เมื่อชิงโม่เหยียนพาหรูเสี่ยวนันกลับไปถึงศาลต้าหลี่ เขาก็เรียกตัวเสมียนศาลทังเซียนเซิงและเจ้าหน้าที่จดบันทึกกู้เซียนเซิงมาพบในทันที แล้วเอาหุ่นไม้ตัวนั้นให้พวกเขาดู
“นี่คือสิ่งที่จี๋ฟู่ทิ้งไว้ที่หอเชียนเล่อหรือ” กู้เซียนเซิงเอ่ยถามอย่างตกใจ
“ใช่ พวกท่านเคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อนหรือไม่” ชิงโม่เหยียนถามกลับ
หุ่นไม้ตัวนั้นนอนอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าหยกขาวแกะสลักฉายแสงสีเขียวอ่อนๆ ออกมาเลือนราง
กู้เซียนเซิงส่ายหน้า “จี๋ฟู่เป็นคนซื่อ นับจากมาประจำการที่ศาลต้าหลี่ไม่เคยก่อเรื่องอะไรเลย และไม่เคยได้ยินว่าเขามีนิสัยแปลกๆ อะไรมาก่อน”
ทังเซียนเซิงดูหุ่นไม้ตัวนั้นอย่างละเอียดแล้วขมวดคิ้ว “คนที่หอเชียนเล่อใช่จำอะไรผิดไปหรือไม่”
“ไม่มีทาง” ชิงโม่เหยียนพูดอย่างเด็ดขาด
ทุกคนพูดคุยกันอยู่ในห้อง หรูเสี่ยวนันจึงถือโอกาสกระโดดออกไปทางหน้าต่าง
สำหรับนางแล้ว ในห้องอึดอัดเกินไป และมีหุ่นไม้ประหลาดตัวนั้นอยู่ด้วย นางรู้สึกไม่สบายใจ
ตอนพวกกู้เซียนเซิงจากไป ท้องฟ้าข้างนอกมืดลงแล้ว
ชิงโม่เหยียนจัดการงานในมือเสร็จแล้วจึงพบว่าชะมดเช็ดน้อยหายไป
“เจ้าตัวเล็กล่ะ” ชิงโม่เหยียนถามเสวียนอวี้ที่ยืนอยู่ตรงประตู น้ำเสียงแฝงด้วยความกังวล
“อยู่ในลานด้านนอกขอรับ” เสวียนอวี้ตอบตามตรง
หลายวันมานี้เขารู้สึกว่าชะมดเช็ดน้อยตัวนี้มีความสำคัญในใจซื่อจื่อเพิ่มมากขึ้นทุกที ดังนั้นตอนที่หรูเสี่ยวนันกระโดดออกจากหน้าต่าง เขาก็จับตามองไว้ตลอด กลัวว่ามันจะหายไปและทำให้ซื่อจื่อโมโหอีก
ชิงโม่เหยียนลุกขึ้นออกจากห้อง ในตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว ตามหลักพวกเขาควรจะกลับจวนโหวไปแล้ว แต่เขาไม่อยากกลับไป
สำหรับเขา กลางคืนนอนที่ใดก็ไม่ต่างกัน
ทางจวนโหวกลับไปแล้วก็ต้องไปพบท่านพ่อของเขาอีก หลายปีมานี้ท่านพ่อเข้มงวดกับเขามากขึ้น ถึงขั้นที่ระหว่างพวกเขาตอนนี้ไม่มีอะไรให้พูดกันแล้ว
เสวียนอวี้ยกนิ้วชี้ไปทางชายคา ชิงโม่เหยียนจึงพบว่าบนชายคามีก้อนขนสีดำก้อนหนึ่งขดตัวอยู่ ดวงตาสีเขียวใสกำลังจ้องมองท้องฟ้าตาไม่กะพริบ ดูท่าทางของมันแล้ว ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดปัญหาอะไรที่ทำให้มันกลุ้มใจ
ในสมองชะมดเช็ดตัวหนึ่งจะบรรจุปัญหาได้เท่าใดกัน แต่ในตอนนี้ ไม่ว่าใครเห็นฉากนี้ก็คงเกิดความสงสัย เพราะชะมดเช็ดบนชายคาตัวนั้น แววตาที่ปรากฏในดวงตาของมันดูเจ็บปวดเหลือเกิน
หรูเสี่ยวนันมองท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลง แอบทอดถอนใจว่าวันเวลาแบบนี้นางยังต้องผ่านมันอีกนานเท่าใด