ทดลองอ่าน จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า บทที่ 1-บทที่ 2 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า

ทดลองอ่าน จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า บทที่ 1-บทที่ 2

ตอนที่เจ้าอารามน้อมรับมาอย่างเคารพนบนอบก็นึกถึง ‘บรรพชน’ ผู้นั้นที่จ่างซุนซิ่นพูดถึง จะต้องเป็นสมาชิกสตรีผู้นั้นที่มาพร้อมกับเขาแน่นอน ตอนที่มาตนไม่กล้ามองให้มากนัก เพียงรู้สึกว่าเมื่ออีกฝ่ายลงมาจากรถม้านั้นทุกคนล้วนอ่อนน้อมถ่อมตน ถึงขั้นที่คุณชายซึ่งอยู่ตรงหน้านี้ก็ยังเดินตามหลังนางเข้าประตู แต่กลับไม่มีผู้ใดรู้สึกว่าไม่เหมาะสมสักนิด ราวกับว่าตามเหตุผลก็ควรเป็นเช่นนั้น

ภายหลังเจ้าอารามลองสอบถามดู ว่ากันว่าสตรีนางนั้นเป็นน้องสาวของคุณชายผู้นี้ แต่ก็ได้ยินมาด้วยเช่นกันว่าท่านจ่างซุนผู้นี้มีตำแหน่งในราชสำนักเป็นรองเสนาบดีของกรมโยธา อายุน้อยก็ได้ขึ้นเป็นขุนนางในเมืองหลวงแล้ว ซ้ำยังเป็นทายาทสกุลจ่างซุนอีกด้วย กระนั้นก็ยังวางท่าโอหังเทียบกับน้องสาวแท้ๆ ของตนเองไม่ได้ พอได้ยินวาจาที่เขาเพิ่งกล่าวออกมาอย่างตามอกตามใจประโยคนั้น ก็ชัดเจนแล้วว่ากับน้องสาวของเขาผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย

ทางนี้จ่างซุนซิ่นมองไปทางประตูทางเข้าอารามอยู่หลายครั้งแล้ว ยังไม่เห็นคนออกมา จึงถามคนที่อยู่ด้านข้างอย่างอดไม่อยู่ “คนเล่า”

คนรับใช้ที่ทำหน้าที่มอบเงินให้ผู้นั้นบังเอิญเห็นจื่อรุ่ยตอนที่ออกมาพอดี จึงเร่งให้ไปเชื้อเชิญรอบหนึ่งแล้ว เพราะว่ารู้ถึงสาเหตุจึงรีบพูดเบาๆ ที่ข้างหูของจ่างซุนซิ่นอยู่หลายคำ

จ่างซุนซิ่นได้ฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว “ก่อนจะไป กลับทำให้นางนอนหลับสบายไม่ได้”

เจ้าอารามได้ยินก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง นึกไปว่าเป็นเพราะทางอารามละเลย ‘บรรพชน’ ผู้นั้นของบ้านเขาเข้าเสียแล้ว จึงเอ่ยปากหันเหความสนใจทันที “ขอบังอาจเรียนถามคุณชาย จากนี้ต้องการจะไปที่ใดต่อหรือ”

จ่างซุนซิ่นกำลังจ้องมองประตูใหญ่อยู่ ได้ยินคำพูดนี้ก็เหมือนกับถูกเตือนสติขึ้นมา จึงหันมาตอบ “ท่านนักพรตรู้จักเส้นทางลัดที่เร็วที่สุดที่จะไปโยวโจวบ้างหรือไม่”

เจ้าอารามครุ่นคิดอย่างละเอียด แล้วผงกศีรษะ “หากจะไปโยวโจวเส้นทางนี้ก็สั้นที่สุดพอดี ห่างไปอีกไม่ไกลแล้ว เพียงแต่โยวโจวยามนี้น่าจะไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไรนักหรอก”

จ่างซุนซิ่นเอามือไพล่หลัง ไม่เก็บมาใส่ใจ…ไม่ใช่สถานที่ที่ดีแล้วอย่างไร ภายใต้ท้องฟ้านี้ยังมีสถานที่ใดที่สกุลจ่างซุนของเขาไปไม่ได้บ้าง

และในเวลานี้ คนที่เขาเฝ้ารอคอยอยู่นานก็ออกมาแล้ว…

จ่างซุนเสินหรงที่หวีผมล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์เสร็จสิ้น ทั้งยังกินอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วก็เดินนำจื่อรุ่ยก้าวย่างไม่เร็วไม่ช้าออกจากประตูอาราม

ช่วงเวลานี้ย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วงพอดี นางสวมเสื้อคลุมกันลมตัวใหญ่สีแดงเข้มสว่างกระจ่างตาอย่างมาก โดดเด่นจนแม้แต่บรรดานักพรตที่ดูทึ่มทื่อเหมือนท่อนไม้ในที่นี้ ก็ยังพากันแอบปรายตามองไปตามๆ กันอย่างอดไม่อยู่ แต่ก็เห็นเพียงเงาร่างสูงตรงสายหนึ่ง…

