“ข้าคิดจะเขียนจดหมายไปถึงท่านจ้าวกั๋วกง แจ้งว่ามีเจ้าเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่นี่ คาดว่าน่าจะทำให้เขาสบายใจได้” จ้าวจิ้นเหลียนกล่าว
ซานจงหมุนด้ามดาบเล่นอยู่ “ข้าขอแนะนำว่าอย่าได้บอกจะเป็นการดีที่สุด”
จ้าวจิ้นเหลียนอึ้งงันไป กำลังจะถามว่าเพราะเหตุใด ก็พลันนึกถึงเรื่องที่จ่างซุนซิ่นพูดต่อหน้าคนทั้งหลายเมื่อคราวก่อนว่าซานจงสายตาไม่ดี เขาจึงขบคิดทันทีว่าน่ากลัวสองคนนี้คงจะมีปมปัญหากันมาก่อน แผ่นหลังเขาพลันมีเหงื่อซึมออกมา คิดอยู่ในใจว่า โชคดีที่ยังไม่ได้เขียนไป
“นิสัยของท่านนี้ควรจะเปลี่ยนสักหน่อยนะ” จ้าวจิ้นเหลียนทอดถอนใจ รู้สึกสังหรณ์ใจว่าตอนที่ซานจงยังหนุ่มแน่นคงจะก่อเรื่องเอาไว้เป็นแน่ ใครใช้ให้ตัวของซานจงมีนิสัยไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดินกันเล่า พูดจบเขาก็โบกๆ มือไปทางด้านหลัง พวกผู้ติดตามที่มาด้วยกันก็นำน้ำชาร้อนๆ ไปให้คนของจ่างซุนซิ่นแล้ว
“ระหว่างพวกท่านต้องคลี่คลายกันสักหน่อย เงยหน้าไม่เจอก้มหน้าก็ต้องเจอ* กันอยู่ดี ท่านยังเป็นหัวหน้าของทหารรักษาการณ์ทั้งพื้นที่นี้ด้วย จากนี้ไปยังอยากจะไต่เต้าต่อไปอีกหรือไม่เล่า” จ้าวจิ้นเหลียนทอดถอนใจอีกครา เอาแต่ส่ายหน้า
ซานจงกลับหัวเราะร่วนออกมาแล้ว เขายังไม่เคยคิดถึงเรื่องไต่เต้าในหน้าที่การงานมาก่อนเลย
“ท่านหัวเราะอะไร” จ้าวจิ้นเหลียนสงสัย
“ไม่มีอะไร”
“ช่างเถอะ พรุ่งนี้ท่านมาที่จวนว่าการหน่อยเถิด” จ้าวจิ้นเหลียนพูดจบก็ยกชายชุดขุนนางขึ้น เดินโขยกเขยกไปหาจ่างซุนซิ่นด้วยตนเอง
ซานจงเดิมคิดจะจากไปอยู่แล้ว แต่พลันนึกถึงเหตุการณ์คราวก่อนขึ้นมา คิดๆ แล้วก็หยุดเท้ามองไปที่จ่างซุนเสินหรง จากนั้นสองตาก็หรี่ลงทันที สองมือเขากอดอก นางยังคงนำอยู่ข้างหน้าเช่นนั้นอยู่เหมือนเดิม
จ่างซุนเสินหรงมองไปยังหล่มโคลนที่อยู่ไกลๆ ข้างหน้าแวบหนึ่ง แล้วก็มองดูยอดเขาที่เบื้องหน้าอีกที
โยวโจวตั้งอยู่ทางภาคเหนือ ยอดเขาไม่สม่ำเสมอกัน แม้แต่สภาพผิวดินข้างในก็เปลี่ยนแปลงจนนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีบริเวณที่ชื้นแฉะทั้งแถบเช่นนี้อยู่ด้วย
จ่างซุนซิ่นเดินเข้ามาถาม “เป็นอย่างไร”
“สำรวจภูมิลักษณ์อย่างเดียวคงจะไม่พอแน่นอน” นางกล่าว “ต้องเจาะภูมิลักษณ์ถึงจะได้”
จ่างซุนซิ่นพยักหน้า หันกลับไปเรียกคนมา
