เช้าวันต่อมาในจวนบัญชาการทหารก็มีการฝึกเหมือนเช่นปกติ
ซานจงได้ยินพลทหารมารายงานว่ามีคนส่งข่าวมาจากทางจวนพักขุนนาง บอกว่าคณะของรองเสนาบดีจ่างซุนอยากจะเข้าไปในภูเขา เขาจึงออกมาจากลานฝึกซ้อมเรียกหาจางเวย
หูสืออีที่เพิ่งไปเฝ้าเวรยามภายในเมืองวิ่งเหยาะๆ เข้ามา “ท่านหัวหน้า จางเวยไปตั้งแต่เช้าแล้ว ข้ากลับได้ยินข่าวที่ส่งมาแจ้งว่ารองเสนาบดีจ่างซุนระบุชื่อว่าต้องการให้ท่านไป บอกว่ามีเรื่องจะถามท่านขอรับ”
“จ่างซุนซิ่น?” ซานจงสวมเกราะแขนพลางคิดในใจว่า หรือว่าวันนี้จ่างซุนเสินหรงไม่ได้ไปแล้ว
หูสืออีเอ่ยกับเขา “ตอนที่ข้าเพิ่งออกจากเมืองก็เจอกับจางเวยแล้ว เห็นพวกเขาเร่งรุดไปที่ภูเขาอย่างเรียบร้อย ดูไม่ค่อยเหมือนกับเมื่อครั้งก่อน ทั้งยังนำเครื่องมือไปด้วย”
ซานจงครุ่นคิดอยู่สักครู่ก็หยิบดาบขึ้นมา แล้วออกไปข้างนอก
หูสืออีก็ไม่รู้ว่าหัวหน้าตนเตรียมจะทำอะไรกันแน่ ได้แต่พาคนในหน่วยของตนเองติดตามไป ตอนที่กำลังจะออกจากจวนบัญชาการถึงได้มีอาการตอบสนองกลับมา…นี่เพิ่งจะกี่ครั้งเอง เหตุใดถึงดูเหมือนว่าเคยชินไปแล้วล่ะ จะไปคอยรับใช้คุณหนูเอาแต่ใจตัวอีกแล้วหรือ
ถึงแม้ในส่วนลึกของภูเขาจะมีคนพร้อมม้าจำนวนมากเดินทางมาติดๆ กันอยู่หลายเที่ยว ทว่าเส้นทางในภูเขากลับไม่มีร่องรอยของการถูกเหยียบย่ำแต่อย่างใด
ตอนที่ซานจงขี่ม้าเข้าไปในภูเขาเขากวาดตามองดูเป็นพิเศษแล้วรอบหนึ่งก็รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง หลายครั้งที่สกุลจ่างซุนเข้าไปในภูเขานี้กลับเหมือนดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่น่าจะเคยมาที่โยวโจวนี้มาก่อน
ในภูเขามีเงาคนตะคุ่มๆ อยู่ก่อนแล้ว เขาอยู่บนหลังม้ามองเห็นคนที่จ่างซุนซิ่นพามาเดินตรงเข้าไปในเขาวั่งจี้อย่างเอิกเกริก เหมือนกับที่หูสืออีบอกไว้จริงๆ ทั้งหมดนำเครื่องมือมาด้วยเหมือนกับมาเพื่อจะขุดภูเขา
จนกระทั่งถึงหล่มโคลนที่ผ่านไปเมื่อวันนั้นซานจงจึงหยุดม้าเอาไว้ สายตากวาดไปรอบหนึ่ง แล้วพลันหยุดลงเมื่อมองเห็นเงาร่างของสตรียืนรับลมอยู่
นางมาอีกแล้ว เขายิ้มเล็กน้อย รู้ในทันทีว่าคนที่เจาะจงให้เขามาคือผู้ใด เข้าใจได้โดยไม่ต้องมีใครบอก
จ่างซุนเสินหรงยืนอยู่โดยมีจื่อรุ่ยกำลังถอดเสื้อคลุมให้ นางมองออกไปทางด้านนอกของภูเขาก็เห็นบุรุษที่พกดาบขี่ม้าผู้นั้นแล้ว
“เสร็จแล้วหรือไม่” นางเอ่ยเร่งรัด
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” จื่อรุ่ยเก็บเสื้อคลุมอย่างว่องไวและถอยออกไป
จ่างซุนเสินหรงเดินไปทางด้านนั้น
ซานจงลงจากม้าพอดี พอหันกลับมาก็เห็นนางแล้ว
“คราวนี้กลับยอมมาด้วยตนเองได้แล้วหรือ” นางก็สวมชุดของชาวหูโดยรัดตรงข้อมือให้แคบ ตัวเสื้อกระชับเข้ากับเอวคอดบาง นางยืนตัวตรงอยู่เบื้องหน้าเขา
“มาดูๆ สักหน่อยว่าพวกเจ้าตกลงไปในหล่มโคลนแล้วหรือไม่” สายตาซานจงกวาดผ่านร่างของนางไปคราหนึ่ง เขาโยนสายบังเหียนทิ้งไป “อย่าได้พอถึงเวลาแล้วช่วยไม่ทันเล่า”
