จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า
ทดลองอ่าน จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า บทที่ 1-บทที่ 2
จ่างซุนซิ่นรีบโน้มร่างเข้าไปใกล้อีกครั้ง “บุรุษอะไรกัน?” เดิมทีเขาไม่ใช่คนหัวโบราณคร่ำครึพวกนั้นอยู่แล้ว เพียงต้องการปกป้องหน้าตาของน้องสาวที่เป็นกุลสตรีตระกูลสูงศักดิ์จากผู้คนเบื้องนอกเท่านั้นเอง
ไม่รู้ว่ารู้สึกเข้าใจผิดไปหรือไม่ สีหน้าของจ่างซุนเสินหรงตอนนี้จึงดูเหมือนเข้มขึ้นเล็กน้อย แล้วจู่ๆ ก็จางคลายลงไปราวหมอกควันอย่างไรอย่างนั้น
“จำไม่ได้แล้วล่ะ” นางกระชับเสื้อคลุมคราหนึ่ง ก่อนกอดกล่องไม้และก้าวขึ้นไปบนรถม้า
จ่างซุนซิ่นยิ่งอยากรู้เต็มที นางจะสามารถฝันถึงบุรุษใดนอกไปจากบิดากับพี่ชายได้เล่า นางเติบโตมาจนบัดนี้ก็ใกล้ชิดกับบุรุษเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แล้วจะมีบุรุษคนใดที่สามารถเข้าไปในความฝันของนางได้? หรือว่าจะเป็น…
เขามองไปทางด้านหลัง เห็นนักพรตกลุ่มนั้นยังคงยืนแข็งทื่อเป็นสากไม้ด้วยท่าทางประหนึ่งว่าแขกผู้สูงศักดิ์ยังไม่ไปพวกเขาก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนอย่างไรอย่างนั้น วาจาที่เหลืออยู่เขาจึงไม่พูดแล้ว โบกมือออกคำสั่งในทันที “ออกเดินทาง!”
รถม้าเคลื่อนลงจากเขาอย่างโอ่อ่าโอฬาร บรรดานักพรตถึงค่อยเหมือนมีชีวิตขึ้นมาแล้ว ภายใต้การนำของเจ้าอารามก็จัดแถวเป็นขบวน โค้งกายก้มศีรษะน้อมส่ง
ภายในรถจ่างซุนเสินหรงพิงร่างไปทางด้านหลังพลางหลับตาลง งีบหลับพักผ่อนชั่วคราว
ครั้งก่อนที่นั่งรถม้าคันสูงใหญ่ราวราชรถนี้เดินทางออกจากฉางอันก็เป็นเรื่องเมื่อสามปีก่อนแล้ว แต่ว่าระยะทางในตอนนั้นไกลกว่าตอนนี้ร้อยเท่า เพราะตอนนั้นนางไปเพื่อแต่งงาน
ในฐานะบุตรสาวคนเล็กที่ได้รับความรักความโปรดปรานที่สุดของสกุลจ่างซุน การแต่งงานของนางก็คือเรื่องใหญ่ของสกุลจ่างซุนทั้งตระกูล สามียิ่งเป็นชายหนุ่มที่เปี่ยมด้วยความสามารถซึ่งผ่านการเลือกเฟ้นอย่างพิถีพิถันที่สุดของบิดามารดา ทั้งเป็นการคัดเลือกมาเองกับมือ…คนผู้นั้นก็คือ ‘ซานจง’ บุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของสกุลซานแห่งลั่วหยาง
สกุลจ่างซุนที่เป็นทายาทของผู้มีคุณูปการแก่บ้านเมืองแห่งฉางอัน กับสกุลซานที่เป็นตระกูลเก่าแก่ฝ่ายทหารแห่งลั่วหยาง นี่คือการเกี่ยวดองด้วยการแต่งงานของตระกูลเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างกล่าวขวัญด้วยความอิจฉา ในเวลานั้นผู้ที่คอยมุงดูตามถนนในแต่ละตรอกมีนับไม่ถ้วน แม้แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนซึ่งในเวลานั้นยังไม่สวรรคตก็ยังพระราชทานของกำนัลให้ ปีนั้นนางอายุสิบหกปี เดินทางจากฉางอันอย่างยิ่งใหญ่แต่งงานไปที่ลั่วหยาง
ทว่ารัศมีความโอฬารอันไร้ที่เปรียบรักษาให้คงอยู่ได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น ในช่วงครึ่งปีสามีของนางผู้นั้นแทบจะนำทัพอยู่ที่เบื้องนอกตลอดเวลา ในที่สุดรอจนเขากลับมา ก็ไม่มีความหวานชื่นของคู่แต่งงานใหม่ที่แยกจากกันแล้วได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีก กลับกลายเป็นจุดจบฉากหนึ่ง
วันนั้นบ่าวรับใช้คนสนิทที่ติดตามอยู่ข้างกายเขาคุกเข่าอยู่นอกห้องของนาง สองมือประคองหนังสือขอแยกทางยกสูงเหนือศีรษะ กล่าวรายงานโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า ‘ตัวคุณชายนับจากแต่งงานกับฮูหยินเป็นต้นมาก็ไม่เคยมีความรู้สึกฉันสามีภรรยาแม้แต่น้อยนิด บางครั้งที่พบหน้ากันก็รู้สึกเพียงฝืนใจ เวลานี้หวังให้ฮู…สตรีสูงศักดิ์จ่างซุนรับหนังสือ ถือเป็นการตัดขาด ต่างฝ่ายต่างไปอย่างสงบ’
จ่างซุนเสินหรงนึกว่าฟังผิดไปแล้ว จวบจนกระทั่งวาจาเหล่านี้ถูกถ่ายทอดซ้ำอีกหนหนึ่ง นางถึงถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า ‘เขาเพิ่งจะแต่งงานกับข้าแท้ๆ ก็ไม่พอใจข้าถึงปานนี้เชียว?’
บ่าวรับใช้ผู้นั้นคุกเข่าคำนับ ยังคงชูหนังสือขอแยกทางฉบับนั้นเอาไว้อย่างมั่นคงจนถึงเวลานี้ ‘คุณชายกล่าวว่าเขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าชีวิตนี้ไม่มีวาสนาอยู่ร่วมกับท่านสตรีผู้สูงศักดิ์ เป็นการจับคู่ที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง ตลอดชีวิตที่เหลือไม่ต้องเผชิญหน้ากันอีก’
จ่างซุนเสินหรงเป็นคนระดับใด นางคือผู้ที่เติบโตมาอย่างที่คนสกุลจ่างซุนทะนุถนอมไว้ในฝ่ามือ ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนเลย บอกว่าเป็นการแยกทาง ในสายตาของนางกลับไม่ต่างอะไรกับถูกหย่า นางจึงออกไปตามหาซานจงด้วยความโกรธสุดระงับ จนกระทั่งไปถึงหน้าประตูใหญ่ของสกุลซาน ยังไม่ทันได้เห็นคนแม้แต่น้อย กลับเห็นรถม้าที่จะไปส่งนางถูกตระเตรียมไว้พร้อมแล้ว ถึงขั้นมีทหารที่ดูเข้มงวดเคร่งครัดขบวนหนึ่งคอยคุ้มกันอยู่เสร็จสรรพ
บ่าวรับใช้ผู้นั้นไล่ตามออกมาคำนับอีกหน ‘ฮู…ท่านสตรีผู้สูงศักดิ์ไม่ต้องมองหาคนหรอกขอรับ คุณชายไปจากบ้านสกุลซานแล้ว จากนี้ไปจะไม่กลับมาอีก’
จ่างซุนเสินหรงมองดูเขาอย่างเยียบเย็น แล้วก็มองไปทางทหารที่แสนเย็นชาขบวนนั้นพลางขบฟันแน่น…
วันนั้นนางก็ไม่แยแสคำห้ามปราบและการรบเร้าให้รั้งอยู่ของคนสกุลซานทั้งเบื้องบนเบื้องล่างเช่นเดียวกัน มุ่งกลับฉางอันทันทีโดยไม่หันหน้ากลับไปอีก
บ้านสกุลจ่างซุนแตกตื่นตกใจกันถ้วนหน้า พี่ชายของนางจ่างซุนซิ่นวิ่งมาอย่างเร็วที่สุด รีบดึงตัวนางที่อยู่เบื้องหน้าของคนทั้งหมดเอาไว้แล้วถามอย่างสงสัยว่า ‘เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้อย่างไร! สามีของเจ้าเล่า’
นิ้วมือของจ่างซุนเสินหรงที่อยู่ในแขนเสื้อกำหนังสือขอแยกทางฉบับนั้นเอาไว้แน่น เชิดหน้าขึ้น ตอบอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำ ‘สามีอันใดกัน ตายไปแล้วล่ะ!’
บุตรสาวสกุลจ่างซุนหาได้แยกทางแต่อย่างใด นางเพียงแค่สูญเสียสามี โดยถือว่าสามีของนางตายไปแล้วเท่านั้น!
ความทรงจำย้อนมาถึงตรงนี้ก็หยุดลง ภาพในห้วงฝันพลันผุดขึ้นมาเบื้องหน้า จ่างซุนเสินหรงลืมตาขึ้น มือข้างหนึ่งกุมแก้มเอาไว้ ครุ่นคิดอยู่ว่า ไฉนข้าถึงได้ฝันถึงเรื่องเช่นนั้นได้…เข้าหอ?
ในความเป็นจริงตอนนั้นเนื่องจากคำสั่งเคลื่อนกำลังพลมาอย่างกะทันหัน หลังเสร็จพิธีแต่งงานในวันนั้นบุรุษผู้นั้นก็ไปแล้ว หลังจากนั้นครึ่งปีได้อยู่ร่วมกันน้อยจากกันเป็นส่วนมาก จนถึงตอนที่แยกทางกันนางก็ยังไม่เคยได้ร่วมสัมพันธ์เป็นสามีภรรยาที่แท้จริงแม้แต่วันเดียว ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยฝันถึงแม้แต่ครั้งเดียวแท้ๆ
รถม้าพลันเคลื่อนช้าลง เสียงของจ่างซุนซิ่นดังมาจากด้านนอก “อาหรง ข้าเพิ่งจะคิดแล้วคิดอีก นี่เป็นฝันที่ดีเชียวนะ”
ความคิดของจ่างซุนเสินหรงถูกขัด ถึงได้พบว่าแก้มที่ตนเองเอามือกุมอยู่นั้นกำลังร้อนผ่าว จึงสลัดศีรษะเรียกสติแล้วเงยหน้าขึ้น “ท่านว่าอันใดนะ”
ใบหน้าของจ่างซุนซิ่นปรากฏขึ้นตรงหน้าต่างรถม้าที่มีม่านโปร่งกั้นไว้ พูดเสียงค่อย “น่าจะถึงเวลาแล้วกระมัง เจ้าก็กลับมาบ้านตั้งสามปีแล้ว เรื่องนั้นก็ผ่านไปตั้งนานเพียงนั้น ตามความเห็นของข้า ความหมายของความฝันนั้นก็คือเจ้ากำลังจะพบกับช่วงวสันต์อีกแล้วน่ะสิ”
จ่างซุนเสินหรงคิดในใจว่า นี่มันวาจาใดกัน จะบอกว่าข้าปลงตกมาตั้งนานแล้วก็ยังไม่สำเร็จอย่างนั้นหรือ “ไม่เคยรู้เลยว่าท่านทำนายฝันเป็นด้วย”
นางเบือนหน้าไปอีกทาง ลอบครุ่นคิดถึงใบหน้าของบุรุษในฝันผู้นั้นอยู่เล็กน้อย
อันที่จริงก็เห็นหน้าไม่ชัดนัก ในฝันนั่นชั่วขณะที่นางหันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นเพียงรูปร่างที่แข็งแกร่งเปี่ยมพลังของเขาเท่านั้น อย่างอื่นล้วนถูกขวางกั้นด้วยหมอกชั้นหนึ่งตลอดเวลา สติของนางเริ่มลอยไปไกลอีกหนหนึ่งแล้ว กำลังคิดว่าคนผู้นั้นจะใช่เขาหรือไม่…
“ไม่ อาหรง” จ่างซุนซิ่นอยากให้นางคิดแต่ในทางที่ดีเท่านั้น จึงพูดอย่างจริงจัง “เชื่อพี่เถอะ ไม่ว่าเจ้าจะฝันถึงผู้ใดก็ไม่ต้องไปคิดให้มาก นี่ถือเป็นลางดี!” พูดจบเขาก็ชะงักไป แล้วเอ่ยเพิ่มอีกประโยค “ภารกิจเร่งด่วนคือต้องจัดการกับเรื่องสำคัญในตอนนี้ให้เรียบร้อยก่อน”
จ่างซุนเสินหรงได้ยินประโยคช่วงท้ายแล้วถึงได้หันหน้ากลับมามองกล่องที่อยู่ในอ้อมแขน “เข้าใจแล้ว”