ออกไปข้างนอกอีกเลย ภาพความทรงจำที่ฝังลึกในใจมากที่สุดก่อนผมอายุสิบสองปีก็คือกำแพงสูงสี่ด้านรอบบ้านกับหน้าต่างห้องหนังสือ ส่วนผมใช้ชีวิตอยู่ภายในกำแพงกับหน้าต่างทุกวัน จวบจนวันที่สกุลเฮ่อของผมล่มจม
คุณปู่ของผมท่านเป็นคนที่น่าเคารพยกย่องอย่างแท้จริง ท่านก็รักผมมาก และคำนึงถึงผมทุกเรื่อง ท่านจ้างอาจารย์กังฟูที่เก่งที่สุดให้ผม อยากให้ผมฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรง ยามท่านว่างจากงาน อยู่บ้านก็จะสอนหนังสือผมเอง แต่ท่านเป็นคนดุและเข้มงวดเคร่งขรึมมากด้วย ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณปู่จึงมีทั้งเคารพทั้งยำเกรง ที่ผมขยันเรียนตอนเด็ก เพราะอยากชดเชยความผิดหวังของคุณปู่ที่มาจากข้อบกพร่องของผม”
เขาจ้องมองเธอนิ่งๆ “เสวี่ยจื้อ ในอดีตของผม ผมนึกถึงความทรงจำสนุกสนานอะไรที่น่าพูดถึงไม่ออก จนเมื่อได้พบกับคุณ สองสามวันที่ได้อยู่ร่วมกับคุณนั่น เป็นเวลาที่ดีที่สุดในช่วงยี่สิบกว่าปีนี้ของผมเลยก็ว่าได้ ผม…”
เขาหยุดพูดกลางคัน เบือนหน้าไปทางอื่นคล้ายกำลังสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่างที่พลุ่งขึ้นในใจฉับพลันไว้ ผ่านไปชั่วครู่เขาสูดหายใจเข้าช้าๆ เฮือกหนึ่งถึงหันมามองเธออีกครั้ง
“ผมรู้สึกโชคดีมาก จริงๆ นะ นอกจากโชคดีแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะบรรยายความรู้สึกที่ได้พบคุณอย่างไรดี…”
* แพทย์ออร์โธปิดิกส์ (Orthopedist) คือแพทย์รักษาโรคกระดูก
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 19 เม.ย. 67