พีพีนอนหลบอยู่ตรงมุมหนึ่งของกรงอย่างเดียวดาย พอเห็นว่ามีคนมาก็รีบลืมตาขึ้นมอง แต่พอเห็นว่าเป็นสวีเจ้าอิ่งมันก็ขดตัวไปร้องงี้ดๆ ในมุมเหมือนเดิม
“มันอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?”
“เกือบสามเดือนแล้วค่ะ”
สวีเจ้าอิ่งหงุดหงิดขึ้นมาทันที หญิงสาวตำหนิ “ที่นี่เป็นโรงพยาบาลนะ ไม่ใช่สถานรับเลี้ยง ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าต่อให้เจ้าของเสนอเงินสูงลิบเพื่อให้พวกเรารับเลี้ยงก็ให้ปฏิเสธ เพราะการที่เขาทำแบบนี้เท่ากับมาใช้ทรัพยากรทางการแพทย์ที่พวกเรามีอยู่จำกัดน่ะสิ”
เห็นสวีเจ้าอิ่งโกรธ พยาบาลเวรก็ตอบกลับท่าทางลนลาน “ฉันบอกคุณฉู่ไปแล้วค่ะ แต่เขาบอกว่างานยุ่งมีธุระสำคัญที่ต้องจัดการ ขอเวลาอีกสักพักจะมารับพีพีกลับ และโอนค่าเลี้ยงดูผ่านทางบัญชีของโรงพยาบาลมาเอง…”
สวีเจ้าอิ่งยื่นมือเข้าไปในกรงเพื่อลูบศีรษะพีพีพร้อมออกคำสั่ง “ตรวจสอบระเบียนผู้ป่วยทีซิ”
เป็นจริงตามอย่างที่สวีเจ้าอิ่งคิดไว้ พีพีไม่ได้เป็นโรคหรือป่วยหนักอะไรเลย แต่เจ้าของจงใจทิ้งมันไว้ที่โรงพยาบาล หรือพูดอีกทีคือมีความเป็นไปได้มากว่าพีพีจะถูกทิ้ง
ในชีวิตของสวีเจ้าอิ่ง ผู้ชายที่เธอเกลียดที่สุดมีอยู่สองประเภท ประเภทแรกคือผู้ชายไร้ความรับผิดชอบ และอีกประเภทคือผู้ชายที่ไม่รักสัตว์ เมื่อรับสัตว์มาเลี้ยงแล้วกลับคิดจะทิ้งมัน แสดงว่าไม่มีความรักและไร้ความรับผิดชอบ ซึ่งคนแซ่ฉู่โดนครบทุกกระทง
“ขอวิธีติดต่อเขาหน่อย”
สวีเจ้าอิ่งรับกระดาษโพสต์อิตที่พยาบาลเขียนข้อมูลมาให้ อา…บังเอิญจริง ที่แท้เขาอยู่คอนโดฯ เดียวกับเธอนี่เอง อารมณ์ของสวีเจ้าอิ่งไม่ค่อยดีนักตอนที่หยิบโทรศัพท์แบบไร้สายของโรงพยาบาลมากดเบอร์ เสียงรอสายดังอยู่นานมากแต่ไม่มีคนรับ หญิงสาวจึงต้องยอมแพ้
ฟ้ามืดสนิท แต่หิมะด้านนอกยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกง่ายๆ หิมะตกหนักขนาดนี้ทำให้บางครั้งจะได้เห็นคู่รักสุดโรแมนติกออกมาปั้นตุ๊กตาหิมะกันบนถนน
หลายปีที่ผ่านมานี้สวีเจ้าอิ่งค่อยๆ คุ้นชินกับเซี่ยงไฮ้มากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่มีญาติอยู่ที่นี่และมีเพื่อนน้อยมาก แต่ความเป็นคนจริงของเธอสั่งให้พาตัวเองย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสัตววิทยาซึ่งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว สวีเจ้าอิ่งได้ไปออกรายการโทรทัศน์ ให้สัมภาษณ์ และเข้าร่วมกิจกรรมการกุศลต่างๆ รวมถึงประกอบธุรกิจจนกลายเป็นที่กล่าวขาน แต่เธอไม่เคยลืมเลยว่าตอนแรกที่ตนมาเซี่ยงไฮ้นั้นเป็นเพราะอยากเข้าร่วมงานวิจัยเรื่องโรคระบาดในสัตว์เท่านั้น
ระยะทางที่ปกติแล้วใช้เวลาเดินแค่ยี่สิบนาที แต่ครั้งนี้สวีเจ้าอิ่งกลับใช้เวลาไปถึงสามสิบนาทีกว่าจะมาถึงหน้าคอนโดฯ เธอหยิบทิชชูออกมาปัดหิมะบนศีรษะออก แต่กลับเผลอทำกระดาษโพสต์อิตร่วงลงพื้น หญิงสาวก้มลงเก็บกระดาษขึ้นมาอ่านข้อมูลที่จดไว้อีกครั้งแล้วเปลวไฟน้อยๆ ในใจก็พลันพวยพุ่งขึ้นมา ถึงตอนนี้จะเป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่เธอยังอยากจะขอลองอีกสักครั้ง
เมื่อกี้เธอไม่ได้อ่านข้อมูลบนกระดาษให้ละเอียด ตอนนี้สวีเจ้าอิ่งจึงเพิ่งพบว่าพวกเขาไม่ได้แค่อยู่คอนโดฯ เดียวกันเท่านั้น แต่ยังอยู่ในตึกเดียวกันด้วย เพียงแต่คนแซ่ฉู่อยู่ที่ชั้นสิบห้า ส่วนสวีเจ้าอิ่งนั้นอยู่ชั้นสิบ
พอลิฟต์ขึ้นไปถึงชั้นสิบห้า เสียงติ๊งของลิฟต์ก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด ชั้นนี้มีห้องอยู่ห้าห้องด้วยกัน ผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนั้นอยู่ห้องฝั่งตะวันตก สวีเจ้าอิ่งกดกริ่งอย่างไม่ลังเล เสียงกริ่งดังติดกันหลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ข้างใน