“ดูถูกข้ารึ” จ่างซุนเสินหรงบ่นพึมพำ คิดในใจว่าขอแค่มีนางอยู่ พื้นที่พวกนั้นก็เลี่ยงได้ตั้งนานแล้ว จู่ๆ นางก็เอ่ยถามว่า “ถ้าพวกเขาตกลงไปจริงๆ ท่านจะช่วยอย่างไร” พูดแล้วนางก็มองดูที่เอวของเขาด้วยสายตามีเลศนัยไปด้วย
ซานจงเห็นสายตาของนางก็ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ควรช่วยอย่างไรก็ช่วยอย่างนั้น”
ล้วนเป็นบุรุษกันทั้งนั้น จะช่วยอย่างไรก็ได้ นางคิดว่าจะเหมือนกับที่เขาทำกับนางในวันนั้นทั้งหมดเชียวหรือ เขาถึงกับรู้สึกขบขันอยู่บ้างว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่
“ได้ยินว่าวันนี้พี่ชายของเจ้ามีเรื่องจะถามข้า” เขาเข้าเรื่อง
จ่างซุนเสินหรงพูด “ข้าต่างหากที่มีเรื่องจะถามท่าน”
ซานจงกอดดาบเอาไว้ในวงแขนเพราะเดาออกตั้งนานแล้ว จึงไม่รู้สึกผิดคาด “ถามสิ”
จ่างซุนเสินหรงชี้ไปทางด้านหนึ่ง “หล่มโคลนทางด้านนั้นไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เดิมทีพื้นที่แถบนั้นชื้นแฉะมากใช่หรือไม่”
“อืม” ก็เพราะเป็นอย่างนี้ถึงสามารถเอามาทำเป็นกับดักได้ ซานจงมองนาง “เจ้าถามเรื่องนี้ไปไย”
“ท่านเดาดูสิ” นางเบิ่งตาโตมองดูเขา แววตาสีหน้ามีสีสันเป็นประกายอยู่ท่ามกลางสายลมภูเขา
ซานจงมองนางอีกครั้งก่อนจะเบนสายตาไป รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก “ต่อไปถ้าจะถามเรื่องพวกนี้ให้ไปถามจางเวย”
“ข้าจะถามแต่ท่านเท่านั้น”
เขากลอกตา ถูกน้ำเสียงที่เอาแต่ใจตัวของนางทำให้ขบขันไปแล้ว รอจนหันกลับมามองอีกที กลับเห็นนางเดินไปเดินมาอย่างช้าๆ อยู่ข้างหน้า เหมือนกับกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่างอยู่ ชายเสื้อชุดชาวหูของนางถูกนิ้วมือของนางจับเอาไว้ ค่อยๆ ม้วนทีละนิดๆ
ไม่นานนักนางก็มองมาที่ใบหน้าของเขาอีก “ท่านรอก่อน”
นางพูดจบก็เดินไปจากข้างหน้าแล้ว
ซานจงมองดูนางจากไป มือก็ดึงบังเหียนขึ้นมา บอกให้ข้ารอก่อน? ให้รอนางกลับมาเพื่ออันใดกัน
“ฉงจวิน” อยู่ๆ ก็มีเสียงคนเรียกเขาขึ้นมา
ในที่ไกลออกไปมีคนขี่ม้าอย่างช้าๆ ลงมาจากภูเขา จ้าวจิ้นเหลียนพาผู้ติดตามขบวนหนึ่งเข้ามาหาแล้ว
เขาลงจากม้าก่อนเดินเข้ามาใกล้ คงจะดูออกว่าซานจงกำลังจะจากไปจึงขวางไว้ทันที “ขุดหาแร่เป็นเรื่องใหญ่ เจ้ากับข้าล้วนต้องอยู่ช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่สามารถไปอธิบายกับเบื้องบนได้”
ซานจงชี้ไปที่จางเวยกับหูสืออีที่เฝ้าอยู่ด้านหน้า “นี่ยังไม่ถือว่าข้าช่วยหรือ”
จ้าวจิ้นเหลียนพูดเบาๆ ตรงหน้าเขาหลายประโยค เมื่อวันก่อนจวนจ้าวกั๋วกงมีจดหมายมาถึงจวนว่าการโยวโจว บอกว่าห่วงใยชาวบ้านโยวโจวอยู่บ้าง ก่อนจะจบจดหมายกลับถามว่าพื้นที่ภูเขาในโยวโจวปลอดภัยดีหรือไม่ เขาก็คาดการณ์ได้แล้วว่านั่นคือการแนะนำให้เขาช่วยเหลือเรื่องขุดหาแร่ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญให้มากๆ