จ่างซุนเสินหรงเหลือบมองไปทางสามคนนั้นแวบหนึ่ง ชายหนวดเคราครึ้มสวมเสื้อตัวสั้นเนื้อหยาบหนา ที่หน้าผากคาดผ้าเอาไว้ ที่เอวเหน็บกริชไว้เล่มหนึ่ง เปรียบกับตอนที่อยู่ในจุดพักม้าดูต่างกันมาก นางไตร่ตรองอยู่ในใจสักครู่ก็มีแผนการในใจแล้ว จึงมองดูบุรุษผู้นั้นอย่างพินิจพิจารณา “ท่านทำสิ่งใดถึงกับต้องใช้คนกลุ่มนี้?”
ซานจงเมินคำถามของนางไปเสียอย่างนั้น “คนกลุ่มใด”
จ่างซุนเสินหรงมองไปทางปากตรอกที่ชายหนวดเคราครึ้มจากไป “หลายคนนั้น…เป็นพวกลู่หลิน?”
หากพูดให้น่าฟังสักหน่อยก็คือจอมยุทธ์พเนจรในยุทธภพ พูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อยก็คือพวกลี้ภัยเดนตายที่กล้าทำทุกอย่างทั้งลักขโมยจี้ปล้น ฆ่าคนวางเพลิง ไม่แปลกที่ตอนอยู่ในจุดพักม้าคนพวกนั้นถึงได้ก้าวร้าวขั้นนั้น อ้าปากก็ผู้สูงศักดิ์บ้าบออยู่ทุกคำ
สายตาที่ซานจงมองนางไหวระริก “ใครเป็นคนบอกเจ้า”
นี่ดูเหมือนไม่ใช่สิ่งที่นางจะรู้ได้
“แค่มองก็ดูออกแล้ว เสื้อผ้าพวกนั้นดูออกได้อย่างชัดเจนมาก” ตั้งแต่เล็กนางก็ศึกษาค้นคว้าเรื่องภูเขาแม่น้ำลำธารหนองบึง พวกคนทุกประเภทก็เคยเห็นมามากแล้ว เหอซื่อพูดไว้ไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว บุรุษผู้นี้จัดการควบคุมพวกอันธพาลผู้ร้ายได้อย่างอยู่หมัดจริงๆ แม้แต่พวกลู่หลินก็สามารถเอามาใช้ทำงานให้เขาได้
ซานจงยิ่งพินิจพิจารณานางอย่างละเอียดมากขึ้น บางทีเขาอาจจะประเมินนางต่ำเกินไป
จ่างซุนเสินหรงแทบจะพิงอยู่ที่หน้าต่างไปครึ่งตัวแล้ว มือหนึ่งยันคางพูดว่า “เป็นถึงผู้บัญชาการทหารรักษาเมืองของท้องถิ่น กลับคลุกคลีอยู่กับพวกอันธพาลผู้ร้าย ซ้ำยังอนุญาตให้พวกเขาเข้าพักในจุดพักม้าได้อีก ไม่รู้จริงๆ ว่าโยวโจวอันใหญ่โตแห่งนี้มีกฎหมายอยู่ที่ใด”
ซานจงมองดวงตาคู่ที่เป็นประกายแพรวพราวของนางแล้วก็นึกขบขัน
“ข่มขู่ข้าหรือ” เสียงของเขาเข้มขึ้นกะทันหัน “แล้วอย่างไร ข้าก็คือกฎหมายของโยวโจว”
จ่างซุนเสินหรงตะลึงงันอยู่บ้าง ยิ่งมองดูใบหน้าของซานจงให้ชัดขึ้น เขามีคิ้วเรียวดุจกระบี่นัยน์ตาดุจดวงดาวอยู่แท้ๆ ทว่าแววตากลับเปี่ยมด้วยความชั่วร้าย เหมือนกับกำลังข่มขู่นางอยู่อย่างไรอย่างนั้น ช่างเป็นบุรุษที่อวดดีเสียจริงๆ
“เช่นนั้นก็บังเอิญแล้วล่ะ” นัยน์ตานางกลอกกลิ้งเล็กน้อย นิ้วมือที่ยันคางอยู่เคาะๆ อยู่บนแก้ม “ท่านจงรู้ไว้ ข้าผู้นี้ชอบที่จะท้าทายกฎหมายเสียให้ได้ โดยเฉพาะ…กฎหมายโยวโจวของพวกท่าน”
