ชั่วขณะนั้นถ้านางขยับได้ คงยื่นมือไปบีบคอสารเลวผู้นี้ให้ตายไปแล้ว! แต่นางทำไม่ได้ นางขยับไม่ได้ ได้แต่นอนอยู่ตรงนั้นฟังเขาบ่นต่อ
‘ว่าก็ว่าเถอะ เจ้าคงไม่บอกข้าว่าเหตุใดปีศาจเหล่านั้นถึงมาก่อกวนเจ้ากระมัง ถ้าเจ้ายอมพูด หากช่วยได้ข้าต้องช่วยแน่ เป็นอย่างไร เจ้าอยากคุยเรื่องนี้หรือไม่’
อาหลิงจ้องเจ้าคนที่ยิ้มหน้าบานเขม็ง จากนั้นตัดสินใจหลับตาทั้งสองข้างลง
‘ข้าว่าอยู่แล้ว’ เขาไม่โกรธไม่โมโห และไม่ซักไซ้อีก เพียงพูดอย่างเกียจคร้าน ‘ดีเหมือนกัน ย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว ออกเดินทางเวลานี้เหนื่อยทีเดียว รอให้พ้นฤดูหนาวนี้ไปก่อนเถอะ พูดถึงฤดูหนาว ใกล้ถึงเทศกาลทำเนื้อตากแห้งรมควันแล้ว หมู่นี้โรงยาของพวกเรากำลังยุ่งกับการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วง รอให้เก็บเกี่ยวเสร็จ ไป๋ลู่น่าจะเอาเนื้อตากแห้งรมควันที่พวกป้าสามทำมาให้หลายชิ้น พูดถึงเนื้อตากแห้งรมควันแล้วข้าก็น้ำลายสอ เนื้อตากแห้งรมควันลวกเอาเกลือทิ้ง เติมต้นอ่อนกระเทียมลงไปหน่อย เหยาะสุราที่หมักจากข้าวเล็กน้อย ผัดด้วยไฟแรง กินกับข้าวสวยที่หุงจากข้าวใหม่ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง แค่คิดก็ทำเอาคนน้ำลายยืดไปสามเชียะ…’
ยืนอยู่กลางพื้นหิมะ นางปัดความคิดเหลวไหลถึงอาหารของสารเลวผู้นั้นออกไป แต่ยังคงได้กลิ่นหอมของเนื้อตากแห้งรมควัน
วันนี้ไป๋ลู่เอาเนื้อตากแห้งรมควันกับกุนเชียงมาด้วยจริงๆ
ควันไฟจากการทำอาหารม้วนตัวขึ้นข้างบน กลิ่นเค็มปนหอมของเนื้อตากแห้งรมควันคละเคล้ากับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวสวย แน่นอนต้นอ่อนกระเทียมกับสุราที่หมักจากข้าวยิ่งขาดไปไม่ได้ ทำให้นางได้กลิ่นแล้วน้ำลายสอจริงๆ
น่าโมโหนัก!
อาหลิงกำหมัดแน่น เม้มริมฝีปาก ใจรู้ดีว่าชายผู้นั้นมั่นใจว่านางเดินออกไปไม่ได้ก็จะกลับมาเอง
คิดได้เช่นนี้นางก็หมุนตัวด้วยความโมโห ออกห่างจากเรือนหลังใหญ่ที่ดูอบอุ่นยิ่งกว่าที่ใดๆ ท่ามกลางค่ำคืนที่หิมะตกเช่นนี้ ยังคงได้ยินเสียงตะกละของเขาดังสะท้อนอยู่ในหัว
‘อา ถ้าได้น้ำแกงไก่ใส่ผักกาดขาวตุ๋นเต้าหู้อีกสักชาม ต้องเยี่ยมยอดกว่านี้แน่…’
ฟ้ามืด ดึกมากแล้ว
ซูเสี่ยวเม่ยกับไป๋ลู่กินข้าวมื้อเย็นเสร็จก็จากไปพร้อมกัน เดินทางกลับสำนักสนองฟ้า
หิมะตกแล้วหยุด หยุดแล้วตกอีก กลบรอยเท้าบนพื้นหิมะไปจนไม่เหลือร่องรอย แต่หญิงสาวที่ดื้อรั้นคนนั้นยังคงเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกไม่ยอมกลับมา
บอกตามตรง เดิมทีเขาคิดจริงๆ ว่านางหิวแล้วย่อมกลับมาเอง
ข้าวอบเนื้อตากแห้งรมควันหอมถึงเพียงนี้ น้ำแกงไก่ใส่ผักกาดขาวตุ๋นเต้าหู้ยิ่งหอมละมุนลิ้น เขายังอดใจไม่ไหวกินเพิ่มอีกตั้งหลายชาม ถ้าไม่เพราะนึกขึ้นได้ว่านางยังไม่ได้กิน เขาคงกวาดพวกมันลงท้องไปให้หมด
ยิ่งดึก หิมะยิ่งตกหนักกว่าเดิม
หากเป็นวันอื่นเขาคงปล่อยให้นางนอนอยู่ข้างนอก แต่ดูท่าลมหิมะคงไม่หยุดง่ายๆ ไม่แน่อาจจะตกลงมาทั้งคืน เขาไม่อยากเจอนางนอนแข็งตายอยู่ในป่าวันถัดไป ด้วยนิสัยดื้อรั้นหัวแข็งของนาง เป็นไปได้จริงๆ ที่จะยินดีอยู่ท่ามกลางหิมะไม่ยอมกลับมา
ซ่งอิ้งเทียนยื่นมือออกไป เขียนอักษรตัวหนึ่งกลางอากาศ
ควันจากกำยานที่เดิมทีลอยวนอยู่เหนือโต๊ะเตี้ยพลันลอยมารวมตัวกันตรงหน้า กลายเป็นภาพพื้นที่บนเกาะ ในนั้นมีพื้นที่จุดหนึ่งที่เด่นชัดเป็นพิเศษ รวมตัวกันเป็นตัวอักษรที่เขาเพิ่งเขียนไป
‘หลิง’