นางอ้าปากกำลังจะพูด เขากลับไม่เปิดโอกาส เพียงจ้องนางและอมยิ้มเอ่ยว่า “ตามหลักแล้วเจ้าไม่มีขน ไม่มีเกล็ด น่าจะกลัวหนาว แต่อากาศหนาวเย็นถึงเพียงนี้ เจ้าสวมใส่เสื้อผ้าแค่นี้และวิ่งออกมา เจ้าอยากทรมานตัวเองหรือทรมานข้ากันแน่”
ได้ยินดังนั้นดวงตานางก็พลันเย็นเยียบ เขาแทบจะเห็นเปลวไฟพุ่งออกมาจากนัยน์ตาดำสนิทของนาง แต่ครานี้ไม่รู้เป็นเพราะโมโหเกินไปหรือมีแผนการอะไร นางไม่บันดาลโทสะ กลับลุกขึ้นปัดหิมะที่หลงเหลืออยู่บนร่างกายออก ยิ้มตอบว่า “อาหลิงไหนเลยจะกล้าทรมานคุณชาย หากเกิดอะไรขึ้นให้พี่ไป๋ลู่พบเห็นเข้า จะไม่สั่งให้ท่านซูจัดการข้าจนตายหรือ”
“ท่านซูเป็นคนมีความสามารถ แต่เขาก็แยกแยะผิดชอบชั่วดี เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกว่าเขาจะเห็นแก่เรื่องส่วนตัวและจัดการเจ้า” เขาขยับร่มมาเหนือศีรษะนาง ช่วยบังหิมะสีขาวที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ถามว่า “ไป๋ลู่อายุมากกว่าเจ้าหรือ”
คนผู้นี้เรื่องใดไม่ถาม กลับมาถามเรื่องนี้
นางชะงักไปเล็กน้อย โทสะพวยพุ่งขึ้นมาอีก ไม่ง่ายเลยกว่าจะกดข่มลงไปได้และคลี่ยิ้มหวาน
“พี่ไป๋ลู่ก็เป็นคนที่คุณชายท่านเก็บกลับมาเมื่อหลายปีก่อนมิใช่หรือ ข้าเรียกนางว่าพี่สาวย่อมไม่เกินไปกระมัง”
“นั่นสินะ” เขายิ้มน้อยๆ ผงกศีรษะ ถือโอกาสนี้ยื่นตะเกียงให้นาง
อาหลิงลังเลครู่หนึ่ง ทว่ายังคงรับไว้
พอมือเขาว่างก็ช่วยนางปัดหิมะที่ยังหลงเหลืออยู่บนศีรษะออก
“ตรงนี้ยังมีหิมะอยู่” เขาพูด จากนั้นค่อยเอ่ยถาม “ว่าแต่ร่างกายของเจ้าเป็นไข้หวัดได้หรือไม่”
นางอึ้งไป ยังไม่ทันตอบ เขาก็เป็นฝ่ายตอบเสียเอง
“ข้าว่าน่าจะได้นะ” เขายิ้มมองนาง “จุดไป่ฮุ่ยบนกระหม่อมเป็นจุดชีพจรหลักของธาตุหยาง ถ้าจุดไป่ฮุ่ยได้รับความเย็นย่อมเป็นไข้หวัดได้ง่าย เจ้าระวังหน่อยดีกว่า”
นางจ้องเขา โทสะพุ่งขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ซ่งอิ้งเทียนคว้ามือนางไว้ก่อนที่นางจะสะบัดหน้าจากไป
มือใหญ่ของเขาร้อนระอุ ดวงตาทอยิ้มยามอยู่ใต้แสงไฟดูอบอุ่นและอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม
เดิมทีนางอยากสะบัดมือเขาออก แต่ในหัวของชายผู้นี้เต็มไปด้วยข้าวอบเนื้อตากแห้งรมควันหอมกรุ่น น้ำแกงไก่ใส่ผักกาดขาวตุ๋นเต้าหู้ควันฉุย ยังมีเตาฝังพื้นกับผ้าห่มอุ่นฟู ทำเอานางที่เดิมทีหิวจนหน้าอกแนบติดแผ่นหลังน้ำลายสอจนแทบจะหยดออกมา
“อากาศหนาวมาก พวกเรารีบกลับเรือนไปดื่มน้ำแกงร้อนๆ ขับไล่ไอเย็นกันเถอะ”
เขาพูดพลางกางร่ม จูงมือนางและหันหลังเดินกลับตามทางเดิม
ในใจนางต่อต้านอยู่ครู่หนึ่ง แต่รสชาติของข้าวอบเนื้อตากแห้งรมควันกับน้ำแกงไก่ตุ๋นเต้าหู้ผุดขึ้นในหัวอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้นางแค่ได้กลิ่นเท่านั้น ยังสามารถโน้มน้าวตัวเองว่าดมกลิ่นแล้วน่ากิน ไม่ได้หมายความว่ากินแล้วจะอร่อย แต่ชายผู้นี้ลองชิมดูแล้ว ทั้งยังกินหมดไปกว่าครึ่งหม้อ ถึงขั้นย้อนนึกถึงรสชาตินั้นในหัวไม่หยุด รสชาตินั้นดีจริงๆ เนื้อตากแห้งรมควันหอมเค็ม ข้าวสวยหอมหวาน ผักกาดขาวกับเต้าหู้อ่อนนุ่มละมุนลิ้น ทำเอานางอยากจะตักข้าวกินสักสามชามใหญ่ๆ เหลือเกิน
น่าโมโหนัก ทว่าช่างเถอะ สถานที่แห่งนี้หนาวเย็นเป็นน้ำแข็ง ต่อให้นางไม่พอใจคนผู้นี้ก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ตัวเองทนหิว
ความคิดเปลี่ยนไปทันใด นางไม่สะบัดมือเขาออก แต่ให้เขาจับจูง ถือตะเกียงและก้าวเดินตามไป
หลายครั้งก่อนหน้านี้ทำให้นางรู้ว่าถ้าตนจะออกไปจากค่ายกลแห่งนี้ต้องให้เขาจูงมือเท่านั้นจึงจะออกไปได้ หากแค่เดินตาม ไม่ถึงสองก้าวก็พลัดหลง
แม้ว่าเดินไปเดินมาเดี๋ยวนางก็กลับไปที่เรือนหลังนั้นได้เอง เพียงแต่ต้องเดินมากหน่อยเท่านั้น ทว่าวันนี้เดินมาทั้งวัน นางหิวจนหมดแรงแล้ว ยังคงให้เขานำทาง รีบกลับไปกินข้าวดื่มน้ำแกงจะดีกว่า
อา ประเดี๋ยวราดน้ำแกงไก่ใส่ผักกาดขาวลงบนข้าวอบเนื้อตากแห้งรมควัน ตุ๋นสักเล็กน้อย ทำเป็นโจ๊กเนื้อตากแห้งรมควัน รสชาติน่าจะไม่เลวกระมัง
ความคิดนี้พลันผุดขึ้นในห้วงสมองของเขา ทั้งยังมีภาพ แม้จะเป็นสิ่งที่เขาจินตนาการขึ้นเอง แต่ยังคงทำให้ท้องนางส่งเสียงร้องออกมา เท้าอดเดินเร็วขึ้นไม่ได้
สุดท้ายโรยต้นหอมลงไปหน่อยจะอร่อยขึ้นหรือไม่นะ เขาคิดต่อ กินข้าวเสร็จต่อด้วยสาลี่ต้มน้ำตาลกรวดล้างปากก็คงดี โชคดีวันนี้ไป๋ลู่ต้มมาเยอะ น่าจะยังพอสองคนกิน…