ทดลองอ่าน จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า บทที่ 11-บทที่ 13 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า

ทดลองอ่าน จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า บทที่ 11-บทที่ 13

จ่างซุนเสินหรงมองไปที่ประตู ได้ยินเพียงเสียงพูดคุยเบาๆ…

“บอกให้ท่านต้องมาวันนี้ให้ได้ไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมาเอาป่านนี้”

เสียงของซานจงค่อนข้างเกียจคร้าน “คืนนี้ในเมืองหลวงมีนักโทษถูกส่งตัวมา เคาะประตูเมืองทั้งยามราตรีข้าก็วุ่นอยู่ตลอดจนถึงตอนนี้แหละ ระหว่างทางยังถูกคนของท่านขวางเอาไว้ เชิญให้มาที่นี่”

“มาก็ดีแล้ว เข้ามาข้างในเร็ว”

เงาร่างสูงตรงของบุรุษผู้นั้นเดินผ่านประตูเข้ามา แล้วจู่ๆ ก็หยุดนิ่ง

สายตาซานจงกวาดผ่านสองพี่น้องที่นั่งอยู่ในงานเลี้ยง มองจ้าวจิ้นเหลียนแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่พูดอะไรกับการจัดการเช่นนี้

แต่จ้าวจิ้นเหลียนดันเขาให้ไปยังที่นั่งแล้ว

จ่างซุนเสินหรงนั่งประจันหน้ากับซานจงพอดี นางมองเขาวางดาบลงไปก่อนนั่งลงที่ตรงนั้น แล้วก็รับผ้าที่คนยื่นส่งมาให้เช็ดมือทั้งสองอย่างไม่เร็วไม่ช้า สายตาเขาทอดลง ดูเหนื่อยล้าอยู่บ้าง

ตอนนี้เองจ้าวจิ้นเหลียนถึงยิ้มพลางพูดอย่างสบายใจ เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วดูผ่อนคลายขึ้นมาก “ฉงจวิน ท่านมาสายแล้ว ต้องคารวะสุราท่านรองเสนาบดีจ่างซุนจอกหนึ่ง”

จ่างซุนซิ่นแสร้งยกมือขึ้นโบกปัด “ไม่ต้องหรอก นั่นจะรับไหวได้อย่างไร”

“ท่านรองเสนาบดีไม่ต้องเกรงใจไป” จ้าวจิ้นเหลียนส่งสัญญาณไปทางซานจงซ้ำอีก

ซานจงกวาดตามองคนที่อยู่ตรงข้ามอีกแวบหนึ่ง มือหนึ่งก็ถือกาสุรารินจนเต็มจอก ยกจอกสุราขึ้นมาหันไปทางจ่างซุนซิ่นแล้วชูขึ้น

คนที่ตอบรับเขากลับไม่ใช่จ่างซุนซิ่น ปลายแขนเสื้อของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ พลันขยับไหว จ่างซุนเสินหรงยกจอกสุราหันไปทางเขาแล้วชูขึ้น ดวงตาของนางเป็นประกายแพรวพราว ตอนที่ก้มหน้าใช้ปากแตะขอบจอกสุรา สายตายังคงอยู่ที่ร่างของเขา

นิ้วมือของซานจงลูบไล้จอกสุรา ยังไม่ขยับเขยื้อน

จ้าวจิ้นเหลียนจับจ้องเขาอยู่ หันมาเห็นจ่างซุนเสินหรงเพิ่งวางจอกสุราลงไปถึงกับผิดคาด “คุณหนูช่างรวบรัดเด็ดขาด”

จ่างซุนซิ่นยิ้มพลางกล่าวว่า “อาหรงสงสารข้าน่ะ เลยดื่มแทนข้า”

นี่ถือเป็นการผ่อนคลายบรรยากาศที่แสนอึดอัดเนื่องจากการมาสายของซานจง

เหอซื่อรู้สึกอยู่ตลอดว่าต้องขอบคุณวาจาอันอบอุ่นเปี่ยมด้วยไมตรีของจ่างซุนซิ่น งานเลี้ยงครานี้ถึงได้ดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น การคารวะสุราผ่านไปสามรอบ การพูดคุยกำลังเข้มข้นจริงจัง นางก็พูดยิ้มๆ ว่า “ท่านรองเสนาบดีช่างเป็นสุภาพชนที่ถ่อมตัว ถ้าหากในบ้านข้ามีพี่สาวน้องสาวที่อายุพอๆ กันละก็ จะต้องแย่งกันขอปีนป่ายร่วมเป็นครอบครัวเดียวกับท่านแน่นอน น่าเสียดายที่ไม่มีวาสนาเช่นนั้นแล้ว”

