จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า
ทดลองอ่าน จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า บทที่ 11-บทที่ 13
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาเป็นลำ บนโต๊ะตัวเล็กมีกระดาษใยสีเหลืองแผ่นหนึ่งวางแผ่อยู่
จ่างซุนเสินหรงจับพู่กันจรดอยู่บนกระดาษ ตวัดร่างภาพเทือกเขาวั่งจี้ออกมาทีละขีดๆ เมื่อได้ยินจื่อรุ่ยที่อยู่ข้างกายสูดลมหายใจตั้งท่าจะพูดแล้วก็ไม่พูด พลันนึกขึ้นได้ว่าพู่กันจิ้มอยู่ในผงสีดำที่ใช้ทาคิ้วไปเสียแล้ว เพราะเดิมทีนางกำลังจะวาดคิ้วอยู่
จ้าวจิ้นเหลียนช่างรอบคอบเหลือเกิน วันนี้ก็ส่งเทียบเชิญมาอีกครั้งตั้งแต่เช้า เหอซื่อยังส่งคนนำกำยานที่นางเคยเลือกเอาไว้ในร้านขายกำยานเมื่อวันนั้นมาส่งให้ เดิมนางเตรียมจะแต่งตัวให้งดงามสักหน่อยค่อยไปร่วมงานเลี้ยง ทว่าเมื่อครู่นี้กลับคิดถึงเรื่องขุดหาแร่จนใจลอยไปแล้ว
“ช่างเถอะ ไม่วาดแล้ว” นางทิ้งพู่กันไปเสียอย่างนั้น
จื่อรุ่ยพูดว่า “ประมุขน้อยงดงามเลิศล้ำมาตั้งแต่กำเนิด ไม่ต้องไปใช้การวาดเติมเสริมแต่งอีกหรอกเจ้าค่ะ อย่างไรท่านก็คือธิดาของท่านเจ้าบ้านอยู่แล้ว”
นับแต่เล็กจนโตที่จ่างซุนเสินหรงได้ยินจนเต็มหูล้วนเป็นวาจาไพเราะเอาอกเอาใจ แต่พอฟังมากเข้าก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว และไม่เคยเห็นเป็นเรื่องจริงจังอะไรอีก ที่นางจริงจังที่สุดยังคงเป็นม้วนหนังสือในถุงผ้าปักลายนั้น ตอนที่ลุกขึ้นมานางก็เก็บเอาไว้ในอกเสื้ออย่างดี ถึงแม้จะไปร่วมงานเลี้ยงก็ไม่อาจปล่อยให้ม้วนหนังสือห่างจากตัวได้
จ่างซุนซิ่นรอนางอยู่ที่ข้างนอกเรียบร้อยแล้ว
จ่างซุนเสินหรงเดินออกมาจากเรือนชั้นในก็เจอเข้ากับก่วงหยวน เขาก็เหมือนกับเมื่อก่อนนี้ ถอยไปอยู่ที่ด้านข้างเปิดทางให้นางอย่างเคารพนอบน้อม นางเดินผ่านไปแล้วจู่ๆ ก็หยุดลง
“ก่วงหยวน” นางชายตามองแล้วถามว่า “นานๆ ครั้งเจ้าถึงจะได้พบกับเจ้านายของเจ้าสักครั้งใช่หรือไม่”
ก่วงหยวนลังเลไปชั่วขณะก่อนจะตอบ “ขอรับ”
ทุกครั้งที่ได้พบกับซานจง ก่วงหยวนมักทำท่าเหมือนไม่เคยเห็นคนมาแปดร้อยปี จ่างซุนเสินหรงพบเห็นเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วนางจึงพูดว่า “เช่นนั้นวันนี้เจ้าก็ไปกับข้า บางทีอาจจะได้เห็นเขามากขึ้นอีกหน่อย”
ก่วงหยวนเงยหน้ามองอย่างผิดคาดนางก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว เขารีบวิ่งตามไปจนทัน เหลือบมองด้านหลังของนางพลางถามเบาๆ อย่างอดไม่อยู่ “เรื่องในอดีต…ท่านผู้สูงศักดิ์ไม่ตำหนิโทษข้าแล้วใช่หรือไม่”
จื่อรุ่ยที่อยู่ด้านข้างถลึงตาใส่เขาทันที ตำหนิเขาว่าปากไม่มีหูรูด ช่างกล้าแตะต้องจุดอ่อนของผู้อื่นจริงๆ!
