คอนโดฯ ของเฉิงจยาโหย่วมีพื้นที่ราวสองร้อยกว่าตารางเมตร ห้องหับสะอาดสะอ้าน แต่งด้วยสีโทนคลาสสิกอย่างดำขาวและเทา การตกแต่งไม่ได้หรูหรา แต่ดูมีเอกลักษณ์และรสนิยม
พีพีค่อนข้างตื่นที่ พอเข้าบ้านมามันก็มุดไปอยู่ใต้เตียง ส่วนตัวบ้านของพีพีนั้นถูกตั้งไว้ที่ข้างโซฟาในห้องรับแขกเพราะตรงนี้เป็นจุดที่ได้รับไออุ่นจากแสงแดดดีที่สุด
สวีเจ้าอิ่งถือกาแฟเดินมานั่งบนโซฟา เธอมองเฉิงจยาโหย่วพยายามหลอกล่อให้พีพีออกมาจากใต้เตียง สิบนาทีต่อมาพีพีก็เริ่มคุ้นกับสภาพแวดล้อมของที่นี่ มันกระดิกหางด้วยท่าทางที่หายตื่นกลัวแล้ว สวีเจ้าอิ่งมองทั้งคู่อย่างสบายใจและถือโอกาสนี้สำรวจห้องของชายหนุ่ม ที่นี่ไม่มีร่องรอยของผู้หญิง ทำให้คอนโดฯ ของเฉิงจยาโหย่วราวกับเป็นของมนุษย์ผู้ละเว้นทางโลกไปแล้วยังไงยังงั้น
พีพีเล่นจนเหนื่อยแล้วก็มุดเข้าบ้านไปนอน เฉิงจยาโหย่วเก็บของเล่นพลางพูดกับสวีเจ้าอิ่ง “หิวไหมครับ เราไปกินข้าวกันดีกว่า ผมเลี้ยง”
สวีเจ้าอิ่งวางกาแฟในมือลง รีบตอบไปว่า “ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง ครั้งนี้น่าจะถึงตาฉันเลี้ยงแล้วนะคะ”
“โอเคครับ งั้นไปกันเถอะ ให้คุณเป็นคนเลี้ยงบ้างก็ดีเหมือนกัน”
ผู้ชายคนนี้ดูอ่อนโยน แต่คำพูดคำจากลับมีอำนาจสามารถทำให้สวีเจ้าอิ่งเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย ครั้งก่อนเป็นการเลือกร้านแบบส่งๆ แต่ครั้งนี้เฉิงจยาโหย่ววางแผนไว้ล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี เขาเลือกร้านอาหารไทยที่มีค่าบริการแพงเป็นอันดับต้นๆ ของเซี่ยงไฮ้
“ได้ยินมาว่าที่นี่แพงมากนี่ คุณจะฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว แบบนี้ฉันกดดันนะ” สวีเจ้าอิ่งกระสับกระส่ายขึ้นมา เพราะการที่เขาเลือกร้านอาหารแพงๆ เช่นนี้มันเหมือนกับว่าเธอเคยติดหนี้น้ำใจเขาครั้งใหญ่จนต้องจ่ายคืนแบบหนักๆ
“จะกดดันอะไรล่ะครับ ผู้หญิงเก่งแบบคุณน่าจะมีผู้ชายเป็นฝูงมาชวนคุณไปกินข้าวตามร้านหรูๆ อยู่แล้ว”
สวีเจ้าอิ่งส่ายหน้า พูดเยาะเย้ยตัวเอง “ใครจะอยากกินข้าวกับคนบ้างานแถมยังเป็นเด็กเรียนล่ะคะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงในสเป็กของผู้ชายเสียหน่อย”
“แค่กินข้าวมื้อเดียวอย่าคิดมากเลยครับ ผมเป็นพวกตะกละอยากจะกินอาหารไทยที่นี่มานานแล้ว แต่ติดที่ว่าตัวคนเดียว กว่าจะมีเพื่อนมากินด้วยได้แบบวันนี้ก็ไม่ง่ายเลย ผมดีใจมากกว่านะ”
สวีเจ้าอิ่งไม่พูดอะไรอีก เธอไม่ใช่สาวน้อยอ่อนต่อโลก ย่อมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี บางทีอาจจะเป็นอย่างที่เมิ่งเทียนเทียนบอก เธอควรเปลี่ยนนิสัยของตัวเอง ออกเดตกับผู้ชายบ้าง การให้ผู้ชายจ่ายบิลและรับฟังคำเยินยอจากพวกเขาบ้าง นี่คือความงดงามของคนโสด การที่เธอไม่รู้จักเอ็นจอยและเอาแต่จริงจังก็สมน้ำหน้าแล้วที่ต้องอยู่เป็นโสด ไม่มีแฟนกับใครเขาเสียที
บรรยากาศของการรับประทานอาหารมื้อนี้ดีมากๆ สวีเจ้าอิ่งทำตัวเปิดเผยมากกว่าครั้งก่อน เรื่องส่วนใหญ่ที่เธอเล่าเป็นเรื่องในโรงพยาบาล รวมไปถึงเรื่องสนุกๆ ช่วงที่เรียนอยู่ที่ยุโรป เฉิงจยาโหย่วเป็นคู่สนทนาที่ดีและเป็นผู้ฟังที่ดีมาก นี่อาจเป็นคุณลักษณะที่ชายหนุ่มได้รับมาจากอาชีพที่ทำซึ่งทำให้คนเกิดความรู้สึกไว้วางใจและสนิทสนมกับเขาแบบไม่รู้ตัว
ตอนขากลับสวีเจ้าอิ่งมองแสงไฟสว่างไสวด้านนอกแล้วเพิ่งพบว่าทิวทัศน์ยามราตรีของเซี่ยงไฮ้สวยงามขนาดนี้ เธอไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน
“เจ้าอิ่ง ผมต้องขอบคุณคุณมากจริงๆ นะ” เฉิงจยาโหย่วที่กำลังตั้งใจขับรถหลุดคำพูดประโยคนี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่
“ฉันมีอะไรให้คุณต้องขอบคุณคะ” สวีเจ้าอิ่งก้มหน้าติดกระดุมเสื้อโค้ตขนแกะพลางถามด้วยท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจ