บทที่ 9
เพราะเหตุนี้นางจึงเปิดประตูอีกครั้ง เดินกลับไปด้านหน้า เก็บจานชามตะเกียบบนโต๊ะไปล้างให้เรียบร้อย ถึงขั้นเอาหม้อดินเผาที่ใช้ต้มน้ำแกงไก่ใส่ผักกาดขาวบนเตาฝังพื้นไปล้างด้วย
น้ำในตุ่มเย็นมาก แต่นางไม่สนใจ
ยิ่งเยียบเย็นและเจ็บปวด ยิ่งทำให้นางจดจำได้ว่าเหตุใดตัวเองจึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้
เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่อนางถูกไล่ล่าจับกิน ทุกครั้งเวลาถูกฉีกทึ้งเป็นอาหาร นางจะจดจำความเจ็บตอนปากใหญ่งับลงมาบนร่าง จำความปวดตอนฟันแหลมสกปรกแต่ละซี่ฝังลงมาในเนื้อ จำความรู้สึกตอนที่เลือดเนื้อถูกฉีกกระชาก กัดเคี้ยว และกลืนกิน
นางจดจำได้แม่นยำว่าชายผู้นั้น หญิงผู้นั้น ยังมีผู้คนในเมืองแห่งนั้นทรยศหักหลังนางอย่างไรบ้าง ก็เพราะนางโง่ถึงขั้นหลงเชื่อ ถึงได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
นางจะจำไว้ จะจำไว้ตลอด
อยากลืมก็ลืมไม่ลง
นางไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกขังอยู่ที่นี่หรอก ไม่มีทาง
ต่อให้ต้องประจบเจ้าคนแซ่ซ่งผู้นั้นให้เขาไว้ใจนาง นางก็ทำได้
เมื่อครู่ตอนอยู่ท่ามกลางหิมะนางขบคิดจนกระจ่างแจ้งแล้ว เขาบอกว่าค่ายกลนี้ท่านตาของเขาได้มาด้วยการแลกเปลี่ยนกับยมทูต ก่อนหน้านี้นางคิดว่าเขาแค่พูดเรื่อยเปื่อยเท่านั้น แต่หลายวันมานี้นางทดลองหลายวิธี ทว่าทำอย่างไรก็มิอาจก้าวออกไปได้ ถึงได้ตระหนักว่าค่ายกลนี้มิใช่ของธรรมดาจริงๆ ยาลูกกลอนของเขาก็หาใช่ของธรรมดา นางกินไปเพียงเม็ดเดียวร่างกายก็ฟื้นฟูกว่าครึ่ง หากนางได้ตำรับยามาหรือสามารถขโมยวิชาค่ายกลคาถา รวมไปถึงเครื่องมือเวทและยันต์ที่ใช้รับมือกับมารปีศาจพวกนั้นจากเขาได้ ย่อมทำให้นางสบายขึ้นมาก
โลกนี้มีคนแอบอ้างว่ารู้วิชาอาคมไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกหลอกลวง หายากที่จะเจอบุคคลเช่นนี้ ไม่แน่นี่อาจเป็นลาภมิใช่เคราะห์
ท่านตาของเขาเป็นหมอปีศาจ อาจารย์ปู่เป็นผู้มีวิชาสูงส่งที่เจนจัดเรื่องหยินหยางและวิชาแปลกๆ พ่อแม่เป็นเหมือนเทวดาบนโลกที่คอยช่วยเหลือผู้คนในแถบต้งถิง อาจารย์ลุงเป็นแม่ทัพที่เกษียณแล้ว อาจารย์อาเป็นเจ้าของหอหงส์ สามีของอาจารย์อาสี่ยังเป็นถึงประมุขเขาเหยี่ยวดำแห่งดินแดนทะเลทราย อีกทั้งเขายังมีหญิงโง่ไป๋ลู่คอยช่วยดูแลโรงยา
ชายผู้นี้เป็นคุณชายผู้โชคดีที่เป็นศูนย์รวมความรักความเอาใจใส่ของผู้คนมากมาย
เรียกเขาว่าคุณชาย ไม่นับว่าเกินไปเลยจริงๆ
เกรงว่ารัชทายาทองค์ปัจจุบันยังไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายเช่นเขาด้วยซ้ำ
