นางแอบขยับออกมาจากอ้อมอกของชิงโม่เหยียน กระโดดลงจากเตียงแล้วกระโจนไปที่หน้าต่าง
ข้างนอกมืดสนิท แม้ว่าในสวนจะมีตะเกียงตามทางเดินหิน แต่ก็ยังคงมืดอยู่ โชคดีที่ตาของนางสามารถปรับให้เข้ากับความมืดนี้ได้ดี
ในค่ำคืนมืดมิด ดวงตาสีเขียวเปล่งประกาย ร่างเตี้ยร่างหนึ่งกำลังขยับช้าๆ เดินไปทางตะวันออก
นั่นคืออะไร
หรูเสี่ยวนันเบิกตาโตขึ้นทันที นางโก่งแผ่นหลังขึ้น แล้วกระโดดลงบนพื้นนอกหน้าต่างอย่างมั่นคง
ของสิ่งนั้นไม่ใช่ของดีอะไรแน่นอน!
แม้ว่านางจะเห็นของสิ่งนั้นได้ไม่ชัดเจน แต่นางกลับสัมผัสได้ถึงไอชั่วร้ายกลุ่มหนึ่ง
หรูเสี่ยวนันก้าวเท้าแผ่วเบา เดินตามไอชั่วร้ายกลุ่มนั้นไป
นางเพิ่งจะกระโดดออกทางหน้าต่าง ชิงโม่เหยียนที่อยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้น
แท้จริงแล้วตั้งแต่ตอนที่ชะมดเช็ดน้อยกระโดดลงจากเตียงเขาก็ตื่นแล้ว แต่เขาอยากรู้ว่าเจ้าตัวเล็กนี้มีความคิดอะไร ดังนั้นจึงแกล้งนอนหลับต่อ
พอลุกนั่ง ชิงโม่เหยียนก็สวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากประตูมาอย่างเงียบๆ
ศาลต้าหลี่ยามค่ำคืนเงียบมาก นอกจากยามที่เจ้าหน้าที่เฝ้ายามกลางคืนเดินตรวจตราแล้ว ทุกที่ล้วนมืดมิดและเงียบสงัด
เขาเดินตามชะมดเช็ดน้อยมาจนถึงลานทางตะวันออก ที่นี่เป็นห้องหนังสือของตุลาการใหญ่ศาลต้าหลี่ ตอนที่ชิงโม่เหยียนเห็นหรูเสี่ยวนันกระโดดผ่านหน้าต่างเข้าไปในห้อง ดวงตาก็จ้องเขม็ง
“ใครน่ะ!” มีแสงโคมไฟส่องมาจากที่ไกล
ชิงโม่เหยียนชะงักฝีเท้า ไม่ขยับเขยื้อน
แสงโคมไฟตรงหน้าใกล้เข้ามาทุกที เจ้าหน้าที่เฝ้ายามสองคนมาถึงตรงหน้า เห็นหน้าชิงโม่เหยียนชัดแล้วก็รู้สึกตกใจ
“ที่แท้ก็รองตุลาการ…ดึกป่านนี้แล้ว ท่านมาทำอะไรตรงนี้ขอรับ”
ชิงโม่เหยียนลอบมองไปทางห้องหนังสือแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่”
เจ้าหน้าที่เฝ้ายามทั้งสองส่ายหน้าอย่างงุนงง
ในตอนนี้เองมีเสียงร้องแหลมดังออกมาจากในห้องหนังสือ ฟังดูแล้วเหมือนเสียงสัตว์กำลังกัดกัน
ไม่รอให้เจ้าหน้าที่เฝ้ายามทั้งสองคนขยับตัว ชิงโม่เหยียนก็พุ่งเข้าไปในห้องราวกับพายุ
ลมเย็นเยือกกลุ่มหนึ่งพัดเข้ามาปะทะหน้า ชิงโม่เหยียนขนลุกอย่างห้ามไม่อยู่
เจ้าหน้าที่เฝ้ายามสองคนตามหลังชิงโม่เหยียนเข้ามา ต่างก็ถูกลมเย็นเยือกพัดจนชาไปถึงหัวใจ
“รองตุลาการ นี่คือ…”
อาศัยแสงสว่างจากโคมไฟ คนทั้งสามจึงเห็นสภาพภายในห้องอย่างชัดเจน
บนโต๊ะหนังสือระเนระนาด ดวงตาเขียวสุกใสส่องประกายอยู่ท่ามกลางความมืด
“รองตุลาการระวังขอรับ!” เจ้าหน้าที่เฝ้ายามชักกระบี่เหน็บเอวออกมา
“หยุดนะ!” ชิงโม่เหยียนตะคอกยับยั้งพวกเขา เดินเข้าไปทางประกายแสงสีเขียวนั้น
“จี๊ดๆ” เสียงร้องแผ่วเบาดังขึ้น
“มานี่” ชิงโม่เหยียนเดินเข้าหาแล้วยื่นมือออกไป
“จี๊ดๆ” ดวงตาสีเขียวถอยหลัง หลบมือของเขา
“ข้าบอกให้เจ้ามานี่ ไม่ได้ยินหรือ” น้ำเสียงชิงโม่เหยียนเย็นชาขึ้นสามส่วน
เจ้าหน้าที่เฝ้ายามยกโคมไฟขึ้น เห็นเพียงชะมดเช็ดน้อยสีดำตัวหนึ่งยืนอยู่บนโต๊ะ เท้าของมันเหยียบหุ่นไม้ตัวหนึ่งเอาไว้ ใบหน้าหยกแกะสลักนั้นตกห้อยไปข้างหนึ่ง ดูทุลักทุเลมาก
บนพื้นมีเอกสารตกกระจายไปทั่ว ภายในห้องข้าวของล้มระเนระนาด
“แมวป่ามาจากที่ใดกัน!” เจ้าหน้าที่เฝ้ายามพูดอย่างตกใจ “มันทำเอกสารของท่านตุลาการใหญ่กระจัดกระจายหมดแล้ว”
หรูเสี่ยวนันยืนอยู่ตรงนั้น ในสมองว่างเปล่า ของเหล่านี้นางไม่ได้เป็นคนทำยุ่ง ทว่า…ชิงโม่เหยียนจะเชื่อนางหรือไม่
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 21 มิ.ย. 64 เวลา 12.00 น.