เขาส่งเสียงไอหลายทีกว่าจะหยุดลงได้แล้วคาบบุหรี่ไว้ในปากดังเก่า
ถนนประดับไฟนีออนหลากสีสันงดงามพร่างพรายฝั่งตรงข้ามสะท้อนเงาอยู่ในดวงตาทั้งคู่ของชายหนุ่ม
ถัดจากย่านราตรีที่เต็มไปด้วยแสงสีแห่งนี้จะเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน แถวนั้นมีตรอกซอกซอยตัดกันไปมา เห็นแสงไฟดวงเล็กดวงน้อยอยู่ประปราย
เมื่อทอดสายตาข้ามไปอีก จุดที่ห่างออกไปเป็นท่าเรือ มีเขตชุมชนแออัดเรียงติดกันเป็นพืด
หลังฟ้ามืดมองจากตรงนี้ ที่นั่นมืดมิดประหนึ่งหลุมดำขนาดยักษ์ที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างได้
ชายหนุ่มมองไปไกลๆ อึดใจหนึ่งแล้วเบนสายตามองไปทางทิศเหนือของเมือง ในขณะที่เขาเริ่มใจลอย ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง “เยียนเฉียว ด็อกเตอร์รอล์ฟเคยโทรหาฉัน บอกให้ช่วยเตือนคุณจริงๆ นะคะ อากาศแบบนี้ต้องระวังสุขภาพให้ดี”
เขาหันหน้าไปเห็นคุณหนูเฉามาถึง ยังคงยืนอยู่ที่เดิมผงกหัวให้เธอนิดหนึ่ง
เธอเดินไปหยุดที่หน้าราวระเบียงด้านข้างเขา
“ยาฝรั่งไม่ได้ผล สองวันก่อนฉันไปหาหมอจีนชื่อดังคนหนึ่งถามวิธีรักษา เขาก็บอกว่าปรับสมดุลร่างกายสำคัญที่สุด ฉันเห็นคืนนี้คุณไม่ได้ดื่มเหล้าเท่าไร ซึ่งเป็นเรื่องดีมาก แต่ถ้าคุณหยุดสูบบุหรี่ได้ด้วย จะไม่ดียิ่งขึ้นหรือคะ”
เฮ่อฮั่นจู่ยิ้มน้อยๆ “อยากให้ผมตัดกิเลสสำเร็จเป็นพระอรหันต์หรือครับ”
เธอโคลงศีรษะทอดถอนใจ สีหน้าแลดูจนปัญญาอยู่บ้าง
เขาบอกเธอ “ตรงนี้หนาว คุณเข้าไปเถอะ”
คุณหนูเฉายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมไป สายตาของเธอจับอยู่ที่ป้ายร้านล้อมรอบด้วยหลอดไฟนีออนริมถนนฝั่งตรงข้าม ผ่านไปครู่หนึ่งถึงพูดเสียงเบาว่า “เยียนเฉียว คุณยังจำได้ไหมคะ พวกเรารู้จักกันครั้งแรกตอนอยู่ที่ยุโรป เป็นคืนวันคริสต์มาสเหมือนกัน ฉันเจอพวกอันธพาลเมาเหล้าแล้วคุณช่วยฉันไว้”
เขาไม่เปล่งเสียงพูด ยังคาบบุหรี่ไว้ดังเก่า
เธอแย้มยิ้มเอ่ยต่อ “เรื่องผ่านไปตั้งนานหลายปี คุณคงลืมไปแล้ว ตอนนี้คุณช่วยฉันไว้อีกเป็นครั้งที่สอง ทำให้ฉันหลุดพ้นจากการแต่งงานที่คงจะน่ากลัวมาก ถ้าไม่มีคุณ ครอบครัวฉันคงให้ฉันแต่งงานกับผู้ชายที่ทำตัวน่ารังเกียจพวกนั้น…”
เธอหยุดเว้นจังหวะมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา “แน่นอนว่าคุณเป็นข้อยกเว้น ผู้ชายน่ารังเกียจที่ฉันพูดถึงไม่ได้รวมถึงคุณ”
เฮ่อฮั่นจู่เอ่ยขึ้น “ผมไม่ได้แตกต่างจากผู้ชายน่ารังเกียจตามปากคุณว่าหรอก คุณหนูสิบสองไม่จำเป็นต้องเกรงใจ แล้วก็ไม่ต้องขอบคุณผม พวกเราต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ต้องการก็เท่านั้น”
เสียงพูดของเขาราบเรียบ ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ราวกับไม่สนใจบทสนทนานี้มากนัก
คุณหนูเฉาอึ้งงันไป “คุณพูดถูก ต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ”
เฮ่อฮั่นจู่หมุนตัวมา
“ไปเถอะ เข้าไปได้แล้ว” เขาบอกเสียงนุ่ม จากนั้นดับบุหรี่แล้วก้าวเท้าจะเดินเข้าข้างใน
“รอเดี๋ยวค่ะ” เธอส่งเสียงเรียก
เขาหยุดฝีเท้าลง
“คืออย่างนี้ค่ะ หลังคืนนี้ผ่านไปฉันต้องกลับเมืองหลวง แต่เมื่อสองวันก่อนคุณแม่โทรศัพท์มาหาฉันอีกแล้ว ท่านหวังว่าคุณจะแวะไปที่บ้านฉันกินข้าวด้วยกันตอนสิ้นปี คุณแม่บอกว่ามีญาติผู้ใหญ่บางคนในครอบครัวฉันยังไม่เคยพบคุณเลยอยากเจอหน้าค่าตาสักหน่อย จากนั้นค่อยดูสถานการณ์กันอีกทีว่าจะเลือกช่วงไหนของปีหน้าให้พวกเราหมั้นไว้ก่อนหรือว่าแต่งงานกันเลยก็ได้…”
เขามองเธอเฉยๆ ไม่ได้เอ่ยตอบทันที
เธอดูกระวนกระวายเล็กน้อย บนหน้ามีรอยละอายใจผุดขึ้น “ฉันรู้ว่าคุณคงไม่ชอบการพบปะแบบนี้ ฉันขอโทษจริงๆ ที่เรียกร้องจากคุณนอกเหนือจากที่เราตกลงกันไว้ตอนแรก…”
เสียงฝีเท้าลอยมาระลอกหนึ่งตัดบทคุณหนูเฉา
เธอหยุดพูดแล้วหันหน้าไป เห็นพนักงานของโรงแรมสาวเท้ามาหา
เขาเห็นเฮ่อฮั่นจู่แล้วเดินเข้ามาโค้งตัวบอกว่า “คุณเฮ่ออยู่ที่นี่นั่นเอง ชั้นล่างมีคนชื่อเยี่ยเสียนฉีมาหาคุณ บอกว่ามีเรื่องด่วนต้องการพบคุณครับ”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน มีนาคม 2567)