จ่างซุนซิ่นกล่าวอย่างนุ่มนวล “ฮูหยินยกย่องข้าเกินไปแล้ว วันใดที่พวกข้าขุดหาแร่พบค่อยคิดถึงเรื่องดีๆ เช่นนี้ก็แล้วกัน”

เหอซื่อประหลาดใจ เดิมแค่จะยกย่องเขาเท่านั้น ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเขายังไม่ได้แต่งงาน

อันที่จริงจ่างซุนซิ่นควรจะแต่งงานไปตั้งนานแล้ว แต่น่าเสียดายที่คู่หมั้นด่วนจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย ที่บ้านยังไม่ได้เลือกคนที่เขาถูกใจเป็นการชั่วคราว หลังถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ สามปีก่อนกลับให้จ่างซุนเสินหรงที่เป็นน้องสาวผู้นี้ชิงแต่งงานไปเสียก่อน

คนข้างนอกไหนเลยจะรู้เรื่องนี้ได้ เหอซื่อมองไปทางจ่างซุนเสินหรงอย่างรวดเร็ว “ดูท่าคุณหนูเองก็คงยังไม่ได้แต่งงานกระมัง ถ้าอย่างนั้นข้ายิ่งอยากให้ที่บ้านมีพี่ชายน้องชายที่อายุพอๆ กับท่านสักคนเหลือเกิน” พูดจบตนเองก็หัวเราะขึ้นมา

จ่างซุนเสินหรงมองไปฝั่งตรงข้ามอย่างไม่รู้ตัว ซานจงถึงกับมองมาด้วยเช่นกัน สายตาของคนทั้งคู่สบกันอย่างไร้สุ้มเสียง แล้วต่างคนต่างก็เบนสายตาหลบไป

งานเลี้ยงจบลง เหอซื่อก็เชิญจ่างซุนเสินหรงไปนั่งพักที่ศาลาชมดอกไม้ จะได้ให้พวกเขาที่เป็นบุรุษหลายคนนั้นได้พูดคุยกัน

จ่างซุนเสินหรงนั่งพักพอแล้ว อ้างว่าอยากจะเดินเล่นในสวนสักหน่อย จึงพาจื่อรุ่ยไปด้วยเพียงคนเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหอซื่อมาคอยอยู่เป็นเพื่อน

รอจนนางเดินไปครบหนึ่งรอบ ก็เห็นเงาร่างของจ้าวจิ้นเหลียนปรากฏอยู่แต่ไกลๆ เหมือนกำลังตามหาผู้ใดอยู่ นางเดินไปที่ใต้ระเบียง ก็เห็นก่วงหยวนเฝ้าอยู่นอกประตูสวนแห่งหนึ่ง “เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

ก่วงหยวนตอบเสียงเบา “คุณชายอยู่ขอรับ”

จ่างซุนเสินหรงมองไปข้างในสวน ทิ้งจื่อรุ่ยเอาไว้แล้วเดินเข้าไปข้างในเพียงลำพัง

ก่วงหยวนไม่ได้ขัดขวาง

ไม่แปลกที่จ้าวจิ้นเหลียนกำลังตามหาคน ในศาลาที่สวนด้านข้างซานจงนั่งพิงกับราวกั้นอยู่ สองแขนกอดดาบเอาไว้ หลับตาเหมือนกับหลับไปแล้ว

จ่างซุนเสินหรงเดินอย่างเบามือเบาเท้าเข้าไปหา มองไปรอบๆ แล้วก็นั่งลงข้างๆ เขา

ขาข้างหนึ่งของเขายังคงยันอยู่ที่ราวกั้นศาลา ดูเพรียวยาวและแข็งแรง ชายเสื้อของนางถูกลมพัดค่อยๆ ปัดทับไปบนรองเท้าขี่ม้าของเขาทีละน้อย

จ่างซุนเสินหรงเห็นเขาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น คิดในใจว่า หลับไปแล้วจริงๆ หรือ ดวงตามองไปที่แขนขวาของเขาอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากกอดดาบอยู่แขนเสื้อตรงข้อมือจึงร่นขึ้น เผยให้เห็นข้อมือที่แข็งแรง บนนั้นมีลวดลายสีเขียวๆ ดำๆ

