จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า
ทดลองอ่าน จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า บทที่ 11-บทที่ 13
บทที่ 13
ในภูเขามีแร่สำคัญ แต่กลับไม่มีข่าวใดๆ กระจายออกมาเลย
เมื่อถึงวันถัดมาจ้าวจิ้นเหลียนเข้าไปที่จวนว่าการ และได้รับข่าวที่องครักษ์ของสกุลจ่างซุนส่งมา ถึงได้รู้เรื่องนี้ เขาจัดแจงชุดขุนนางให้ดูเรียบร้อยที่สุด อยากจะรีบเข้าไปในภูเขาเพื่อตรวจสอบทันที ทว่ายามออกจากประตูกลับเห็นรถม้าจอดรอที่ข้างนอกประตูใหญ่ของจวนว่าการแล้ว
รอบคันรถมีองครักษ์ของสกุลจ่างซุนล้อมรอบอยู่ จ้าวจิ้นเหลียนยังนึกว่าจ่างซุนซิ่นอยู่ในรถเสียอีก จึงเดินตรงไปข้างหน้ายิ้มพลางพูดว่า “ข้าเพิ่งได้ยินข่าวดีเรื่องนี้ ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีนัก ท่านรองเสนาบดีจ่างซุน คราวนี้คงได้สร้างผลงานครั้งยิ่งใหญ่แล้วล่ะ”
ม่านรถม้าถูกเลิกขึ้น คนที่ออกมาคือจ่างซุนเสินหรง
จ้าวจิ้นเหลียนผิดคาดอยู่บ้าง แต่กลับยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นคุณหนูนี่เอง”
จ่างซุนเสินหรงมองจื่อรุ่ยแวบหนึ่ง “พี่ชายของข้ากำลังยุ่งอยู่กับการเขียนรายงานส่งไปยังเมืองหลวง ข้าได้รับการไหว้วานจากเขาให้มาที่นี่ อยากจะขอให้ท่านผู้ว่าการช่วยสักเรื่องหนึ่ง”
จื่อรุ่ยก้าวขึ้นมาข้างหน้า โค้งกายก้มศีรษะ สองมือประคองส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้
เขาวั่งจี้สูงใหญ่ลึกนับพันจั้ง แร่แม้จะหาพบแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจากนี้ไปจะสามารถเปิดทำเหมืองได้ จำเป็นจะต้องตระเตรียมการอีกมากมายหลายด้าน ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือกำลังคน อาศัยเพียงองครักษ์ที่สกุลจ่างซุนนำมายังไม่เพียงพอเป็นอย่างมาก เนื้อความที่จ่างซุนซิ่นเขียนในจดหมายฉบับนี้ก็คือให้จ้าวจิ้นเหลียนขอยืมกำลังคนของโยวโจว
จ้าวจิ้นเหลียนอ่านจบแล้วก็พูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องยาก รอให้ข้าออกคำสั่งเกณฑ์ชาวบ้านในหัวเมืองก่อน ไม่กี่วันก็สามารถเข้าไปในภูเขาได้ทันที”
จ่างซุนเสินหรงส่ายหน้า “แร่นี้ไม่เหมือนทั่วๆ ไป ใช้ชาวบ้านไม่ได้ ดีที่สุดคือต้องเป็นพวกคนที่ไม่มีทางหลุดข่าวลือออกไปได้”
ที่จริงจ้าวจิ้นเหลียนยังไม่รู้เลยว่าที่พวกเขาหาพบคือแร่อะไร โดยทั่วไปพอพูดถึงแร่ที่มาจากภูเขา หากไม่ใช่ทองแดงก็คือเหล็ก ต่อให้ล้ำค่าก็ไม่ถึงขนาดต้องเข้มงวดเรื่องข่าวลือ เขาอดสงสัยไม่ได้ “เช่นนั้นความหมายของท่านทั้งสองคือ…”
“ข้าอยากจะไปที่คุกใหญ่ของโยวโจวสักเที่ยวหนึ่ง”
จ้าวจิ้นเหลียนเข้าใจความหมายของนางแล้ว “คุณหนูจะบอกว่าต้องการใช้นักโทษหรือ”
จ่างซุนเสินหรงพยักหน้า “ใช้นักโทษทำเหมืองในขั้นตอนที่ยากที่สุด ข่าวลือจะแพร่ออกไปไม่ได้ง่ายๆ เบื้องหลังจะมีกรมโยธาจัดการวางแผนให้ หลังจากนั้นการหลอมแร่ การขนส่ง ทุกอย่างก็จะสามารถทำได้อย่างราบรื่นมากขึ้น นี่ถึงจะเป็นการดีที่สุด”
จ้าวจิ้นเหลียนได้ยินการพูดถึงเหมืองเป็นครั้งแรกจึงยังคงแยกแยะขั้นตอนอยู่ และอดมองนางมากขึ้นไม่ได้
จ่างซุนเสินหรงไม่เข้าไปในจวนว่าการ เพียงคล้องผ้าป่านผืนบางเอาไว้ที่แขนและยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่เช่นนี้เอง ท่าทางสูงศักดิ์ นัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับ แต่พอเป็นเรื่องภูเขาเรื่องแร่เหล่านี้พานเหมือนทำกิจวัตรประจำวัน ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
