บทที่ 11
ซานจงผู้นี้ไม่เพียงนิสัยเลวร้าย บางครั้งการกระทำของเขาก็ยังทำให้ผู้คนคาดเดาทิศทางไม่ออกด้วย ขณะเขายิ้มจู่ๆ ก็ชี้ไปบนท้องฟ้าแล้วพูดว่า “ขอแนะนำพวกเจ้ากลับให้เร็วหน่อย ค่ำแล้วในภูเขาจะไม่ค่อยสงบนัก”
จ่างซุนเสินหรงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย มองไปทางพวกตงไหลที่กำลังยุ่งง่วนอยู่กับงาน
การขุดหาแร่ปกติใช้เพียงการตรวจสอบภูมิลักษณ์ก็เพียงพอแล้ว การเจาะภูมิลักษณ์ไม่ค่อยได้ใช้กันบ่อยนัก แต่เมื่อใช้แล้วอย่างน้อยก็ต้องกินเวลาหลายวัน ทว่าอย่างไรก็ไม่ใช่การขุดเจาะพื้นดินเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่ต้องระวังมากมาย วันนี้คนของพวกตนมาแล้วก็ยังเตรียมตัวพร้อมที่จะค้างอยู่ในภูเขานี้ได้อีกหลายวัน
จ่างซุนเสินหรงครุ่นคิดขึ้นมา เขารู้อย่างกระจ่างแจ้งถึงขั้นนี้จะต้องดูอยู่นานแล้วแน่ๆ แต่พอนางหันกลับมาก็เห็นเพียงม้าตะกุยเท้าออกไป บุรุษผู้นั้นควบม้าศึกประหนึ่งสายลม ตัดผ่านภูเขาราวสายฟ้า บอกว่าไปก็ไปเลย
นางหันไปมองทางสองคนที่คอยเฝ้าอยู่ด้านนั้น
หูสืออีกับจางเวยก็มองเห็นซานจงควบม้าจากไปแล้วเช่นกัน คนทั้งสองยังรู้สึกใจหายอยู่เล็กน้อย วันนี้หัวหน้าของพวกตนอยู่ที่นี่นานพอดูเชียวล่ะ ทว่าเพียงชั่วพริบตาจ่างซุนเสินหรงก็มาถึงตรงหน้าทั้งสองเสียแล้ว
นางถาม “ในภูเขานี้ตอนกลางคืนจะไม่สงบหรือ”
หูสืออีจับต้นชนปลายไม่ถูก “อันใดคือไม่สงบขอรับ”
จ่างซุนเสินหรงรู้ว่าจางเวยตอบมาตามจริงกว่า จึงถามเขา “เจ้าพูด”
จางเวยตอบ “มีเพียงพวกนอกด่านที่แอบลอบเข้ามา แต่พวกเราป้องกันอย่างเข้มงวด มาแล้วก็ไม่กลัว”
จ่างซุนเสินหรงได้รับรู้ความจริงอย่างที่คาดไว้ รู้แล้วว่าคนแซ่ซานนั่นจงใจ!
นางเมินหน้าแล้วก็เดินจากไป
หูสืออีกับจางเวยหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก งุนงงไปหมด
เมื่อเริ่มเจาะภูมิลักษณ์ถึงอย่างไรก็ได้แต่ต้องรอ ทว่าจ่างซุนซิ่นก็ไม่อาจรีบร้อนได้ จึงเร่งกลับไปก่อนประตูเมืองจะปิด เขามอบอำนาจให้ตงไหลจัดการงานในภูเขาแล้วก็คุ้มกันจ่างซุนเสินหรงกลับเข้าเมือง
เนื่องจากจ้าวกั๋วกงมีจดหมายมา จ้าวจิ้นเหลียนจึงทุ่มเททำงานนอกเหนือจากหน้าที่ ไม่เพียงคอยเอาอกเอาใจผู้อื่นเป็นพิเศษ มิหนำซ้ำยังร่วมเดินทางกลับมาพร้อมกับทั้งคู่ตลอดทางจนมาถึงจวนพักขุนนาง
ตอนที่แยกจากกันที่หน้าประตูใหญ่เขายังพูดถึงคำพูดที่เคยคุยกันบนภูเขา “พรุ่งนี้ที่จวนจัดงานเลี้ยง ข้าได้เชิญผู้บัญชาการซานแล้วเช่นกัน ท่านรองเสนาบดีเป็นคนสุภาพ น่าจะไม่ถือสา โปรดเห็นแก่หน้าของข้าไปร่วมงานเลี้ยงให้ได้เล่า”
จ่างซุนเสินหรงเพิ่งจะเดินเข้าประตูจวนมา ครั้นได้ยินคำพูดนี้ก็หยุดชะงักแล้วหันกลับมามอง
จ่างซุนซิ่นกำลังมองไปทางนางพอดี แต่ภาพที่เห็นออกจะประหลาดพิกลอยู่สักหน่อย
นางคิดครู่เดียวแล้วก็ผงกศีรษะให้พี่ชาย นี่จะมีปัญหาอันใด สถานที่ของเขาก็อยู่มาแล้ว แค่งานเลี้ยงงานหนึ่งเท่านั้น มีอะไรให้ต้องเหนียมอายกันล่ะ
จ่างซุนซิ่นไอแห้งๆ ทีหนึ่ง แล้วตอบตกลงไป “ท่านผู้ว่าการเกรงใจไปแล้ว”
จ้าวจิ้นเหลียนโล่งใจ ราวกับมองเห็นแสงสว่างของการเปลี่ยนความชิงชังเป็นมิตรภาพอยู่รำไร กล่าวลาด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาทันที
ภายในจวนบัญชาการทหาร ตอนซานจงเข้าห้องปลดดาบออกท้องฟ้าก็มืดเสียแล้ว
ตอนกลางวันที่อยู่ในภูเขาเสียเวลาไปมาก เป็นเหตุให้เขายุ่งวุ่นวายอยู่จนบัดนี้ถึงได้กลับมา ตอนที่ถอดเกราะช่วงเอวออกเขาก็นึกไปถึงเหตุการณ์ในภูเขาตอนนั้นขึ้นมาอีก ตนเองยังรู้สึกว่าไม่สมควรทำเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน
ยามไม่มีเรื่องอะไรจะไปหยอกเย้าจ่างซุนเสินหรงเพื่ออันใด เขาช่างว่างมากเกินไปจริงๆ น่าจะเป็นเพราะถูกวาจาของนางเล่นงานเอา ระยะนี้นางเองก็ดูผิดปกติอย่างมาก
“กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว จ่างซุนเสินหรง” เขาลูบไปตามแนวสันกรามพลางหัวเราะกับตนเอง คำพูดของเขาถือว่าพูดไปอย่างเสียเปล่าแล้ว ถึงออกคำสั่งให้นางเชื่อฟัง นางก็จะทำเหมือนลมพัดผ่านหู
“ท่านหัวหน้า” ด้านนอกมีเสียงทหารขอเข้าพบ
“เข้ามา”
พลทหารเข้าประตูมา เอาหนังสือรายงานฉบับหนึ่งวางไว้บนโต๊ะแล้วถอยออกไป
ซานจงหยิบมาพลิกดูแวบหนึ่ง หลังจากวางลงไปเกราะแขนเกราะขาที่เพิ่งถอดออกก็ถูกสวมใส่กลับเข้าไปใหม่ เขาหยิบดาบแล้วออกไป