เมื่อถึงชั้นสิบสวีเจ้าอิ่งก็เผ่นออกจากลิฟต์ทันที นาทีที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดลงเธอก็เห็นฉู่จิงหงยิ้มและโบกมือมาให้ ท่าทางดูแล้วน่ากลัวเป็นที่สุด
สวีเจ้าอิ่งรีบปิดประตูห้องก่อนจะโทรไปหาพยาบาลที่อยู่เวรว่าให้โทรบอกฉู่จิงหงให้ไปเซ็นเอกสาร
“ผอ. คะ ลูกค้าแซ่ฉู่คนนั้นบอกว่าเขาไปทำงานต่างเมือง ต้องคอยอีกสองสามวันค่ะ”
คนคนนี้จะชั่วร้ายเกินไปแล้ว แบบนี้มันโกหกตาใสชัดๆ เขาไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย! เอาตัวไปข้องเกี่ยวกับคนแบบนี้จะใจดีด้วยไม่ได้เด็ดขาด แต่สวีเจ้าอิ่งรู้ว่าจะใจร้อนกับฉู่จิงหงไม่ได้ ไม่ว่าจะดีจะชั่วอย่างไรเราทั้งคู่ก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่ผ่านมาพบกัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรลึกซึ้ง เอาไว้ให้ฉู่จิงหงเซ็นเอกสารสละสิทธิ์การเลี้ยงดูเรียบร้อยเมื่อไหร่ แม้แต่หน้าเขา เธอก็ไม่อยากเห็นอีก
เนื่องจากผู้ช่วยคนใหม่มาทำงานแล้ว งานยุ่งๆ ในทีแรกจึงค่อยๆ ลดลงไปไม่น้อย แต่เพราะสภาพอากาศทำให้เจ้าขนปุยที่ล้มป่วยในช่วงนี้มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า ทุกคนจึงต้องทำโอทีกันหลายวัน
วันนี้สวีเจ้าอิ่งเหนื่อยมากเพราะต้องผ่าตัดสามเคสติดๆ กัน เนื่องจากเธอเซ็นสัญญาความร่วมมือกับวิทยาลัยครูแห่งหนึ่ง ช่วงนี้หญิงสาวจึงต้องคอยดูแลนักศึกษาฝึกงานที่ยังไม่ประสีประสาอีกห้าหกคน ทำให้ต้องคอยห่วงนั่นพะวงนี่ กว่าเธอจะมีอารมณ์เบนสายตาออกจากจอคอมพิวเตอร์ไปมองข้างนอก ก็พบว่าที่นอกหน้าต่างมีหิมะตกอีกแล้ว
หิมะของเมื่อหลายวันก่อนยังไม่ทันละลาย วันนี้ก็มีของใหม่เพิ่มอีก สวีเจ้าอิ่งสวมเสื้อโค้ตเดินออกจากห้องทำงานจึงพบว่าตรงระเบียงทางเดินเปิดไฟเอาไว้สว่างไสว เวลาล่วงเข้าสามทุ่มแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลจึงเตรียมตัวเลิกงานกัน ในฐานะเจ้าของโรงพยาบาลสวีเจ้าอิ่งรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
เธอมองต้นคริสต์มาสที่วางอยู่ตรงห้องโถงของโรงพยาบาลกับภาพเกล็ดหิมะที่ติดอยู่บนหน้าต่างกระจกแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันคริสต์มาส
“ทุกคนอย่าเพิ่งรีบไป วันนี้เป็นวันคริสต์มาส ยังไงฉันขอเลี้ยงอาหารทุกคนสักมื้อนะ”
ตามปกติแล้วสวีเจ้าอิ่งไม่ค่อยมาคลุกคลีกับพวกเจ้าหน้าที่เท่าไหร่นัก แต่พอได้ยินว่าผู้อำนวยการจะยอมจ่ายหนักเลี้ยงอาหาร เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็ตาเป็นประกายกันขึ้นมา
“ข้างโรงพยาบาลเรามีร้านอาหารมองโกเลียเปิดใหม่อยู่ เห็นว่าปิ้งย่างกับหม้อไฟของพวกเขาอร่อยมาก พวกเราให้ ผอ. เลี้ยงเนื้อกันดีกว่า”
ดูท่าว่าพวกเจ้าหน้าที่จะตั้งใจถล่มเธอจริงๆ ร้านอาหารมองโกเลียที่ชื่อ ‘บ้านฟาร์ม’ แห่งนั้นเป็นร้านแบบแฟรนไชส์ในเซี่ยงไฮ้ซึ่งมีบรรยากาศดีมาก เธอได้ยินมาว่าเจ้าของเป็นชาวมองโกเลียใน ทำให้ในร้านไม่เพียงมีอาหารพื้นเมืองของชาวมองโกเลียเท่านั้น แต่รสชาติของปิ้งย่างกับหม้อไฟเองก็มีเอกลักษณ์มาก เนื้อแกะนำเข้าจากมองโกเลียในราคาย่อมไม่ธรรมดา สวีเจ้าอิ่งส่ายหน้ายิ้มๆ เพราะดูท่าวันนี้กระเป๋าเงินคงจะฟีบแน่ๆ
ด้านนอกมีเกล็ดหิมะโปรยปราย แต่ด้านในกลับมีไอร้อนพวยพุ่ง หากพวกเขาไม่มากันตอนดึกหน่อยก็เกรงว่าคงหาที่นั่งว่างไม่ได้ พวกเจ้าหน้าที่สั่งขาแกะย่างขาใหญ่กันอย่างไม่เกรงใจ บอกว่าจะเอาเนื้อแกะยี่สิบจานกับเหมาเมนูแนะนำทั้งหมด จานทั้งหมดถูกวางเรียงรายเอาไว้เต็มโต๊ะ ที่ขาโต๊ะมีเบียร์สามลังวางอยู่ คืนนี้มีแววว่าถ้าไม่เมาคงไม่เลิก
ปกติแล้วสวีเจ้าอิ่งมีลิมิตในการดื่มเบียร์อยู่ที่ไม่เกินสองกระป๋อง และเพราะวันนี้เธอยังไม่ได้กินอะไรเลย ทำให้พอดื่มเข้าไปกระป๋องเดียวก็หน้าแดงเถือกจนรู้สึกเวียนหัวราวกับฟ้าเคลื่อนดินหมุน แล้วยิ่งมาเห็นพวกเจ้าหน้าที่เล่นกันอย่างสนุกสนาน สวีเจ้าอิ่งก็ถึงกับต้องกุมขมับ รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาทันที
หญิงสาวเดินไปที่ห้องน้ำแล้วใช้น้ำเย็นล้างหน้าไปรอบหนึ่งถึงค่อยรู้สึกดีขึ้น ตอนที่เดินออกจากห้องน้ำเธอยังรู้สึกมึนๆ ทำให้แยกตะวันออกตะวันตกไม่ถูก บริเวณระเบียงทางเดินของที่นี่ค่อนข้างคดเคี้ยวและมีห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัวอยู่หลายห้อง เธอจำไม่ได้ว่าห้องที่เธอจองไว้อยู่ที่ไหน “คุณผู้หญิงท่านนี้จะไปไหนหรือครับ ให้ผมพาไปไหม” บริกรสวมชุดพื้นเมืองของชาวมองโกเลียมองสวีเจ้าอิ่งที่ดูมึนๆ งงๆ ก็รีบเข้ามาสอบถาม