หูสืออีโผล่พรวดออกมาจากในป่า “ท่านหัวหน้า ท่านกับคุณหนูเอาแต่ใจตัวผู้นั้นเป็นอย่างไรกันแน่หรือ นางเหมือนเถียงกับท่านอยู่นี่”
ซานจงกวาดตามองหูสืออีแวบหนึ่ง “ยุ่งเรื่องของเจ้าเถอะ”
เขากับจ่างซุนเสินหรงจะเป็นอย่างไรกันนั้น ก็ไม่อาจอธิบายกับหูสืออีได้เสียด้วย
จางเวยตามเข้ามาพบซานจงในทันที “พวกเขาอยู่ขุดที่นี่มาตั้งนานแล้ว กลับขุดอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ข้ายังบอกว่าควรจะยอมแพ้ได้แล้ว ตอนนี้กลับยิ่งขุดต่ออย่างกระตือรือร้นหนักกว่าเดิมอีก”
ซานจงได้ยินแล้วก็อดมองไปทางเขาแวบหนึ่งไม่ได้ จากนั้นก็เดินไปทางนั้น
หูสืออีส่ายหน้า “ข้าบอกตั้งนานแล้วว่าที่นั่นไม่มีแร่ พวกเขายังจะเสียแรงขุดอะไรกันนักหนา” พูดแล้วก็ผลักจางเวย “ไป พวกเราก็ไปดูกันสักหน่อย”
จากบริเวณหล่มโคลนไปถึงเขาวั่งจี้ แล้วค่อยถึงริมแม่น้ำตามที่จ่างซุนเสินหรงสั่งมาล้วนถูกขุดไปหลายที่แล้ว แต่ไม่พบอะไรเลย ตอนนี้ตงไหลนำคนทั้งหมดไปตรงบริเวณตาภูเขานั้นแล้วก็ขุดลึกลงไป
จ่างซุนเสินหรงยืนอยู่ที่ทางขึ้นเขามองดูอยู่ พอกวาดตาก็มองเห็นเงาร่างของซานจงอีกแล้ว
เขาไม่ได้เข้ามาใกล้ๆ แต่ยืนรับลมอยู่ กอดอกด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับแค่มาดูพวกตนทำงานเท่านั้น
นางทำเหมือนว่าไม่เห็นเขา
ซานจงดูอยู่ชั่วครู่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ คล้ายว่าอยู่นานเกินไปอีกแล้วจึงเอามือที่กอดอกลง ไม่อยู่ดูอีก แล้วก็หันกายคิดจะจากไป
“ประมุขน้อย!” ที่ไกลออกไปตงไหลพลันร้องเรียกขึ้นมา
เขาเดินอย่างรวดเร็วตลอดทางจนถึงเบื้องหน้าจ่างซุนเสินหรง ทั้งร่างมีแต่ฝุ่นโคลน ในมือถือหินเรียบๆ เหมือนถูกตัดก้อนหนึ่งยื่นส่งให้ “พวกเขาขุดเจอเจ้านี่ขอรับ”
จื่อรุ่ยรับมาส่งต่อให้ถึงมือจ่างซุนเสินหรง นั่นเป็นก้อนหินดำเล็กๆ ก้อนหนึ่งที่เหมือนกับถูกไฟเผาจนไหม้ ส่วนปลายมีสีเหลืองผุดขึ้นมา
จ่างซุนซิ่นขยับเข้าไปใกล้ นิ่วหน้าโดยไม่รู้ตัว “ว่าอย่างไร”
จ่างซุนเสินหรงขูดส่วนปลายของหินก้อนนั้นเล็กน้อย แล้วพลันมองไปทางหูสืออีที่รอชมความครึกครื้นอยู่ข้างๆ จางเวย ยื่นหินส่งไปให้ “เจ้ามากัดสักคำสิ”
หูสืออีนิ่งอึ้งไป “อะไรนะ!”
