จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า
ทดลองอ่าน จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า บทที่ 7-บทที่ 8
เสียงการฝึกดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ในจวนบัญชาการทหาร
รองเท้าขี่ม้าของซานจงย่ำไปบนพื้น เดินอยู่ในลานประลอง บนร่างสวมเพียงเสื้อบางๆ ตัวเดียว เขาผ่านไปที่ใดก็ไม่มีใครกล้าเกียจคร้าน เสียงตะโกนดังขึ้นประชันกัน เค้นเรี่ยวแรงที่ใช้ดูดน้ำนมมารดาออกมาฝึกเข้าปะทะกันจนสุดกำลัง
เขาตรวจแถวทหารไปถึงท้ายแถว จู่ๆ ก็หยุดเท้า ทหารตรงนั้นพอเห็นเขาหยุดลงที่ตรงข้างหน้า มือก็สั่นไปหมดทันที
ซานจงหันหน้าไป “ใครอยู่ในแถว”
นายกองที่ชื่อเหลยต้าก้าวออกมายืน “ท่านหัวหน้า เป็นคนของข้าเอง”
เขาชี้ไปที่ทหารนายนั้นทันที “ฝึกมาจนถึงตอนนี้ แขนยังไม่แข็งเลย เจ้าใช้คนที่เท้าเป็นหลักหรือไร”
เหลยต้าเห็นสีหน้าผู้เป็นนายถมึงทึงอย่างยิ่งแล้ว ใบหน้าก็ซีดลงอย่างรวดเร็ว “ขอรับ! ตามกฎระเบียบ ทหารในกองของข้าทั้งหมดนับแต่วันนี้ไปจะต้องฝึกเพิ่มทุกวัน ถ้ามีครั้งหน้าข้าจะลงโทษตามวินัยทหารเองขอรับ”
ทหารนายนั้นตกใจกลัวจนไม่กล้าขยับเขยื้อนตั้งนานแล้ว
ฝักดาบในมือของซานจงเคาะไปที่แขนของทหารนายนั้นทีหนึ่ง “ฝึกให้ดีๆ มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องรอให้พวกที่นอกด่านนั่นมาทำลายแขนคู่นี้ของเจ้าแล้ว ข้าจะตัดให้เจ้าก่อนเอง”
“ขอ…รับ…” เขาทำได้แค่พ่นเสียงออกมาจากร่องฟันที่สั่นระริกสองคำเท่านั้น
รอจนซานจงเดินไปแล้ว การฝึกของคนอื่นๆ ก็ดำเนินไปเหมือนไม่เคยหยุดลงมาก่อน
หูสืออีมาจากทางด้านหลัง ตบหลังเหลยต้าที่เพิ่งถูกตำหนิไปทีหนึ่ง “ปล่อยวางหน่อย พวกเรามีใครไม่เคยผ่านเรื่องนี้มาก่อนบ้าง เวลานี้กลับอิจฉาเจ้าบ้าจางเวยนั่นที่สามารถถูกส่งออกไปแล้ว”
เหลยต้ามองตามทิศทางที่ซานจงจากไป พึมพำว่า “ท่านหัวหน้าทุ่มเทจนสุดกำลังตั้งหลายปีปานนี้แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน”
หูสืออีผลักใบหน้าใหญ่ๆ ของเขาไปทีหนึ่ง “แสร้งทำเป็นผู้มากประสบการณ์อะไรกัน พวกเราใครบ้างที่ไม่ใช่เพิ่งติดตามท่านหัวหน้าเมื่อสามปีก่อน กลับทำเหมือนเจ้ารู้เบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าเสียอย่างนั้น”
สามปีก่อนซานจงรับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารรักษาเมืองของโยวโจว พวกเขาถึงทยอยกันมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ก่อตั้งจวนบัญชาการทหารอันใหญ่โตมโหฬารแห่งนี้ขึ้น นอกจากรู้ว่าเขามีที่มาจากสกุลซานที่เป็นฝ่ายทหารในลั่วหยางแล้ว ก็ไม่รู้อะไรอีกเลย
ด้านหลังจวนบัญชาการมีหมู่เรือนพักที่มีลานล้อม เรียบง่ายและค่อนข้างจะเก่า เดิมทำไว้ให้ทหารยามที่อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ใช้พักอาศัย ตอนนี้หนึ่งในนั้นได้กลับกลายเป็นที่พักของผู้บัญชาการทหารรักษาเมืองไปแล้ว
ซานจงผลักประตูเดินเข้าไป วางดาบในมือลง เพิ่งจะหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันสับสนวุ่นวายที่ด้านนอก และมีพลทหารนายหนึ่งกำลังตะโกนเสียงดัง “ท่านผู้สูงศักดิ์โปรดรอก่อน ขอให้พวกข้ารายงานก่อน!”