นางเข้าไปใกล้อย่างอดไม่อยู่ ยื่นนิ้วออกไปคิดจะดึงแขนเสื้อเขาออกจะได้เห็นข้อมือได้ชัดขึ้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียง “มือของเจ้าจะยื่นมาตรงใดกัน” พอช้อนตาขึ้นก็ปะทะเข้ากับสายตาของเขาพอดี

ซานจงลืมตาอยู่ กำลังจ้องนาง ดวงตาดูแจ่มใสราวกับไม่เคยนอนหลับมาก่อน ชุดชาวหูบนร่างของเขารัดเอวเอาไว้แน่น ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี แต่ปกเสื้อครึ่งหนึ่งกลับเปิดอ้าอยู่อย่างไม่เรียบร้อยนัก

จ่างซุนเสินหรงกำลังเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ มือยังคงยื่นค้างอยู่ นิ้วมือดูแล้วยิ่งเหมือนกำลังจะสำรวจเข้าไปในอกเสื้อของเขา นางชักมือกลับมาลูบๆ เส้นผมที่ข้างหูพลางเบิ่งตามองเขา “ท่านถึงกับกล้าสักลาย?”

ถึงแม้จะเห็นไม่ชัด แต่นางเดาว่าลายนั่นก็คือการสักลาย

นางไม่เคยเห็นบุรุษเช่นนี้มาก่อนเลย เป็นทายาทตระกูลขุนนางสูงศักดิ์ ทั้งยังเป็นหัวหน้าฝ่ายทหารที่สะท้านไปทั่วทั้งเมือง กลับมีท่าทางอันธพาลชั่วร้าย แม้แต่การสักลายที่ไม่เหมาะสมกับธรรมเนียมของชนชั้นสูงก็ยังกล้าสัก

นางสวมกระโปรงหรูฉวิน* เอวสูง คนยังคงเคลื่อนร่างเข้ามาใกล้ตัวเขาอยู่ ซานจงหลุบตาลงก็เห็นลำคอที่ขาวปานหิมะของนางแล้ว ห่างกันเพียงนิดเดียว กลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ บนร่างนางแทรกซึมเข้าสู่จมูกของเขา เขาแหงนหน้าไปทางด้านหลัง มือหนึ่งก็ดึงแขนเสื้อลงปกปิดเอาไว้ “เช่นนั้นแล้วจะเป็นอย่างไร”

จ่างซุนเสินหรงมองดูใบหน้าที่เชิดขึ้นของเขา ช่างโอหังเหมือนกับในวันนั้นที่เขาบอกว่าตัวเขาก็คือกฎหมายของโยวโจวเสียจริง นางพลันพูดเสียงเบาว่า “ยามนั้นก็มีแล้วหรือ”

ซานจงมองนาง “ยามใด”

นิ้วของนางวางอยู่บนแขนเสื้อของเขาแล้วดึงลงไป ยื่นตัวเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม “ตอนที่ข้าแต่งงานกับท่าน”

ในดวงตาของซานจงค่อยๆ ลึกล้ำดำมืดขึ้นทุกที นางเหมือนกับกำลังจงใจเตือนถึงความทรงจำในอดีตช่วงนั้น “ใครจะไปจำได้ ข้าลืมไปนานแล้ว”

จ่างซุนเสินหรงไม่พูดอะไรอีก

เขาขยับขาเล็กน้อย ยิ้มพลางกล่าวว่า “ผู้อื่นนึกว่าเจ้ายังไม่ได้แต่งงาน เจ้าทำเช่นนี้ไม่กลัวต่อไปจะแต่งไม่ออกหรือ”

สายตาจ่างซุนเสินหรงเปลี่ยนเป็นเย็นชา กลับมานั่งตัวตรง สะบัดแขนเสื้อดึงมือคืนจากร่างของเขา “นี่ทำให้ท่านวิตกกังวลหรือไร” นางทิ้งท้ายไว้อย่างเย็นชาประโยคหนึ่ง แล้วก็ลุกขึ้นเดินจากไป

ซานจงมองดูเงาหลังของนางที่จากไป คิดในใจว่า ช่างกำเริบเสิบสานมากขึ้นเสียแล้ว

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com