ชะมดเช็ดน้อยขดตัวอยู่บนโต๊ะของเขา
ชิงโม่เหยียนก้มหน้าอ่านเอกสารบนโต๊ะ แต่สายตากลับกวาดมองเจ้าตัวเล็กที่ขดตัวอยู่บนโต๊ะนั้นบ่อยครั้ง
เทียบกับช่วงปกติ มันดูสงบนิ่งมากอย่างเห็นได้ชัด ก้มหัวลงไม่มีชีวิตชีวา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
สัตว์วิเศษแตกต่างจากสัตว์ทั่วไปจริงๆ มันเข้าใจได้ทั้งหมดว่าที่ฉางเฮิ่นท่านหมอประจำศาลต้าหลี่พูดหมายถึงอะไร
แต่ว่า…มีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่อยากบอกมัน
แม้จะใช้มันเป็นตัวยาเหนี่ยวนำ เขาก็จะไม่ทำอันตรายมันถึงชีวิต
“เจ้ากลัวอะไรอยู่” ชิงโม่เหยียนพูดเปรยขึ้นมา
หรูเสี่ยวนันตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าไปมองเขา ในห้องนอกจากนางกับเขาแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใด นี่เขากำลังคุยกับนางหรือ
ชิงโม่เหยียนยื่นมือมาบีบหูของนาง
หรูเสี่ยวนันหลบมือของเขาอย่างไม่พอใจ แล้วสะบัดปลายหู
“เจ้ากลัวว่าข้าจะเอาเจ้าไปทำตัวยาเหนี่ยวนำสินะ” ชิงโม่เหยียนจ้องหน้านาง ดวงตาดำขาวที่แยกกันชัดเจนดูอ่อนโยนอย่างมาก
หรูเสี่ยวนันไม่รู้สึกตัวเลยว่าดวงตาของตัวเองที่จ้องอีกฝ่ายนั้นมองจนเหม่อลอยไปเสียแล้ว
ครั้งแรกตอนที่เห็นเขา ดวงตาที่เต็มไปด้วยสีเลือดคู่นั้นยังคงติดอยู่ในสมองของนาง การมองตาเขาโดยตรงเช่นนี้นับเป็นคราแรก นางมองเขาอย่างกังวล เห็นเงาของตัวนางเองอยู่ในดวงตาของเขา เหมือนเป็นเงาสะท้อนน้ำในทะเลสาบที่ใสกระจ่าง
ท่าทางเซ่อซ่าของนางดูจะทำให้เขาพอใจอย่างยิ่ง
“ขอเพียงเจ้าอยู่ข้างกายข้าอย่างเชื่อฟัง ข้าจะไม่เอาชีวิตน้อยๆ ของเจ้า” เขาพูดเชิงข่มขู่
หรูเสี่ยวนันตัวสั่นร้องจี๊ดๆ สองทีแล้วพยักหัวน้อยๆ
“แต่ถ้าเจ้ากล้าหนีไป…ถึงตอนนั้นอย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจแล้วกัน” มือของเขาบีบรอบคอของนาง คออ่อนนุ่มนั้นเพียงแค่ออกแรงเล็กน้อยก็สามารถหักได้
“จี๊ดๆ…” หรูเสี่ยวนันรีบเปลี่ยนเป็นหน้าตาเชื่อฟัง ซ้ำยังใช้หัวถูไถมือของเขาอย่างประจบประแจงอีกด้วย
ชิงโม่เหยียนเห็นเจ้าตัวเล็กนี้ถูกเขาขู่สำเร็จแล้วก็รู้สึกได้ใจ ก้มหน้าลงอ่านเอกสารต่อไป ไม่ได้สังเกตเห็นประกายเบาบางที่แวบผ่านในดวงตาเจ้าชะมดเช็ดเลย
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือเพราะการข่มขู่ที่เป็นนิสัยเสียเช่นนี้ของเขา ทำให้เขาเกือบจะเสียความเชื่อมั่นที่นางมีต่อเขาไปเสียแล้ว
“รองตุลาการ สืบได้ร่องรอยของเจ้าหน้าที่จี๋ฟู่แล้วขอรับ” กู้เซียนเซิงเจ้าหน้าที่จดบันทึกของศาลต้าหลี่เดินเข้ามา
“เป็นอย่างไรบ้าง” ชิงโม่เหยียนเงยหน้าขึ้นถาม
“สี่วันก่อน มีคนเคยเห็นจี๋ฟู่ไปที่หอเชียนเล่อตรงถนนหงเจีย”
ภายหลังจี๋ฟู่ก็หายตัวไป หมายความว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่มีผู้พบเห็นจี๋ฟู่
ชิงโม่เหยียนมีแววตาสงสัย “สืบได้ความอะไรอีกหรือไม่”
กู้เซียนเซิงส่ายหน้าจนใจ “เถ้าแก่เนี้ยหอเชียนเล่อไม่ใช่คนที่พูดจาด้วยได้ง่าย นางบอกว่าจำไม่ได้แล้ว”
ชิงโม่เหยียนครุ่นคิดสักครู่ ทันใดนั้นก็ปิดเอกสารในมือแล้วลุกขึ้นตะโกนเรียกไปนอกประตู “เสวียนอวี้ เตรียมม้า”
ยังไม่ทันรอให้หรูเสี่ยวนันคิดอะไร หลังคอของนางก็ถูกคนยกขึ้นเสียแล้ว
ชิงโม่เหยียนจับนางขึ้นมาอุ้มในอ้อมอกอย่างเบามือ
นี่จะไปที่ใดหรือ หรูเสี่ยวนันมองทุกคนอย่างสงสัย
ชิงโม่เหยียนก้าวยาวออกจากประตูศาลต้าหลี่ จากนั้นเสวียนอวี้จูงม้ามายืนอยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม
“ซื่อจื่อ พวกเราจะไปที่ใดหรือขอรับ” เสวียนอวี้เอ่ยถาม
ชิงโม่เหยียนตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “ถนนหงเจีย หอเชียนเล่อ”
พอได้ยินคำพูดนี้แล้ว หูของหรูเสี่ยวนันก็ตั้งขึ้นทันที นางแค่ฟังชื่อนี้ก็เดาได้แล้วว่าเป็นสถานที่ใด เป็นสถานที่แห่งมวลบุปผางาม ตรอกแห่งความงามในสมัยโบราณ…มีโอกาสได้เห็นสิ่งเหล่านี้กับตาตัวเอง ช่างเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากจริงๆ
ชิงโม่เหยียนมองดูท่าทางตื่นเต้นผิดปกติของเจ้าก้อนขนในอ้อมอกแล้ว ก็ยกมุมปากยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ เป็นชะมดเช็ดที่ลามกตัวหนึ่งจริงๆ