เขาโยนผ้าทิ้ง หยิบชุดชาวหูขึ้นมาคลุมลงบนร่างแล้วเดินออกไป
เพิ่งออกจากประตู ที่เบื้องหน้าก็มีพลทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามา “ท่านหัวหน้า คนที่มาหาท่าน…”
ซานจงช้อนตามองไปเห็นจ่างซุนเสินหรงกำลังพาตงไหลเดินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
นางตรงดิ่งโดยไม่ว่อกแว่กมาตลอดทาง พุ่งตรงมาที่นี่ จนกระทั่งได้เห็นเขาเดินออกมาจากในห้อง ถึงหยุดลงโดยทันที
ซานจงโบกมือให้พลทหารถอยออกไป แล้วยกมือขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน
จ่างซุนเสินหรงมองดูเขา แล้วก็มองดูห้องที่อยู่ด้านหลังเขาอีกที ถึงได้เอ่ยปากเป็นประโยคแรกว่า “ท่านอยู่ที่นี่เองหรือ”
ซานจงสอดสาบเสื้อด้านหน้าเก็บให้เรียบร้อย “ใช่แล้ว มีอันใดหรือ”
ตอนที่มาจ่างซุนเสินหรงโมโหเป็นที่สุด ชัดเจนว่าเขาล่วงเกินนางก่อนดาบหนึ่ง ยังจะอาศัยอะไรมาขับไล่คนที่มาหาอย่างขอไปทีอีก แต่ตอนนี้นางกลับไร้คำพูดแล้ว
นางนึกถึงหลังจากที่แต่งงาน พวกเขาได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ตอนนั้นเขาได้รับคำสั่งเคลื่อนย้ายกำลังทหาร กำลังเตรียมตัวจะไปจากจวน นางผลัดเปลี่ยนชุดแต่งงานรีบออกมาส่งเขา ก็เห็นคนรับใช้กลุ่มใหญ่รุมล้อมรอบตัวเขาเสียก่อน
เขายืนอยู่อย่างสง่างามสูงเด่นท่ามกลางหมู่คน ปล่อยให้ผู้คนรุมถอดชุดเจ้าบ่าวออกอย่างตั้งอกตั้งใจ เปลี่ยนเป็นสวมชุดเกราะ คลุมทับด้วยเสื้อคลุมกันลม ที่ด้านข้างยังมีบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติอีกแถวหนึ่ง บ้างก็ถือดาบ บ้างก็ถือแส้ให้เขา ทุกอย่างไม่ต้องลำบากให้เขาทำเอง รอจนเขาพบเห็นนาง นัยน์ตาดำสนิทกวาดมาบนร่างนางเหมือนดาบอู่โกว* ที่คาดอยู่ตรงเข็มขัด เย่อหยิ่งโอหังแบบผู้มีตำแหน่งสูงส่งอันบริสุทธิ์…
บุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของสกุลซานแห่งลั่วหยางมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ทางเบื้องนอก ลูกหลานตระกูลเก่าแก่ในเมืองหลวงตะวันออกตะวันตกทั้งสองเมืองจำนวนไม่น้อยก็กดข่มประกายอันแหลมคมของเขาเพียงคนเดียวไม่ลง อายุเพียงสิบเจ็ดปีก็สร้างความดีความชอบ สิบแปดปีก็นำทัพแล้ว หลังจากนั้นมาก็ถูกโยกย้ายไปประจำการตามหน่วยรักษาการณ์ทุกแห่ง ถูกมอบหมายให้รับภาระหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่า ประสบความสำเร็จไปทุกหนทุกแห่ง