ตงไหลนำหน้ามาก่อน บรรดาองครักษ์แต่ละคนแต่งกายเรียบร้อย ในมือถือเครื่องมือที่พวกเขาเอามาด้วยในตอนที่มา เป็นพลั่วเหล็กขุดเจาะภูเขาสร้างขึ้นจากเหล็กชั้นเยี่ยม ทั้งยังเป็นแร่เหล็กที่พวกเขาขุดหาพบในสมัยก่อนด้วย
การเจาะภูมิลักษณ์ก็คือการสั่งให้คนขุดพื้นดินลึกลงไปสามฉื่อ* เพื่อสำรวจ แต่จะต้องขุดให้ถูกที่ถึงจะเห็นผล จ่างซุนเสินหรงหยิบม้วนหนังสือออกมาดูอีกรอบ พอเก็บแล้วก็พูดว่า “ตามข้ามา”
นางก้าวเดินช้าๆ ไปตามแนวของหล่มโคลน ค่อยๆ คำนวณระยะทางไปด้วย หลังจากยืนนิ่งแล้วก็พูดขึ้น “ขุดที่ตรงนี้สามฉื่อ และตลอดทางไปจนถึงตาภูเขาวั่งจี้ รอจนถึงทางมุมตะวันออกของภูเขาข้างแม่น้ำนั่น ที่ริมตลิ่งค่อยขุดลงไปอีกสามฉื่อ มีอะไรโผล่ออกมาต้องมารายงานให้หมด”
ตงไหลรับคำสั่ง ทุกคนรีบลงมือขุดทันที
จ่างซุนซิ่นเดินขึ้นมาข้างหน้าคอยบังฝุ่นละอองให้นาง “ภูมิลักษณ์ไม่ใช่จะขุดเจาะออกมาได้ในเวลาสั้นๆ เจ้ากำหนดตำแหน่งแน่นอนก็พอแล้ว อย่าได้ทนรับความลำบากอยู่ที่นี่เลย”
พอมองเห็นจ้าวจิ้นเหลียนเดินตรงมาหาแต่ไกลเข้า จ่างซุนเสินหรงจึงหันกลับไปตามเส้นทางเดิม นึกถึงที่เมื่อครู่นางบอกบุรุษผู้นั้นให้รอนางก่อน ตอนที่กำลังจะไปจ่างซุนซิ่นก็เดินมาเรียกนางไว้ก่อน นางได้ยินจ้าวจิ้นเหลียนพูดเสียงดังว่า “พรุ่งนี้ข้าจัดงานเลี้ยงที่จวน ขอเชิญท่านทั้งสองให้เกียรติไปร่วมงานด้วย…”
ซานจงที่อยู่ทางด้านนี้มองอยู่จนถึงตอนนี้ ก่อนรู้สึกว่าตนเองดูอยู่นานเกินไปแล้วจริงๆ
กระทั่งจ่างซุนเสินหรงได้เดินอย่างงามสง่ามาถึงตรงเบื้องหน้าเขาแล้ว “ข้ายังนึกว่าท่านจะไม่รอแล้วเสียอีก”
เขาถาม “รอใคร”
นางจงใจมองไปรอบๆ “ที่นี่ยังมีผู้อื่นอีกหรือ”
เชิงอรรถ
บนใบหน้าของซานจงเผยรอยยิ้มที่ดูเสเพลอันตรายขึ้นมาทันที จากนั้นก็ไม่พูดอะไร เขารู้ดีว่ายามใดควรพูดไม่ควรพูด อย่างเช่นในขณะนี้
จ่างซุนเสินหรงไม่ต้องรอให้เขาพูด เพียงเห็นแค่รอยยิ้มของเขานางก็คิดในใจว่า ยิ้มอะไรนักหนา ใบหน้านางบึ้งตึงขึ้นทันที
* เงยหน้าไม่เจอก้มหน้าก็ต้องเจอ เป็นสำนวน หมายถึงอยู่ในสถานที่เดียวกัน อย่างไรก็ต้องเจอกันจนได้
* ฉื่อ (เชียะ) เป็นหน่วยวัดความยาวของจีน สมัยโบราณเทียบระยะประมาณ 10 นิ้ว หรือหนึ่งส่วนสามเมตร ปัจจุบันยังใช้คำนี้ในความหมายว่า ‘ฟุต’
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 31 ส.ค. 65 เวลา 12.00 น.