บทที่ 3
ออกจากเมืองมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือสิบหลี่* มีที่ตั้งจวนบัญชาการทหารของโยวโจวอยู่ สุดถนนรอบด้านโล่งกว้างไม่มีสิ่งอื่นใดยกเว้นเพียงสิ่งนี้ที่ยึดครองพื้นที่อยู่ หันหลังประจันกับเมืองอันโดดเดี่ยว ท่าทางข่มขวัญผู้คน
เนื่องจากประตูเมืองเปิดช้าปิดเร็ว จ่างซุนเสินหรงจึงนั่งรถม้าไปตามทางโดยไม่หยุดแวะพักที่ใด ภายในเวลาอันรวดเร็วก็ไปถึงที่หมาย
พระอาทิตย์กำลังจะตก นางเลิกม่านรถขึ้น มองประตูใหญ่ที่ทั้งสูงและกว้างของจวนบัญชาการทหารแห่งนั้น “คือที่นี่หรือ”
จื่อรุ่ยที่อยู่ด้านนอกรถขานรับ “ใช่เจ้าค่ะ”
ด้านหลังรถม้าเป็นองครักษ์ที่ขี่ม้าคุ้มกันอยู่สิบกว่าคน ตามที่พวกเขารายงานพวกของตงไหลหลายคนล้วนถูกนำตัวมาที่นี่
จ่างซุนเสินหรงออกไปนอกรถอย่างไม่ลังเลสักนิด “เช่นนั้นรออันใดเล่า ยังไม่เข้าไปอีก”
ประตูจวนบัญชาการทหารเข้มงวดในการเข้าออก องครักษ์สองคนจึงเข้าไปเจรจาก่อน ทหารที่เฝ้าประตูถึงได้ยอมให้เข้าไป พร้อมกันนั้นก็มีทหารเข้าไปรายงานแล้ว
จ่างซุนเสินหรงไม่รอแม้เพียงชั่วขณะ ก้าวเท้าเข้าไปข้างในไม่หยุด
ในหมู่เรือนขนาดใหญ่ที่มีลานกว้างสร้างกำแพงสูงล้อมรอบ มีทหารหน่วยหนึ่งกำลังเฝ้าอยู่ที่นั่น ทันทีที่รู้สึกว่ามีคนเข้ามาก็พากันหันไปมอง ก่อนเห็นองครักษ์กลุ่มหนึ่งที่เดินนำหน้าแยกออกเป็นซ้ายขวาเปิดเป็นทางสายหนึ่ง หลังจากยืนอย่างมั่นคงแล้วก็มีหญิงสาวผู้หนึ่งก้าวออกมาจากทางด้านหลัง
จ่างซุนเสินหรงมาอย่างเร่งรีบไม่ทันได้สวมเสื้อคลุมกันลม ทั้งไม่ได้สวมหมวกคลุมปิดบัง เพียงสวมกระโปรงเอวสูงผูกไว้หลวมๆ ดูสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติ คิ้วและดวงตาประหนึ่งวาดขึ้น ไม่ว่ายืนอยู่ตรงที่ใดก็ทำให้คนทั้งกลุ่มมองเป็นตาเดียวแล้ว
ที่มุมของอีกฟากหนึ่งมีหลายคนยืนขึ้นมาในทันที ต่างมองมาทางนางแล้วก็คุกเข่าลง ซึ่งก็คือพวกตงไหลนั่นเอง “ประมุขน้อย!”