คนข้างนอกล้วนพูดกันว่าเส้นทางในอนาคตของคุณชายใหญ่สกุลซานไร้ขีดจำกัด ในอนาคตจะต้องได้เป็นขุนนางใหญ่คุมชายแดนด้านใดด้านหนึ่งเป็นแน่ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ ซึ่งก็คือตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ว่าการทั่วทั้งภูมิภาค ตอนที่บิดามารดาของนางเลือกเขาให้กับนาง บิดายังเคยพูดอย่างพึงพอใจว่า ‘หยิ่งผยองเทียมฟ้าเช่นนี้ถึงจะคู่ควรกับบุตรสาวที่มีความสามารถเทียมฟ้าของข้าหน่อย’
ตอนที่จ่างซุนเสินหรงแต่งงานกับเขา เขายังเป็นคนที่หยิ่งผยองเทียมฟ้าดังที่เล่าลือกันอยู่เลย แต่ตอนนี้เขาเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่ชายแดนด้านนี้ เป็นเพียงแค่ผู้บัญชาการทหารรักษาเมืองของท้องที่เท่านั้น ที่พักซึ่งอย่างมากที่สุดก็เป็นเพียงห้องพักซึ่งแสนจะธรรมดาจนเรียกได้ว่า ‘หยาบๆ’ เช่นนี้ ไม่มีคนมาคอยปรนนิบัติอีกแล้ว และดูเหมือนเขาจะเคยชินมานานแล้วเหมือนกัน
นางค่อยๆ ได้สติกลับมา ก่อนจำได้อย่างชัดเจน เขาต้องกลายเป็นเช่นนี้นับแต่ออกจากบ้านสกุลซานไป เพื่อจะได้ตัดขาดจากนาง เขาปฏิเสธนางก็เพื่อจะได้แยกทางกับนาง ถึงกับไม่เสียดายที่จะทิ้งทุกอย่างที่มี ไม่แปลกที่หลังยอมรับคำสั่งของท่านผู้ว่าการให้มาดูแลนางแล้ว วันนี้กลับไม่โผล่หน้าไปเลย
ในหัวใจของจ่างซุนเสินหรงเหมือนกับมีคมมีดกรีดเฉือนอยู่ที่ใดสักแห่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด สายตาห่างเหิน “ข้ามาเพื่อเตือนท่าน ที่บอกกับผู้ว่าการจ้าวไว้คือให้ท่านไป”
ซานจงคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว รู้สึกว่านางกำลังเอาผู้ว่าการมาข่มทับเขา สีหน้าดูคล้ายยิ้มไม่ยิ้ม “ข้ามีภารกิจยุ่งมากยิ่งนัก ยุ่งเกินกว่าจะปลีกตัวไปได้ ท่านผู้ว่าการเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองของท้องถิ่น ข้าเป็นหัวหน้าฝ่ายการทหารของท้องถิ่น เขาวุ่นวายกับข้าไม่ได้หรอก”
ดังนั้นที่เขาบอกให้นางไปเปลี่ยนคำพูดก็นับว่าเป็นการรักษาหน้าให้นางแล้ว
