บทที่ 9
ฤดูใบไม้ร่วงของโยวโจวค่อนข้างพิเศษอยู่บ้าง แม้จะปลอดโปร่งแจ่มใสเป็นส่วนใหญ่ แต่บางครั้งก็มีลมกระโชกรุนแรงมาด้วย
ในจวนพักขุนนาง ก่วงหยวนดันต้นไม้ที่ดอกถูกลมพัดจนเอียงต้นหนึ่งขึ้นไปพลางมองสำรวจไปทางเรือนชั้นในด้วย บรรดาบ่าวรับใช้สกุลจ่างซุนกำลังเดินขวักไขว่ยุ่งกับการทำหน้าที่อย่างมีระเบียบแบบแผน ปรนนิบัติรับใช้เจ้านายของพวกเขา ถึงตอนนี้เขาก็รู้สึกเหนือความคาดหมายมากที่คนเข้ามาพักที่นี่เป็นฮูหยินเมื่อครั้งอดีตไปได้
หลายวันก่อนเขาเห็นกับตาว่าคนจากจวนจ่างซุนที่นี่เกือบจะขนคนทั้งหมดเข้าไปในภูเขาพร้อมกันกับจางเวยจากจวนบัญชาการ จวบจนตอนที่ประตูเมืองใกล้จะปิดถึงกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ แล้วถึงกับยังมีหูสืออีที่นำกำลังพลอีกหน่วยหนึ่งเพิ่มมาด้วย ทว่าหลายวันมานี้กลับไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย และก็ไม่รู้ว่ากำลังวุ่นวายอยู่กับอะไรด้วย
ขณะที่ก่วงหยวนกำลังแอบคิดอยู่ใต้ระเบียงทางเดินก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ เงาร่างของสตรีนางหนึ่งเดินเอื่อยๆ มา แขนเสื้อสะบัดพลิ้วไปตามสายลม ก่วงหยวนรีบก้มศีรษะหลบด้วยรู้ว่าผู้ที่มาคือใคร
เสียงฝีเท้านั้นหายไปอย่างรวดเร็ว เขาคิดว่าน่าจะผ่านไปแล้ว แต่พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องรีบก้มศีรษะลงไปอีก
จ่างซุนเสินหรงยืนมองเขาอยู่ที่ข้างราวระเบียงนี้เอง “ก่วงหยวน”
ก่วงหยวนได้แต่เงยหน้าขึ้น “ขอรับ…”
อีกนิดเดียวก็จะหลุดปากเรียกว่า ‘ฮูหยิน’ ออกไปแล้ว
จ่างซุนเสินหรงชี้ๆ ไปที่เรือน “เขากลับมาที่นี่บ่อยเพียงไร”
ก่วงหยวนตระหนักได้ทันทีถึงผู้ที่นางถามว่าคือผู้ใด จึงพูดอย่างโมโหว่า “คุณชายกลับมาไม่ค่อยบ่อยขอรับ”
ไม่ใช่แค่ไม่บ่อย เกือบจะไม่กลับมาเสียด้วยซ้ำ ที่จริงห้องหลักห้องนั้นก่วงหยวนก็จัดตกแต่งเป็นพิเศษตามแบบของที่บ้านสกุลซานนั่นเอง เขาติดตามซานจงมานานหลายปี ย่อมต้องรู้สึกว่าการที่คุณชายละทิ้งวงศ์ตระกูลมาเช่นนี้จะไม่น่าเสียดายเลยหรือไร เดิมหวังว่าจะสามารถชักนำให้คุณชายระลึกถึงอดีตขึ้นมา และจะดีที่สุดถ้าทำให้เขากลับใจเปลี่ยนความคิด หวนคืนสู่บ้านสกุลซานอีกครั้ง แต่คุณชายไม่ได้กลับไปเลย กลับยึดจวนบัญชาการเป็นบ้าน พักอยู่คราเดียวก็สามปีแล้ว
กับคำตอบนี้จ่างซุนเสินหรงไม่รู้สึกผิดคาดเลยสักนิด หรือว่าบุรุษผู้นั้นจะเป็นอย่างที่เห็นที่จวนบัญชาการในวันนั้นจริงๆ “เช่นนั้นก็หมายความว่า…” นางลากเสียงยาว “ที่นี่ยังไม่เคยมีนายหญิงคนใหม่เลย?”