จ่างซุนเสินหรงได้ยินอย่างถนัดชัดเจน หน้านางไม่หัน เท้าก็ไม่หยุดด้วย “ไม่มีเจ้าแล้วจะไม่มีหนังสือขอแยกทางฉบับนั้นหรือ ผู้ใดทำผู้นั้นก็รับไป เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยล่ะ…เจ้านายของบ้านเจ้ารู้จักที่จะแบกความรับผิดชอบเอาไว้เพียงผู้เดียวหรอก”
นั่นเป็นเรื่องระหว่างนางกับบุรุษผู้นั้นแท้ๆ เมื่อต้องเห็นก่วงหยวนมักก้มหน้าคอตกคอยหลีกทางให้อยู่เสมอถึงได้ทำให้นางอึดอัดใจ เหมือนว่าเขากำลังตอกย้ำนางถึงเหตุการณ์ช่วงนั้นอยู่เสมอ
ก่วงหยวนวางใจได้แล้ว ก่อนหน้านี้ที่อยู่บ้านสกุลซานเขาก็ดูออกแล้ว ถึงแม้ฮูหยินจะดูเย่อหยิ่งภูมิใจในสายเลือดอันสูงส่ง แต่ก็ไม่เคยดื้อด้านไร้เหตุผลมาก่อน ขอเพียงไม่ยั่วยุนางทุกเรื่องล้วนเจรจากันได้
“แต่ว่าเจ้าก็อย่าได้ยินดีเร็วจนเกินไปนัก” จ่างซุนเสินหรงพูดอีก “ไม่แน่ว่าวันนี้เจ้าอาจจะไม่ได้เจอเขาเลยก็ได้” นางก็ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นั้นจะมาหรือไม่
ในจวนว่าการจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมพรักแล้ว จ้าวจิ้นเหลียนกับเหอซื่อกำลังรอให้ผู้มีเกียรติมาเยือนถึงจวน
ไม่นานนักด้านนอกจวนก็มีรถม้าแล่นเข้ามา สองสามีภรรยาออกมาจากโถงเพื่อต้อนรับ เห็นสองพี่น้องสกุลจ่างซุนเดินมาตามทางโดยการนำของพ่อบ้านเข้ามาในจวนด้วยท่วงท่าสง่างาม
จ้าวจิ้นเหลียนไปต้อนรับจ่างซุนซิ่น ส่วนเหอซื่อเป็นฝ่ายไปสนทนากับจ่างซุนเสินหรงก่อน แย้มยิ้มอยู่ตลอดในขณะที่เชื้อเชิญนางเข้าไปในห้องโถง
เหล่าบ่าวรับใช้ยกน้ำชาร้อนๆ ที่เพิ่งชงเสร็จเข้ามา จ่างซุนเสินหรงยกถ้วยชาขึ้นแตะๆ กับริมฝีปากแล้วก็วางลงไป เข้มเกินไป…ขมเกินไปแล้ว นางดื่มแต่ชาอ่อนๆ ล้วนพูดกันว่าพื้นที่แถบเหอซั่ว* ผู้คนจะมุทะลุและห้าวหาญ ย่อมไม่มีรสนิยมในการเลือกเฟ้นของอย่างพิถีพิถันเหมือนฉางอัน แต่ว่านางก็ไม่ได้ใส่ใจ มาโยวโจวเดิมทีก็ไม่ใช่มาเพื่อใช้ชีวิตหรูหราสุขสบายอยู่แล้ว
นางอาศัยช่วงเวลาที่ดื่มน้ำชามองไปแวบหนึ่ง ไม่เห็นร่องรอยของบุรุษผู้นั้นเลย
จ้าวจิ้นเหลียนนั่งสรวลเสเฮฮาอยู่กับจ่างซุนซิ่นที่ด้านข้าง เห็นว่าเวลาผ่านไปทีละนิดเขาก็เริ่มมีอาการนั่งไม่ติดที่ขึ้นมาแล้ว “ผู้บัญชาการซานมีกิจธุระคงจะมาสายแล้ว” เขายิ้มอย่างฝืดฝืนเต็มที “ข้าได้ส่งคนไปเชิญแล้ว คาดว่าคงจะมาได้เร็วๆ นี้ละ”
จ่างซุนซิ่นแสร้งยิ้มอย่างขอไปทีพลางปรายตาไปทางน้องสาว
จ่างซุนเสินหรงขยับถ้วยชาเล่นเป็นระยะๆ ราวกับไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน
เหอซื่อเห็นว่าสถานการณ์ออกจะกระอักกระอ่วนจนเงียบไปแล้ว จึงส่งสายตาให้สามี “พวกท่านเริ่มงานเลี้ยงกันไปก่อนก็ได้ ผู้บัญชาการซานไม่ติดใจหรอก เขาก็คงไม่อยากจะละเลยแขกผู้สูงศักดิ์เหมือนกันแน่นอน”
จ้าวจิ้นเหลียนเห็นด้วย จึงมีคำสั่งให้เริ่มงานเลี้ยงได้
อาหารในงานเลี้ยงถูกคนยกเข้ามาเป็นแถวจากทางประตู
จ่างซุนเสินหรงถูกเชิญไปนั่งที่ข้างๆ จ่างซุนซิ่น จ้าวจิ้นเหลียนสองสามีภรรยานั่งคู่กันอีกที่หนึ่ง ทั้งหมดนั่งหันหน้าเข้าหากัน ขณะนี้เอาแต่พูดเรื่องการขุดหาแร่อย่างกระตือรือร้นไปแล้ว
น่าเสียดายที่จ่างซุนซิ่นรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องนี้อยู่พอดี รอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้ายิ่งปั้นจนเข้มข้น ได้แต่พูดคุยพอให้ผ่านไปเท่านั้น
จื่อรุ่ยกำลังจัดวางอาหารให้จ่างซุนเสินหรงอยู่ นางก็โบกมือปฏิเสธ พลันได้ยินเสียงก่วงหยวนดังแว่วมา “คุณชาย”
จ้าวจิ้นเหลียนรีบลุกออกไปทันที