นางหันข้างให้กับทุกคน มองไปทางจ่างซุนซิ่นแวบหนึ่งแล้วก็เดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่พูดไม่จา ทั้งไม่ขออนุญาตใดๆ ขณะย่างก้าว แขนที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมกันลมเหมือนกอดอะไรบางอย่างอยู่ประเดี๋ยวผลุบประเดี๋ยวโผล่ ของที่เห็นคลับคล้ายจะเป็นกล่องไม้รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า

เจ้าอารามก็ลอบมองนางแวบหนึ่งเช่นกัน เพราะจำได้ว่าตอนที่ ‘บรรพชน’ ผู้นี้มาดูเหมือนจะกอดสิ่งนี้ไว้ แต่กลับไม่รู้ว่าของที่ใส่อยู่ในนั้นคือสิ่งใด คนในตระกูลยิ่งใหญ่พวกนี้ช่างดูไม่ออกเลยจริงๆ

จ่างซุนซิ่นสาวเท้าเร็วๆ ไล่ตามไป ไม่ลืมที่จะโบกไม้โบกมือไปด้านข้าง ชั่วครู่ก็มีบ่าวรับใช้ที่แคล่วคล่องว่องไวชิงวิ่งไปที่ข้างรถม้าจัดวางที่วางเท้าลงไป

“เรียบร้อยแล้วกระมัง ทางนี้กำลังรอเจ้าอยู่พอดี” เขาเดินไปทันจ่างซุนเสินหรง ฉวยโอกาสพินิจดูสีหน้านางแล้วพูดเสียงค่อย “ท่าทางไม่ค่อยแจ่มใสเลย ได้ยินว่าเจ้าฝันร้าย ฝันถึงเรื่องใดหรือ”

ฝีเท้าจ่างซุนเสินหรงหยุดชะงักไปทันที แววตาเหม่อลอยไปชั่ววูบ “ช่างเถอะ ข้าไม่อยากพูดถึง พี่ก็อย่าได้ถามอีกเลย”

จ่างซุนซิ่นกลับสงสัยขึ้นมาแล้ว “เจ้าฝันถึงเรื่องใดกันแน่ ข้าจะไม่ถามก็ไม่ได้เสียด้วย ข้าเพียงหวังว่าตลอดการเดินทางนี้ของเจ้าจะราบรื่นสะดวกสบาย อย่าได้มีความไม่สมดังใจแม้แต่น้อยนิดถึงจะดี”

ระหว่างพูดคุยกันเบาๆ ทั้งสองคนก็ไปถึงข้างรถม้าแล้ว จ่างซุนซิ่นพูดจริงทำจริง เนื่องจากตลอดการเดินทางนี้จ่างซุนเสินหรงนั่งแต่รถม้า จึงกลัวว่านางจะไม่สบายตัว เขาจึงพยายามเลือกเฟ้นสถานที่พักที่ใหญ่ที่สุด สะดวกสบายที่สุดให้กับนาง ระหว่างทางนางหลุดปากพูดว่าอยากชมดูทิวทัศน์ข้างทางสักหน่อย เขาก็ไม่พูดพล่ามอันใดไปหาคนมาทำหน้าต่างรถม้าให้เปิดกว้างขึ้นระหว่างทางนั้นเลย แล้วก็นึกกลัวว่าพวกแมลงจะบินเข้ามา จึงต้องปิดคลุมด้วยผ้าโปร่งเนื้อนุ่มอีกชั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจิปาถะใหญ่น้อยทั้งหลาย เขาเฝ้าดูแลปกป้องนางราวกับเป็นนัยน์ตาของตนเองก็ไม่ปาน

เท้าข้างหนึ่งของจ่างซุนเสินหรงเหยียบไปบนที่วางเท้าพลางเก็บสิ่งที่ได้ยินกลับมาครุ่นคิดอีกหน สีหน้านางดูแปลกพิกล ถึงกับมีสีแดงระเรื่อผิดคาด “กลัวแต่ว่าข้าพูดไปแล้วท่านจะรู้สึกว่าข้าไม่ควรพูด”

จ่างซุนซิ่นตบอกรับรอง “จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า ข้าเป็นพี่ชายของเจ้านะ ยามอยู่ต่อหน้าข้า เจ้าวางใจได้!”

“บุรุษ”

สองคำที่ออกมากะทันหันนี้ทำให้จ่างซุนซิ่นนิ่งอึ้งไปทันที รีบหันมองรอบๆ โชคยังดีที่จื่อรุ่ยมีไหวพริบ เห็นพวกเจ้านายสนทนากันก็พาบ่าวรับใช้คนอื่นๆ ถอยออกไปอยู่ไกลๆ นานแล้ว แต่เขาก็ยังตั้งแง่ว่าไม่พอ จึงหันไปทางประตูใหญ่ของอารามแล้วโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณว่าพวกนักพรตก็ล้วนต้องกลับไปให้หมด อย่าได้มาห้อมล้อมคอยดูตรงนี้ เมื่อหันหน้ามาอีกครั้งเขาก็พูดเบาๆ “กลางวันแสกๆ เจ้าพูดอันใดออกมากัน คนมาได้ยินเข้าจะไม่ดี!”

จ่างซุนเสินหรงเหลือบตามองท้องฟ้า ข้าพูดไว้ก่อนนี้ว่าอย่างไร เขาหมายถามให้ได้คำตอบเองต่างหาก

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com