จ่างซุนเสินหรงเห็นหลายคนนั้นปลอดภัยดี ถึงได้มองไปที่ทหารหน่วยนั้น “พวกเขาอาศัยอำนาจใดมาจับคน”
ตงไหลตอบว่า “พวกเขาบอกว่าพวกเราฝ่าเข้าภูเขาข้ามแม่น้ำมาเช่นนี้ ท่าทางดูน่าสงสัย แล้วยังเป็นคนแปลกหน้าอีก จำเป็นต้องพาตัวกลับมาสอบสวนขอรับ”
จวนบัญชาการทหารมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ฟังดูแล้วไม่อาจตำหนิได้ว่ากระทำหนักเกินไป จ่างซุนเสินหรงแค่นเสียงเฮอะเบาๆ คราหนึ่ง แต่ที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
ในช่วงเวลานี้เองทหารเฝ้าประตูที่ไปรายงานก็ออกมาจากโถงว่าการแล้ว ที่ออกมาพร้อมกันยังมีชายฉกรรจ์บึกบึนแข็งแรงผิวดำคล้ำซึ่งที่ด้านหลังมีทหารสองนายถืออาวุธตามมาติดๆ
ครั้นมาถึงตรงเบื้องหน้า สายตาของชายฉกรรจ์ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทั่วร่างของจ่างซุนเสินหรงรอบหนึ่ง แล้วถึงกำหมัดประสานมือ “โปรดแจ้งสถานะให้ชัดเจนด้วย”
เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ไม่ต้องลำบากให้จ่างซุนเสินหรงเอ่ยปาก จื่อรุ่ยก็ขึ้นไปข้างหน้า ยื่นเอกสารที่เตรียมไว้เรียบร้อยก่อนแล้วให้ “จวนจ้าวกั๋วกงแห่งฉางอัน สกุลจ่างซุน”
คงเป็นเพราะคิดไม่ถึง ชายฉกรรจ์จึงเหลือบมองจื่อรุ่ย แล้วรู้สึกว่าดูไม่เหมือนพูดโอ้อวดจึงรับเอกสารไปพลิกอ่านทันที เป็นหนังสือสัญญาขายตัวเป็นทาสในเรือน เขาหันไปทางด้านหลังแล้วผงกศีรษะคราหนึ่ง ทหารกลุ่มนั้นได้รับสัญญาณก็กลับเข้าโถงว่าการในเรือนใหญ่ไป
เขาส่งเอกสารคืนให้จื่อรุ่ย กล่าวอย่างชัดเจนว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้พวกท่านก็สามารถพาคนไปได้แล้ว” พูดจบทหารสองนายที่ด้านหลังของเขาก็เดินไปตรงหน้าตงไหล คืนอาวุธให้พวกเขา
จ่างซุนเสินหรงไม่กล่าววาจา เพียงเบือนหน้าไปเล็กน้อย เหลือบมองไปทางนายทหารผู้นั้น และเม้มริมฝีปากขึ้นมา
จื่อรุ่ยเห็นสีหน้าท่าทางนี้ก็รู้แล้วว่าผู้เป็นนายมีความไม่พอใจ จึงพูดทันทีว่า “จับคนของพวกเรามาแล้ว แค่พูดประโยคเดียวนี้ก็คิดจะส่งคนไปแล้วหรือ”
ชายฉกรรจ์มองดูจ่างซุนเสินหรง แล้วก็มองเลยไปยังอาวุธหลายชิ้นที่เพิ่งถูกส่งคืนกลับไป ทางจวนบัญชาการทหารได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว อาวุธหลายชิ้นนั้นไม่ใช่อาวุธทางทหาร องครักษ์ของจวนใช้ดาบก็เพียงพอแล้ว ดูจากลักษณะของดาบก็รู้แล้วว่าผลิตขึ้นที่ฉางอัน เวลานี้ได้รับทราบแล้วว่าหลายคนนี้เป็นบ่าวรับใช้ในเรือนที่มาจากจวนจ้าวกั๋วกงแห่งฉางอัน พอเอามาเทียบกันแล้ว ก็เพียงพอจะพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ใช่พวกศัตรูที่น่าสงสัยอะไรเช่นนั้น
ถึงแม้จะไม่รู้ความเป็นมาของหญิงสาวอายุน้อยที่อยู่ตรงหน้านี้ แต่ดูจากลักษณะนางแล้วฐานะในจวนจ้าวกั๋วกงคงไม่ต่ำต้อยแน่ ชายฉกรรจ์ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าไม่จำเป็นต้องใช้แข็งกระแทกแข็ง จึงรีบเปลี่ยนท่าที ปั้นรอยยิ้มไปทางจ่างซุนเสินหรงพลางประสานมือคารวะอย่างจริงจัง “ได้ เป็นพวกเราที่ทำผิดไปแล้ว ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยปลอดภัย”
นี่ค่อยดูเหมือนภาษาคนพูดหน่อย จ่างซุนเสินหรงหันไปมองตงไหล เขาพาคนเดินเข้ามาและยืนก้มหน้าอยู่ตรงเบื้องหน้านางแล้ว
“กลับไปแล้วค่อยว่ากัน” นางคิดว่าตงไหลตำหนิตนเองที่ทำให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมา จึงไม่พูดอะไรให้มาก เพิ่งหันหน้ากำลังจะไปก็เหลือบไปเห็นที่มุมหน้าผากของเขา ฝีเท้าของนางหยุดชะงักทันที “เงยหน้าขึ้น”
ตงไหลได้ยินคำสั่งก็เงยหน้าขึ้น