จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า
ทดลองอ่าน จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า บทที่ 5-บทที่ 6
ถึงบอกว่าเป็นห้องหลักแต่กลับเหมือนห้องว่างที่ไม่ได้ใช้งานมานานแล้วเสียมากกว่า ไม่มีร่องรอยของคนอยู่แม้แต่น้อย ตรงข้ามกับเตียงมีโต๊ะเล็กอยู่ตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีแท่นไม้ที่ใช้วางดาบซึ่งขณะนี้ว่างเปล่า ฉากกั้นมีทั้งหมดสี่บาน บนนั้นวาดรูปทิวทัศน์ของลั่วหยาง ข้างหน้าต่างมีตั่งยาวตัวหนึ่ง ปูด้วยขนเตียว* หนาๆ นี่ก็คือภาพทั้งหมดทั่วทุกด้าน
ที่นางขมวดคิ้วกลับมิใช่เพราะความเรียบง่ายแต่เป็นเพราะดูคุ้นตา ห้องนี้คล้ายห้องที่นางเคยอยู่ที่จวนสกุลซานในตอนนั้นเป็นที่สุด ที่แตกต่างมีเพียงที่นี่จัดวางเครื่องเรือนอย่างธรรมดา ข้าวของก็ดูหยาบๆ ไม่ได้ราคาสูงเท่านั้น
เหอซื่อเพิ่งมองประเมินรูปโฉมโนมพรรณของจ่างซุนเสินหรง เห็นนางขมวดคิ้วก็รีบถาม “หรือคุณหนูไม่พอใจ”
จ่างซุนเสินหรงได้สติ “ไม่ใช่เช่นนั้น”
เหอซื่อโล่งอก “ข้ายังกังวลว่าจะเป็นเพราะผู้บัญชาการซานเสียอีก”
จ่างซุนเสินหรงมองนาง “เกี่ยวอันใดกับเขาเล่า”
เหอซื่อยิ้มพลางพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าท่านทั้งสองพักชั่วคราวที่จุดพักม้าอยู่หลายวัน กลัวว่าจะไปได้ยินอะไรมา จนถูก ‘ชื่อเสียง’ ของผู้บัญชาการซานที่ข้างนอกขู่ขวัญจนกลัวไปแล้ว”
จ่างซุนเสินหรงได้ยินเหอซื่อพูดอย่างไม่มีหัวไม่มีท้าย ยังคงไม่ชัดเจนถึงความเกี่ยวพันในเรื่องนี้ ก่อนถูกคำพูดของนางหันเหความคิดไป “อ้อ? เขามีชื่อเสียงอย่างไรบ้างหรือ”
เหอซื่อเดิมไม่คิดจะพูดมาก แต่คนที่อยู่ตรงหน้านี้คือทายาทของขุนนางที่มีบรรดาศักดิ์ในฉางอัน ผู้ที่มีคุณูปการในการสถาปนาบ้านเมืองจะต้องมีสกุลจ่างซุนของนางด้วยแน่นอน เหอซื่อย่อมตั้งใจจะผูกไมตรีกับนางอยู่แล้ว ในอนาคตไม่แน่อาจจะมีประโยชน์กับเส้นทางการเป็นขุนนางของสามีก็ได้ จึงรับคำอย่างยินดีและนั่งลงไป พูดเสียงเบาว่า “พวกเราพูดกันเป็นการส่วนตัวกลับไม่เป็นไร ถือว่าแค่ให้คุณหนูซึ่งเป็นผู้มาใหม่ได้เปิดหูเปิดตา ผู้บัญชาการซานไม่ใช่คนธรรมดาทั่วๆ ไปหรอกนะ ในโยวโจวนี้ไม่มีใครกล้ายั่วยุเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นับตั้งแต่ทหารในจวนบัญชาการของเขาไปจนถึงชาวบ้านตามท้องตลาด หรือแม้แต่พวกผู้ร้ายเหล่านั้นก็ล้วนแต่เชื่อฟังเขา ความสามารถช่างร้ายกาจเหลือเกินจริงๆ”
สายตาจ่างซุนเสินหรงดูล้ำลึก “อย่างนั้นหรือ”
แต่ข้าไม่แค่ยั่วยุ ถึงกับแต่งงานไปด้วยแล้วล่ะ
เหอซื่อพยักหน้าแล้วยิ้มอีก “ถึงแม้สามีข้าจะเป็นหัวหน้าขุนนางที่โยวโจวนี้ ก็ยังต้องเคารพเขาอยู่สามส่วน นั่นเพราะความสงบภายในและการป้องกันภายนอกของโยวโจวล้วนขาดเขาไม่ได้ แต่ว่าที่นี่ทั้งคนดีคนเลวปะปนกันไปหมด ถ้าหากเขาไม่ร้ายกาจพอ แล้วจะควบคุมคนอยู่ได้อย่างไรกัน”
จ่างซุนเสินหรงส่งเสียงอืมคำหนึ่ง เหอซื่อสมเจตนาแล้วก็หยุด แต่ก็ยังพูดให้เขาดูดีในตอนท้าย ทว่านางล้วนฟังผ่านหูไปทั้งสิ้น ตอนที่อยู่บ้านสกุลซานนางก็ดูออกแล้วว่าบุรุษผู้นั้นไม่ใช่สุภาพชนแบบคุณชายตระกูลเก่าแก่คนอื่นๆ พวกนั้น แต่เมื่อมาถึงที่นี่นางถึงได้พบว่า…เขายิ่งไปไกลจนไร้ขีดจำกัดเช่นนี้