จ่างซุนซิ่นร้อนใจอยากได้ผลลัพธ์ เอามือไพล่หลังมองไป “อะไร นายกองสามารถขัดคำสั่งได้หรือ”
หูสืออีมองซานจงตามสัญชาตญาณ สงสัยว่าคุณหนูเอาแต่ใจตัวผู้นี้ได้ยินที่เขาพูดว่า ‘ไม่มีแร่’ ใช่หรือไม่ จึงจงใจสั่งตนเองเช่นนี้
ซานจงมองเขาจากที่ไกลๆ ไม่แสดงสีหน้าใด กำลังคิดว่าจ่างซุนเสินหรงอยากจะทำอะไรกันแน่
หูสืออีรับสัญญาณทางสายตาของซานจง ได้แต่เข้าไปรับหินก้อนนั้นอย่างเชื่องช้าด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความโมโห คีบหินสีดำๆ นั้นพลางมองจ่างซุนเสินหรง “ต้องกัดจริงๆ หรือ”
“กัดตรงส่วนปลายเท่านั้น ไม่ได้สั่งให้เจ้ากิน” จ่างซุนเสินหรงกล่าว
หูสืออีตั้งใจว่าจะแค่เอาแตะๆ ฟันพอให้ผ่านไป ทว่าพอแตะถูกส่วนนั้นเข้าก็ตะลึงงันไป “หือ? นิ่มหรือนี่!”
จ่างซุนเสินหรงหันกายกลับทันทีและเดินไปทางตาภูเขา
จ่างซุนซิ่นก้าวเร็วๆ ตามจนทัน
ที่เรียกว่า ‘ตาภูเขา’ ก็เป็นเพียงพื้นที่ที่จ่างซุนเสินหรงกำหนดเอาไว้ตรงจุดกึ่งกลางเท่านั้น ด้านหนึ่งเป็นหล่มโคลน อีกด้านหนึ่งเป็นแม่น้ำทางมุมด้านตะวันออกของภูเขา นางยืนอยู่ตรงพื้นที่ที่เพิ่งจะสั่งให้ตงไหลขุดเศษหินที่แตกออกมาได้ เดินไปที่หลุมมองลงไป พอหันกลับมาจ่างซุนซิ่นก็มาถึงตรงหน้าแล้ว
“นั่นคือหินเฟินจื่อ**” จ่างซุนเสินหรงกล่าว
นัยน์ตาจ่างซุนซิ่นเปี่ยมด้วยความประหลาดใจ “จริงหรือ! แต่ไหนแต่ไรมาพวกเราไม่เคยขุดพบหินนี่มาก่อน”
ตอนที่จ่างซุนเสินหรงได้ยินว่าต้นเซี่ยกำนั้นมาจากในภูเขา ก็เดาว่าน่าจะต้องมีหินเฟินจื่ออยู่แล้ว นางยืนนิ่งๆ พลางใช้ความคิด…ภูเขาดิน ต้นเซี่ย หินดำเหมือนกับไหม้ ปลายด้านล่างสีทองนิ่มๆ
ในม้วนหนังสือเพียงให้แต่สถานที่ แต่เรื่องเหล่านี้กลับเพิ่งจะเชื่อมโยงกันขึ้นมาได้ นางมองจ่างซุนซิ่น เอ่ยถามเสียงเบาว่า “ยังจำได้หรือไม่ว่าตอนนั้นเด็กๆ ในฉางอันร้องเพลงว่าอย่างไร”
“บุตรชายสกุลจ่างซุนเขย่าขุนเขาแม่น้ำ พบภูเขาทองคำนำมาถวาย…” จ่างซุนซิ่นปิดปากทันเวลา พลางมองน้องสาว
จ่างซุนเสินหรงยิ้มขึ้นมา “ข้าก็บอกแล้ว ไม่เชื่อหรอกว่าเรื่องนี้พวกเราจะทำไม่สำเร็จ”
ที่นี่มีแร่อยู่จริงๆ มิหนำซ้ำยังเป็นแร่สำคัญที่คาดไม่ถึงอีกด้วย
ไกลออกไป ซานจงมองมาแต่ไกลและหมุนตัวเดินไปหลายก้าว แต่แล้วก็หันกลับมาดูอีก จ่างซุนเสินหรงยืนอยู่ตรงนั้น ลมพัดผ้าป่านที่คลุมปิดหน้าปลิวลอยขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มบนหน้านางที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจที่ประสบความสำเร็จ
เขามองดูภูเขาแถบนี้อย่างพินิจพิจารณา จู่ๆ ก็พลันตระหนักได้ว่าที่นางเข้ามาในภูเขาหลายครั้งดูเหมือนจะมีสาเหตุอยู่