บทที่ 76
ฟู่หมิงเฉิงขับรถพาคนส่งถึงสถานีรถไฟอย่างรวดเร็ว
ยามนี้ยังไม่ถึงเวลาออกเดินทาง พวกเยี่ยเสียนฉีกับซูจงซึ่งตามอยู่ด้านหลังจะมาถึงช้ากว่าก็ไม่เป็นไร
นายสถานีคนหนึ่งเคยเห็นหน้าฟู่หมิงเฉิงมาก่อนเลยจำเขาได้ พอบอกให้หัวหน้าสถานีรถไฟรู้ อีกฝ่ายก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับด้วยตนเอง บอกว่ารถไฟยังไม่มา ตรงชานชาลาลมแรง เชิญพวกเขาเข้าไปรอรถในห้องรับรองพิเศษสำหรับผู้โดยสาร และยกน้ำชาร้อนมาวางให้อย่างแข็งขันกระวีกระวาด
หลังนั่งไปได้ครู่หนึ่งพวกเยี่ยเสียนฉีกับซูจงมาถึงแล้วเช่นกัน ไม่นานรถไฟก็วิ่งเข้ามาหยุดจอดในสถานีพร้อมเสียงหวูด
หัวหน้าสถานีรถไฟนำทางเยี่ยหรู่ชวนเดินเข้าช่องพิเศษตรงไปขึ้นรถไฟก่อน และพาไปจนถึงตู้นอนที่จองไว้อย่างเรียบร้อย
รถไฟขบวนนี้ออกเดินทางจากเมืองหลวงมุ่งหน้าลงทิศใต้ เมืองเทียนเป็นสถานีใหญ่ จะหยุดจอดเป็นเวลายี่สิบนาที
เยี่ยหรู่ชวนพูดกับหลานสาวว่าอากาศหนาว เร่งให้เธอรีบกลับไปไวๆ ไม่ต้องรอจนรถไฟออกอีก
เยี่ยเสียนฉีดึงเธอไปพูดอีกทางหนึ่ง “เสวี่ยจื้อ ฉันได้ยินลุงจงบอกว่าเมื่อวานคุณลุงของเธอไปที่โรงงานผลิตยาตงย่า คิดจะสั่งซื้อยาอะไรสักอย่างจากพวกนั้น พอกลับไปสำรวจตลาดดูแล้วจะสั่งจอง ค่อยส่งเงินมัดจำมาให้ ฉันฟังน้ำเสียงของลุงจงแล้ว คุณลุงของเธอมองว่าการค้านี้จะไปได้สวย ตั้งใจลงทุนครั้งใหญ่ แต่ฉันว่าอย่าเพิ่งทำดีกว่านะ”
“ทำไมล่ะ”
“หลายวันก่อนที่สถานีตำรวจฉันมีครูวิทยาลัยคนหนึ่งมาแจ้งความว่าเพื่อนเขาหายตัวไปไม่ใช่หรือ ครูคนนั้นแซ่อวี๋เป็นนักเรียนนอกกลับมาจากซีหยาง จบปริญญาเอกด้านจุลชีววิทยา ดันไปเรียนสาขาวิชาอะไรก็ไม่รู้ อีกทั้งยังเป็นพวกใจร้อน ชอบล่วงเกินคนเป็นประจำ นับวันชีวิตย่ำแย่ตกอับลงเรื่อยๆ สุดท้ายได้แต่ไปเป็นครูสอนวิชาชีววิทยาเลี้ยงปากท้อง เพื่อนของเขาก็ทำงานอยู่ในโรงงานผลิตยาตงย่านะเอง เขาสงสัยว่าที่เพื่อนเขาหายตัวไปเกี่ยวข้องกับโรงงานนี้ จึงอยากให้พวกฉันสืบดู
ฉันได้ยินว่าโรงงานผลิตยามีคนหนุนหลังอยู่ เจ้านายใหญ่ของที่นี่รู้จักมักจี่กับคนทุกวงการในเมืองเทียน เบื้องบนสั่งไม่ให้ยุ่ง บอกว่าคนแซ่อวี๋แจ้งความเท็จ สองสามวันนี้ฉันอยู่ว่างๆ ไม่มีงานสำคัญอะไร ก็เลยลองช่วยตามหาคนให้เขาดูเท่านั้นเอง แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าที่เจ้าคนไม่ได้ความแซ่อวี๋คนนั้นพูดต้องเป็นความจริงแน่นอนนะ เอาเป็นว่าในเมื่อมีคนพูดถึงแบบนี้ ฉันเห็นว่าคุณลุงของเธออย่าคิดแต่จะหาเงินท่าเดียว อยากทำการค้าใหญ่โตอะไรเลย ถ้าวันหลังเกิดเรื่องขึ้น เสียเงินเสียทองยังไม่เท่าไร เดี๋ยวจะซวยติดร่างแหไปด้วย”
ซูเสวี่ยจื้อถามต่อ “แล้วทำไมพี่ไม่ไปพูดกับคุณลุงเองล่ะ”
เยี่ยเสียนฉีทำปากเบะ “ตอนนี้เขาเห็นฉันก็ตีหน้ายักษ์ เหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อฉันใจจะขาด ฉันจะกล้าพูดที่ไหนกัน ถึงพูดแล้วเขารับฟังไหมล่ะ”