หลังจากเหอซื่อจากไปได้ไม่นาน ตงไหลก็พาจื่อรุ่ยกับบ่าวไพร่ของสกุลจ่างซุนคนอื่นๆ ที่มาจากจุดพักม้าเข้ามา
จื่อรุ่ยรู้ว่าประมุขน้อยรักความสะอาดเป็นที่สุด แต่เพราะน้ำใจไมตรีอันยิ่งใหญ่ของท่านผู้ว่าการเป็นอุปสรรคที่ทำให้ต้องทนมาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นเรื่องแรกก็คือเข้าไปในห้องปรนนิบัติประมุขน้อยของนางเปลี่ยนเสื้อผ้า ผลก็คือทันทีที่เข้าไปดูในห้องนางก็ต้องตะลึงแล้วตะลึงอีก
ตอนนั้นนางติดตามจ่างซุนเสินหรงที่ไปแต่งงานยังสกุลซานที่ลั่วหยาง คอยรับใช้อยู่ครึ่งปี ย่อมต้องจำลักษณะห้องของคุณชายใหญ่สกุลซานที่นางไปอาศัยอยู่ได้แน่นอน รูปร่างหน้าตาของซานจงนางก็เคยเห็นมาแล้ว เพียงแต่ตอนนี้แสร้งทำเป็นจำไม่ได้ก็เท่านั้นเอง จะได้หลีกเลี่ยงการทำให้จ่างซุนเสินหรงไม่สบายใจ
ตงไหลก็เกือบจะเหมือนนาง…แสร้งทำเป็นเบื้อใบ้ไปหมด
จ่างซุนเสินหรงเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยการปรนนิบัติจากนางเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็ถามขึ้น “เขายังอยู่หรือไม่”
จื่อรุ่ยยังไม่ได้สติกลับมาในขณะนั้น “ประมุขน้อยถามถึงใครเจ้าคะ”
นิ้วมือของจ่างซุนเสินหรงวนอยู่บนสายรัดเอวที่ทำจากผ้าไหม “ช่างเถอะ ไม่มีอะไร” พูดจบก็ออกจากประตูไป และสั่งให้พวกเขาไม่ต้องติดตาม
จ้าวจิ้นเหลียนน่าจะยังไม่กลับไป ที่เรือนชั้นนอกมีเสียงคนดังมา จ่างซุนเสินหรงเดินออกจากเรือนชั้นใน เลี้ยวที่มุมระเบียง นางไม่สนใจความมืดที่อยู่เบื้องหน้า พลันพบร่างในชุดสีดำปรากฏขึ้นในสายตา
เท้าข้างหนึ่งที่สวมรองเท้าขี่ม้าของบุรุษเหยียดยื่นมาตรงเบื้องหน้านาง เขากอดอกอยู่ ร่างพิงเอียงๆ กับกำแพง ขวางทางไปของนางไว้
จ่างซุนเสินหรงตะลึงงันอยู่บ้าง จากนั้นก็มีอาการตอบสนองกลับมาทันที ไม่ต้องถามแล้ว เขายังอยู่!
“ทำอะไร” นางเงยหน้าขึ้น
ซานจงก้มหน้าลงมองนาง “เจ้าไปเปลี่ยนคำพูดกับจ้าวจิ้นเหลียนเสีย เปลี่ยนให้ผู้อื่นมาคุ้มกันเจ้า”
หัวคิ้วของจ่างซุนเสินหรงขมวดเล็กน้อยแล้วก็คลายออก เขาตามนางมา ที่แท้ก็เพื่อเรื่องนี้ “อาศัยฐานะใดกัน” นางเกิดอาการพยศขึ้นมาทันที เบือนหน้าหนี “ข้าไม่ทำหรอก”
ไม่มีเสียงตอบกลับ
ตอนที่นางทนไม่ไหวแล้วเหลือบมองกลับไป กลับเห็นซานจงยังคงมองนางอยู่
ที่กระทบกับสายตานางก็คือจู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา มือที่กอดอกคลายออก “เพราะเหตุใด หรือว่าที่มาโยวโจวนี้…เจ้ามาเพราะข้า?”
คิ้วของจ่างซุนเสินหรงเลิกขึ้นทันที ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน “ท่าน…ท่านฝันไปเถอะ!”
ดวงตาของซานจงลึกล้ำดำมืด “ไม่ใช่ก็ดีแล้ว”
ในใจส่วนลึกของจ่างซุนเสินหรงราวกับมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา แผดเผาอย่างรุนแรง นางโต้ตอบกลับไปในทันที พูดอย่างเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า “ท่านกำลังกระตุ้นข้า” พูดพลางนางก็ฉีกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาหยีเหมือนพระจันทร์เสี้ยว “กระตุ้นข้าไปก็ไม่มีประโยชน์”
นี่เป็นการแส่หาเรื่องของเขาเอง ซึ่งก็เป็นผลจากการที่ดาบของเขาล่วงเกินนางเมื่อตอนก่อนหน้านี้