เขาคิดแล้วคิดอีก “นี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ เพียงแต่ว่าคุกใหญ่ของโยวโจวอยู่ในการดูแลของผู้บัญชาการซาน คุณหนูไยไม่ไปหาเขาเล่า”
จ่างซุนเสินหรงเบะปากเล็กน้อยจนแทบจะสังเกตไม่ออก บุรุษผู้นั้นไม่ใช่จะรับมือได้โดยง่าย ไปพูดกับเขาจะง่ายดายเหมือนกับจ้าวจิ้นเหลียนที่เป็นคนใจดีปฏิเสธใครแทบไม่เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เกรงว่าซานจงคงจะทำให้นางโมโหเสียมากกว่า อีกอย่างนางยังโกรธเขาไม่หายด้วย
นางยิ้มจางๆ “ข้าอยากจะไปเลือกคนด้วยตนเอง งานสำคัญเช่นนี้ไม่อาจเลือกนักโทษส่งเดชมาทำได้”
จ้าวจิ้นเหลียนเพิ่งจะได้เห็นรอยยิ้มของนาง รู้สึกแต่เพียงเกิดความสว่างไสวไปรอบด้าน เขาพลันยิ้มตามขึ้นมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะพาคุณหนูไปเองสักเที่ยวหนึ่ง จะได้ไม่ทำให้ท่านรองเสนาบดีกังวลใจ” พูดจบก็สั่งให้คนไปเตรียมการ แต่ยังแอบพร่ำเตือนว่าจะต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ซานจงทราบ เพราะถึงอย่างไรนั่นก็เป็นขอบเขตพื้นที่ของเขา
ภายในเรือนใหญ่ของจวนบัญชาการทหาร ในมือหูสืออีตอนนี้ยังคงถือหินก้อนเล็กก้อนนั้นอยู่
เขาพึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไรนี่ พวกเราค้นพบแร่แล้วจริงๆ หรือ”
จางเวยเข้ามาใกล้แล้วดึงๆ ตรงส่วนปลายนั่นนิดหน่อย ก่อนเอาข้อศอกกระทุ้งๆ เขา “เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าเจ้าก้อนเหลืองๆ สกปรกนี่เหมือนกับทองคำเชียวล่ะ”
เหลยต้าที่ในปากยังยัดแผ่นแป้งอยู่ครึ่งแผ่นก็ยื่นหน้าเข้ามาดู
จู่ๆ ตรงเบื้องหน้าก็มีฝักดาบฝักหนึ่งลอยเข้ามา หูสืออีตาไวมือไวโยนหินก้อนนั้นทิ้งแล้วรับฝักดาบเอาไว้ได้ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซานจงเดินเข้ามาแล้ว
เขาออกมาขว้างฝักดาบขัดขวางสามคนนั้นได้พอดี ก่อนรัดเกราะช่วงเอวพลางพูดไปด้วย “ทำงานของตนเองให้ดี เรื่องที่ภูเขาหากเบื้องบนไม่มีข่าวคราวอะไรพวกเจ้าก็จงทำเป็นไม่รู้เรื่องเสีย พูดไร้สาระมากมายปานนั้น เรื่องฝึกทหารเป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว”
เหลยต้าแวบหายไปเป็นคนแรก
หูสืออีก็หุบปากฉับ สองมือยื่นฝักดาบส่งคืนกลับไปหาผู้เป็นนาย
ประจวบเหมาะมีพลทหารก้าวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็วส่งข่าวของจ้าวจิ้นเหลียน
ซานจงเอียงศีรษะฟังจนจบ เขารับฝักดาบมาสอดดาบเข้าไป ไม่พูดอะไรก็เดินไปแล้ว
เนื่องจากโยวโจวตั้งอยู่ที่ชายแดนทางตอนเหนือ คุกใหญ่จึงมีนักโทษที่ไม่เหมือนกับคุกปกติ กำแพงสูงภายในคุกใช้หินก้อนใหญ่ก่อขึ้นไป สูงเทียบเท่ากับเจดีย์สองชั้น ภายในคุกยังแบ่งออกเป็นพื้นที่ใหญ่ๆ หลายพื้นที่ มีทั้งนักโทษอุกฉกรรจ์ นักโทษที่ถูกเนรเทศ ไปจนถึงศัตรูนอกด่านต่างถูกแยกขังอยู่ในนั้น ตลอดทางที่เดินมาผู้ที่เฝ้ารักษาการณ์อย่างเข้มงวดกวดขันทุกที่ก็คือทหาร
สถานที่เช่นนี้จู่ๆ ก็มีสตรีเพิ่มเข้ามา ย่อมดึงดูดให้ผู้คนจับจ้องแน่นอน พวกผู้คุมนักโทษเดินนำทางอยู่ข้างหน้า มักจะเหลือบมองไปทางด้านหลังตลอดอย่างอดไม่อยู่
กระโปรงหรูฉวินของจ่างซุนเสินหรงเบาสบาย ก่อนเข้ามาในคุกนางได้สวมเสื้อคลุมกันลมทับไว้เป็นพิเศษและดึงหมวกขึ้นคลุมศีรษะ ทิ้งจื่อรุ่ยเอาไว้ที่ด้านนอกแล้วเดินตามจ้าวจิ้นเหลียน เดินไปพลางดูไปพลาง