ที่สร้างความเดือดดาลให้นางยิ่งกว่าคือยามเผชิญหน้ากับการโจมตีของนาง ชายผู้นั้นเพียงยื่นมือทั้งสองข้างออกมา เกี่ยวนิ้วเป็นท่ามุทรา ก็สามารถดีดนางจนลอยกระเด็นออกไปได้
ร่างนางกระแทกผนังห้องก่อนจะร่วงลงบนพื้น
เส้นผมสีดำกลับมาประดุจเส้นไหมอีกครั้ง แผ่สยายอยู่ข้างกายนางอย่างอ่อนแรง
ท่ามกลางความเจ็บปวดพร่าเลือน นางเห็นเขาลุกขึ้นเดินเข้ามา ทว่านางทนไม่ไหวอีกต่อไป ถูกความเจ็บปวดยากจะทานทนคว้าจับไว้ก่อนจะสูญสิ้นสติสัมปชัญญะ
ซ่งอิ้งเทียนเดินมาตรงหน้าหญิงสาว เห็นคาถาในประคำปราบมารบนคอนางไม่เปล่งแสงอีกแล้ว
นางหมดสติไปแล้ว เขารู้
เขาหลุบตามองหญิงสาว หัวใจหดเกร็ง เห็นทีเขาจะนำพาความยุ่งยากมาสู่ตัวเองแล้วจริงๆ ไม่รู้เสียใจภายหลังตอนนี้ยังทันอยู่หรือไม่
ซ่งอิ้งเทียนยิ้มขื่น ม้วนแขนเสื้อและย่อตัวลง อุ้มหญิงสาวที่หัวแข็งยิ่งกว่าก้อนหินขึ้นมาแล้ววางลงบนฟูกนุ่มอีกครั้งอย่างระมัดระวัง ใช้ผ้าเปียกช่วยเช็ดเลือดที่ซึมออกมาจากหางตา ปาก และจมูกของนาง
ภาษิตว่าฝนทั่งให้เป็นเข็ม ไม่รู้ทำเช่นนั้นต้องใช้เวลานานเท่าใด
นอกห้อง ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดมาอีกครั้ง
ถูกนางอาละวาดเช่นนี้ กว่าเขาจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว
เขาห่มผ้าให้นาง แน่ใจว่านางจะยังไม่ตื่นมาในชั่วเวลาสั้นๆ จึงลุกขึ้นดับไฟและกลับห้องไปนอน
ลมหนาวพัดหวีดหวิว พัดก้อนเมฆให้ลอยออกไป
ไผ่เขียวนอกหน้าต่างที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่งโบกพลิ้วไปมาตามสายลม ส่งเสียงดังแซกซ่า
หญิงสาวนอนหมดสติอยู่บนฟูกหนึ่งวันหนึ่งคืน
ตอนซ่งอิ้งเทียนเข้ามาในห้องอีกครั้ง ฟ้าก็มืดแล้ว
เขาช่วยนางปิดประตูหน้าต่าง จุดเตาฝังพื้นในห้อง จากนั้นนำกาเหล็กที่บรรจุยาสมุนไพรแขวนกับขอเหล็กที่ห้อยลงมาจากขื่อ ปล่อยให้ถ่านไฟต้มมันจนเดือด
แม้จะจุดไฟแล้ว แต่ในห้องยังคงมืดสลัว
เขายกฝาครอบโคมออก จุดตะเกียงน้ำมันแล้วค่อยวางฝาครอบกลับลงไป
สองโคมไฟกับหนึ่งเตาฝังพื้นทำให้อากาศอบอุ่น ขับไล่ไอเย็นในห้องออกไป
ไม่นานกลิ่นหอมของยาก็อบอวลไปทั่วห้อง
เขาเดินมาข้างกายนางและนั่งลง ยื่นมือไปกุมมือนางเบาๆ สองนิ้ววางทาบบนชีพจรของนาง
ทันใดนั้นมือเล็กที่เดิมทีอ่อนเปลี้ยเหมือนไร้กระดูกพลันคว้ามือเขาไว้
ซ่งอิ้งเทียนอึ้งไป เห็นหญิงสาวลืมตาดำสนิท ความเย็นเฉียบแปลกประหลาดขุมหนึ่งแผ่มาจากบริเวณที่นางจับเขาแล้วจู่โจมห้วงสมอง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 12 ม.ค. 64