นางรู้ว่าหากเขาอยากได้สาวงามสามพันคนมาปรนนิบัติ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แต่เขาไม่ต้องการ เขาชอบทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำอย่างอิสระ อยากทำอะไรก็ทำอย่างนั้น ไม่เคยมีใครห้ามเขา แค่ถือป้ายคำสั่งหรูอี้ลายหงส์ที่เจ้าของหอหงส์มอบให้เขาอันนั้น เขาก็สามารถวางโตได้ตั้งแต่ต้นแม่น้ำฉางเจียงไปจนถึงปลายแม่น้ำฉางเจียง ต่อให้เขาอยากไปเดินเส้นทางสายไหมสักรอบ ก็สามารถอ้างชื่อเขาเหยี่ยวดำแห่งดินแดนทะเลทรายมุ่งหน้าไปได้อย่างราบรื่นตลอดทาง
แต่นางไม่ลืมว่าวันนั้นตอนเขาสังหารงูน้ำปุ่มโลหิต ในมือถือกระบี่ดำเล่มหนึ่ง
กระบี่เล่มนั้นไร้ฝัก ตอนเขาเก็บมัน แค่สะบัดมือเท่านั้น กระบี่ก็พันรอบวงแขนเขาและจมหายไป
ก้อนเนื้อบนหัวของงูน้ำปุ่มโลหิตแม้จะเป็นจุดอ่อน แต่กลับแข็งแกร่งมาก ทว่ากระบี่เล่มนั้นของเขาเหมือนเหล็กตัดดิน แทงลงไปครั้งเดียวก็ทำให้งูปีศาจตัวนั้นถอยไป
คนที่รู้จุดอ่อนของงูน้ำปุ่มโลหิตมีไม่มาก เขาใช้กระบวนท่าเดียวจู่โจมไปยังจุดนั้น ต้องไม่ใช่เพราะความโชคดีแน่ แต่เป็นเพราะรู้แต่แรกแล้วว่าจุดอ่อนของมันอยู่ที่ใด คิดว่าเรื่องที่เขาบอกว่าอาจารย์ปู่ของเขาสามารถปราบมารสังหารปีศาจได้คงมิใช่เรื่องเหลวไหล ประคำปราบมารนี้สามารถควบคุมนางได้ ย่อมสามารถควบคุมปีศาจตนอื่นได้ ไม่แน่แม้แต่มารพวกนั้นยังมิอาจต้านทานของสิ่งนี้ ไม่แน่แม้กระทั่งเยี่ยอิ่งยังต้องยอมจำนน
การฆ่าซ่งอิ้งเทียนไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อนาง
หากได้รับความไว้ใจจากเขา ทำให้เขายอมถอดประคำปราบมารให้นางด้วยความเต็มใจ จากนั้นนำของวิเศษพวกนั้นออกมาและสอนวิธีปราบมารปีศาจให้นาง เช่นนั้นการเสียเวลาอยู่ที่นี่กับเขาสักพัก เหตุใดจะไม่ได้เล่า
คนผู้นั้นเพิ่งกลับมาเกิดใหม่ได้ไม่กี่ปี ชาตินี้ยังมีเวลาอยู่
อาหลิงใช้ที่คีบถ่านคีบก้อนถ่านในเตาฝังพื้นที่ถูกเผาจนแดงลงในเตาดินเผาสีแดงใบเล็ก ใช้ทรายดับไฟที่เหลือในเตาฝังพื้นอย่างระวัง ก่อนจะถือเตาดินเผาสีแดงออกจากห้อง
ในลานโล่งนอกประตู ลมหิมะพัดไม่หยุด ทำให้บนชานเรือนมีหิมะทับถมอยู่เล็กน้อย
นางเห็นไฟในห้องเขาดับไปแล้ว
ยังมีเวลา
อาหลิงคิดพลางคลี่ยิ้มเย็นชา
นางถือเตาดินเผาสีแดง หันหลังเดินกลับห้องตัวเองทีละก้าว เลื่อนเปิดประตู ก้าวเข้าไปในห้องและปิดประตูลง
ครานี้นางไม่รู้สึกโมโหฟูกผ้าห่มที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบอีก เพียงย้ายก้อนถ่านในเตาดินเผาสีแดงไปวางในเตาฝังพื้น ให้มันสร้างความอบอุ่นในห้อง
จากนั้นนางก็ต้มน้ำให้ตัวเองหนึ่งกา ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำร้อนเช็ดทำความสะอาดมือเท้า ก่อนจะมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม
คืนนี้ข้างนอกหิมะโปรยปรายลงมาอย่างหนัก
นางจ้องไฟที่ลุกไหม้ในเตาฝังพื้น นานครู่ใหญ่จึงหลับตาลง
สักวัน…นางจะต้องออกไป นางรู้