หัวคิ้วซานจงกระตุก นัยน์ตาดำขลับจ้องนางนิ่ง ฟังออกว่าในวาจาของนางมีนัยแฝงอยู่
ที่นอกห้องเหอซื่อไม่ได้รู้เรื่องอะไรแม้แต่น้อย นางเอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม “คุณหนูเลือกจนพอใจแล้วหรือไม่”
จ่างซุนเสินหรงที่อยู่ในห้องยื่นมือข้างหนึ่งมาเปิดฝากล่องกำยาน ปลายนิ้วจิ้มลงไปทีหนึ่ง แล้วยื่นมือส่งออกไป ยกนิ้วไปตรงเบื้องหน้าเขา “หอมหรือไม่”
ผงกำยานปลิวเล็กน้อย กลิ่นหอมลึกล้ำลอยอ้อยอิ่งอยู่ที่ปลายจมูกของซานจง เขามองนิ้วมือที่ขาวเรียวเหมือนกับต้นหอมของนาง แล้วก็มองไปที่ด้านหลังของนางอีกแวบหนึ่ง ค่อยๆ เหยียดตัวตรง “ถามตัวเจ้าเองเถิด”
เหอซื่อเข้ามาแล้ว จ่างซุนเสินหรงก็นั่งตัวตรง ก่อนหันกลับไปในห้องยิ้มพลางตอบกลับเสียงดัง “เลือกเสร็จแล้วล่ะ” ตอนที่เหลือบมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง นางก็ไม่รู้สึกผิดคาดสักนิดที่ไม่เห็นเงาร่างของบุรุษผู้นั้นแล้ว
นอกปากตรอกก่วงหยวนจะมาพบผู้เป็นนาย กลับถูกหูสืออีสกัดขวางเอาไว้พอดี
เขาเพิ่งจะเห็นรถม้าที่จอดอยู่หน้าประตูร้านขายกำยาน แล้วยังมีตงไหลองครักษ์ข้างกายคุณหนูเอาแต่ใจตัวผู้นั้นอีก จึงลากก่วงหยวนมาถาม “เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าก็มาคอยรับใช้คุณหนูเอาแต่ใจตัวผู้นั้นแล้วล่ะ ประหลาดจริงๆ ข้าเห็นท่านหัวหน้าก็ดูแปลกไปมากเหมือนกัน เพิ่งจะพบสตรีผู้นั้นเป็นครั้งแรกก็ยอมอ่อนข้อให้นางแล้ว จากนั้นบอกว่าจะไม่ไปคุ้มครองนาง แต่สุดท้ายกลับส่งนางเข้าไปในภูเขาอีก เจ้าพูดซิ ก่อนหน้านี้เขาเคยยอมให้ผู้ใดบ้าง!”
ก่วงหยวนอ้าปากแล้วก็หุบไปอีก ผลักหูสืออีออกไปให้พ้นทางแล้วก็จากไป “ข้าไม่รู้!”
หูสืออีเบิ่งตามองดูเงาด้านหลังของก่วงหยวนแล้วด่าว่า “นี่มันวาจาผายลมหรือไร รู้ด้วยหรือว่าข้าจะถามอะไรเจ้า!” พูดจบเขาก็เห็นซานจงเดินออกมาจากปากตรอก เดินไปพลางมือข้างหนึ่งก็ตบๆ ที่สาบเสื้อด้านหน้าไปด้วย
หูสืออีเดินเข้าไปหาผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว สูดจมูกทีหนึ่ง แล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อดูเขา “ท่านหัวหน้า ไฉนบนตัวท่านถึงมีกลิ่นหอมเล่า”
ซานจงดึงสาบเสื้อลง กลิ่นหอมจุดนั้นไม่เพียงทิ้งกลิ่นไว้ชั่วขณะ ถึงกับยังคงหอมอยู่ไม่คลาย เขาเหลือบมองทางหางตาผ่านปากตรอกไป “เจ้าดมผิดแล้ว”