ในใจของจ่างซุนเสินหรงมีคลื่นโหมกระหน่ำ “ไม่ว่าท่านจะไปหรือว่าไม่ ข้าก็ไม่เห็นว่าจะสำคัญอะไรเลย” นางพูดจบก็หันหลังแล้วเดินจากไปทันที
ตอนนั้นเขาแยกทางกับนางก็ไม่เห็นจะสำคัญอะไร ตอนนี้ก็ไม่เห็นสำคัญเหมือนดังเช่นในอดีตด้วยเหมือนกัน
ซานจงจัดเสื้อผ้าชาวหูจนเรียบร้อย ยืนอยู่อย่างสบายๆ มองดูนางที่เดินออกไปโดยไม่เหลียวหลัง ในใจคิดว่า นี่ไม่ดีเลยสักนิด คนที่ตัดขาดกันไปแล้วก็ควรจะตัดให้ขาดสนิทสิ ข้าไม่คิดจะไปมีความเกี่ยวข้องอะไรอีก แต่พริบตาเดียวเขาก็สังเกตเห็นตงไหลที่กำลังจะไปเช่นกัน
“ช้าก่อน” เขาถาม “มีเจ้าเพียงคนเดียวที่ติดตามนางมาหรือ”
ตงไหลหยุดเท้าตอบว่า “ใช่ขอรับ” แล้วมองเขาอย่างแปลกๆ แวบหนึ่ง จากนั้นค่อยก้าวเท้าไล่ตามนางไปอย่างรวดเร็ว
ซานจงมองไปที่เงาหลังของจ่างซุนเสินหรงอีกครา สีหน้าครุ่นคิดหนัก นางใจกล้าไม่เบา พาคนมาเพียงคนเดียวก็กล้าออกจากเมืองเข้าไปในภูเขา เห็นที่นี่เป็นสถานที่เยี่ยงไรไปแล้ว!
“สืออี!” เขาหันกายไปหยิบดาบอย่างหมดความอดทน “พากองทหารเข้ามา!”
จ่างซุนเสินหรงเพิ่งพ้นหน้าประตูใหญ่ของจวนบัญชาการ ขณะกำลังจะจากไป หูสืออีก็นำพลทหารกองหนึ่งไล่ตามออกมา นางเหลือบตามองจากบนหลังม้าแวบหนึ่ง “จะทำอะไร ข้าไม่ได้มาหาคนที่เหลือนอกจากนี้”
หูสืออีได้แต่แค้นที่ตนเองเป็นพวกปากอีกา ไม่ควรไปพูดว่าอิจฉาจางเวยเลย! คราวนี้ดีแล้ว ตนเองก็เลยต้องมาคอยรับใช้นางด้วย! เขาเพียงปิดปากแน่นสนิท แล้วถอยเปิดทางให้
ที่ด้านหลัง ซานจงมือหนึ่งถือดาบโดดขึ้นหลังม้า ออกจากประตูใหญ่ของจวนบัญชาการมา
“ผู้สูงศักดิ์มาที่นี่เที่ยวหนึ่งแล้วก็จะเข้าไปในภูเขา หากประสบอันตราย จวนบัญชาการคงสลัดความรับผิดชอบไม่พ้น” เขาตรงมาที่เบื้องหน้าจ่างซุนเสินหรง ตัวตั้งหลังตรงอยู่บนหลังม้าตัวสูงใหญ่ เปรียบกับนางยังสูงกว่าอีกหนึ่งช่วง “จะส่งเจ้าเข้าไปในภูเขา”
ที่แท้เป็นเช่นนี้ จ่างซุนเสินหรงปรายตามองเขา ในใจครุ่นคิดถึงสองคำนั้นซ้ำไปซ้ำมา ‘ผู้สูงศักดิ์’ นางเบือนหน้าไปแล้วหนีบท้องม้าเบาๆ คราหนึ่ง ชิงขึ้นไปบนถนนก่อน “ส่งพระต้องส่งถึงตะวันตก* ส่งแค่ครึ่งทางข้ายังคงไม่เห็นจะสำคัญอะไร”
ซานจงปล่อยให้นางไปก่อนระยะหนึ่งถึงได้ตามไปอย่างไม่รีบร้อน คิดอย่างขบขันว่า ได้คืบจะเอาศอกให้ได้เลยสินะ