ก่วงหยวนอึ้งงันไป ยังไม่ทันได้ตอบคำเสียงหัวเราะของสตรีผู้หนึ่งก็ดังเข้ามา “คุณหนูกำลังพูดถึงไม่มีนายหญิงอะไรกัน ในเมื่อมาอยู่ที่นี่แล้วท่านก็ทำเหมือนว่าตนเองเป็นเจ้านายของที่นี่ก็ได้”
จ่างซุนเสินหรงหันหน้าไป ที่แท้ก็เป็นเหอซื่อฮูหยินของจ้าวจิ้นเหลียนมาแล้ว
นางเม้มปากไม่พูดอะไร เดิมทีคิดจะสืบถามเบื้องลึกเบื้องหลังของบุรุษผู้นั้นสักหน่อย ก็ไม่รู้ว่าเหอซื่อได้ยินไปสักเท่าไร คำพูดที่แต่เดิมคือวาจาต้อนรับอันสุภาพประโยคหนึ่งนี้พลันเปลี่ยนความหมายไปแล้ว
เหอซื่อยิ้มพลางเดินเข้ามาหา “ทำให้คุณหนูต้องลำบากแล้ว”
จ่างซุนเสินหรงอดแปลกใจไม่ได้ “ข้ามีความลำบากอย่างไรหรือ”
เหอซื่อเอ่ยว่า “ได้ยินข่าวว่าเมื่อสองวันก่อนที่ท่านรองเสนาบดีจ่างซุนเข้าไปในภูเขา ท่านก็ติดตามไปด้วยตลอด นั่นไม่ใช่ลำบากมากหรอกหรือ”
จ่างซุนเสินหรงเข้าใจแล้วก็รู้สึกว่าน่าหัวเราะ คนข้างนอกไหนเลยจะรู้ว่าการที่นางเข้าไปในภูเขาเพราะมีความจำเป็น ไม่แน่ยังจะนึกว่านางตามไปเที่ยวชมทิวทัศน์บนภูเขาเสียอีก
ไม่รอให้นางกล่าวอะไรเหอซื่อก็พูดอีกว่า “เป็นเพราะข้าละเลยเอง ไม่อาจแสดงไมตรีจิตของเจ้าบ้านได้เต็มที่ ถึงทำให้คุณหนูต้องไปผ่อนคลายอารมณ์บนภูเขานั่น วันนี้จึงจงใจมาเชื้อเชิญคุณหนูไปร่วมสังสรรค์กัน ยังหวังว่าท่านอย่าได้ปฏิเสธก็คงจะดี”
เหอซื่อพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หากจ่างซุนเสินหรงปฏิเสธออกไปตรงๆ กลับจะเป็นการไม่ดี จ่างซุนเสินหรงจึงพยักหน้าตกลงแล้ว
ก่วงหยวนที่หงุดหงิดมาตลอดพูดขึ้นทันที “ท่านผู้สูงศักดิ์จะออกไปข้างนอก เช่นนี้ข้าจะไปเตรียมรถม้า”
เหอซื่อมองเงาด้านหลังของเขาที่จากไป แล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า “แต่ไหนแต่ไรมามีเพียงผู้บัญชาการซานเท่านั้นที่สามารถสั่งก่วงหยวนให้ทำงานได้ ยากนักที่เขาถึงกับยอมเชื่อฟังคุณหนูอย่างเกรงใจเช่นนี้”
“อย่างนั้นหรือ” จ่างซุนเสินหรงคิดในใจว่านี่จะแปลกอันใด จะดีจะชั่วครั้งหนึ่งก็เคยปรนนิบัติรับใช้นางมาครึ่งปี ยิ่งไปกว่านั้นก็น่าจะเป็นเพราะหนังสือขอแยกทางฉบับนั้นที่เขาเป็นคนส่งมาตรงหน้านางเองกับมือ ตอนนี้ในใจคงมีความวิตกกังวลเท่านั้นเอง
ตอนที่จื่อรุ่ยกับตงไหลหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาติดตามจ่างซุนเสินหรงออกจากประตูมา ก่วงหยวนก็เตรียมรถม้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เหอซื่อเห็นเขาไม่เพียงจัดการได้อย่างถี่ถ้วนเรียบร้อย คนยังยืนรออยู่ที่ข้างรถอีกด้วย ก็ยิ่งเกิดความประหลาดใจ จึงพูดตรงๆ ว่า “ข้าว่าก่วงหยวนทุ่มเทเอาใจใส่คุณหนูเป็นอย่างดี มิสู้พาเขาไปคอยรับใช้ด้วยจะดีกว่านะ”
ก่วงหยวนตกตะลึงไป กระนั้นยังคงรีบวางที่วางเท้าให้จ่างซุนเสินหรงทันที
จ่างซุนเสินหรงมองเขาอยู่ชั่วขณะ ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธก็ขึ้นรถไปแล้ว
กลับเป็นจื่อรุ่ยกับตงไหลที่มองหน้ากันเงียบๆ แวบหนึ่ง รู้สึกว่าประหลาดพิกล สถานการณ์นี้เหมือนกับตอนที่ยังอยู่ที่บ้านสกุลซานในเมื่อก่อนไม่มีผิด