เจ้านายใหญ่ของโรงงานผลิตยาตงย่าแซ่กู้ ว่ากันว่าเป็นลูกหลานของหัวหน้าสำนักแพทย์หลวงในสมัยราชวงศ์ชิง อีกทั้งเคยไปเรียนต่อต่างประเทศ ศึกษาทั้งศาสตร์จีนและตะวันตกจนรอบรู้ทั้งสองด้าน เขากลับประเทศแล้วเปิดโรงงานตงย่า ช่วงปีแรกๆ โรงงานเคยเกือบล้มละลาย ภายหลังคิดค้นยาออกมาได้สองชนิด หนึ่งคือยาบำรุงสมอง อีกหนึ่งคือยาเลิกฝิ่น สรรพคุณยอดเยี่ยม ขายดิบขายดีมาก ได้รับเสียงกล่าวขวัญว่าเป็นยาวิเศษ ด้วยเหตุนี้จึงสร้างผลกำไรให้มหาศาล จนก้าวขึ้นเป็นโรงงานผลิตยาชื่อดังอันดับต้นๆ ของเมืองเทียนรวมถึงภาคเหนือในชั่วข้ามคืน
ก่อนหน้านี้ซูเสวี่ยจื้อเคยเห็นโฆษณาที่โรงงานผลิตยาตงย่าลงในหนังสือพิมพ์มาก่อน เธอรู้สึกได้ด้วยสัญชาตญาณว่าเชื่อถือไม่ได้อยู่สักหน่อย ของดีขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ทำการตลาดได้เก่งเหลือเกินจนชาวบ้านเห่อตามกระแสแบบเดียวกับ X ไป๋จิน ที่เคยโหมประโคมโฆษณาทุกทางในยุคหลัง ก็ต้องเป็นส่วนประกอบของยาที่น่าสงสัย
ทว่าในยุคนี้แม้ธุรกิจผลิตยาจะก้าวหน้ามากขึ้นทุกวัน แต่การควบคุมยาเวชภัณฑ์ยังไม่เป็นระบบ ผู้จำหน่ายยาแข่งกันอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงในโฆษณา ทั้งยาเม็ด ยาผง ยาขี้ผึ้ง และยาน้ำสารพัดชนิด ทั้งบำรุงโลหิต เสริมสมรรถภาพทางเพศ หรือแม้แต่ทำให้มีลูกชาย ใช้ถ้อยคำสวยหรูจูงใจคนให้หลงเคลิ้ม กลายเป็นปัญหาเรื้อรังของวงการนี้
กระนั้นเพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเอง เธอจึงไม่ค่อยสนใจมากนัก พอตอนนี้ได้ยินญาติผู้พี่บอกแบบนี้ เธอใช้เวลาที่เหลืออยู่เล็กน้อยก่อนรถไฟออกบอกเล่าต่อให้คุณลุงฟัง
เยี่ยหรู่ชวนลังเลใจ “ไม่น่าจะเป็นไรหรอก โรงงานผลิตยาเจ้าใหญ่มีชื่อเสียงขนาดนี้ ลุงได้ยินว่าขายดีมาก มีใบสั่งจองไปถึงปีหน้าโน่น สั่งน้อยยังไม่ขายให้ หนำซ้ำไม่ยอมลดราคาให้แม้แต่แดงเดียวด้วย”
ซูเสวี่ยจื้อพูดต่อ “ในเมื่อมีเรื่องแบบนี้ คุณลุงรอบคอบหน่อยดีกว่าค่ะ ดูๆ ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน อย่าเพิ่งรีบร้อนให้เงินมัดจำอีกฝ่าย เงินทองยังมีให้หาไม่หมดนะคะ หรือไม่เอาอย่างนี้ดีไหม หนูจะคอยติดตามดูเรื่องนี้ให้ ถ้าไม่มีปัญหาจริงๆ คุณลุงค่อยสั่งจองก็ยังทัน ถึงยังไงตอนนี้ทางเมืองเฉิงตูคงยังไม่มีใครแย่งการค้ากับคุณลุงอยู่แล้ว”
เยี่ยหรู่ชวนคลุกคลีอยู่ในวงการค้าสมุนไพรมาครึ่งค่อนชีวิต ย่อมต้องรู้ว่าแวดวงนี้มีสายสนกลในซับซ้อน อีกทั้งเป็นเรื่องเกี่ยวกับยาฝรั่งที่ตนเองไม่ถนัด แต่เขาก็รู้ว่ามียาฝรั่งไม่น้อยที่เรียกได้ว่าเห็นผลเร็วจนน่าอัศจรรย์เมื่อเทียบกับยาจีน จึงเชื่อสนิทใจและเห็นว่าเป็นช่องทางทำเงินก้อนใหญ่ ถึงได้อดหวั่นไหวไม่ได้ ตอนนี้พอได้ยินหลานสาวบอกเช่นนี้ ถึงจะยังเสียดายนิดหน่อย ทว่าเขาไม่ได้มีนิสัยชอบเสี่ยง ด้วยเหตุนี้จึงรับปากหลานสาว และกำชับเธอว่าต้องใส่ใจให้มากๆ มีข่าวอะไรก็ส่งไปบอกเขา