ตอนหลีซูซูพุ่งชนเขา เขาแน่วนิ่งไม่ขยับ ทว่าตอนสบตากับนาง เขาเบนสายตาออกไปอย่างลนลานเล็กน้อย
เด็กหนุ่มประคองนางพลางเอ่ยเสียงค่อย “ขออภัยคุณหนูสาม ข้ามาช้าเสียแล้ว”
หลีซูซูจับต้นชนปลายไม่ถูก ได้แต่ส่ายหน้า
ระหว่างที่โต้ตอบกันไปมาไม่กี่คำ พวกโจรภูเขาบ้างล้มตาย บ้างบาดเจ็บ พวกที่รอดชีวิตก็หนีไปหมดแล้ว
ทหารข้างหลังเด็กหนุ่มกุมกำปั้นคารวะหลีซูซู “คุณหนูสาม! ข้าน้อยมาช้า”
หลีซูซูคิดถึงสาวใช้ที่ผลักตนออกและบอกให้ตนหนีไปก่อน ก่อนเหลือบตาขึ้นเอ่ยว่า “อิ๋นเชี่ยวยังอยู่ในมือพวกเขา โปรดช่วยข้าตามหาอิ๋นเชี่ยวด้วย”
นัยน์ตาดำเข้มของเด็กหนุ่มจ้องมองนาง “ได้ ข้าจะส่งคนไปตามหา”
เหล่าทหารแยกย้ายกันไปตามหาอิ๋นเชี่ยว
เด็กหนุ่มหลุบตาลงพร้อมเอ่ยถาม “ท่านบาดเจ็บหรือ”
ยังไม่รอให้หลีซูซูตอบ เขาก็ช้อนอุ้มตัวนางขึ้นมาเงียบๆ
ถูกบุรุษแปลกหน้าอุ้มกะทันหัน หลีซูซูมีความรู้สึกต่อต้านหลายส่วน นางไม่เข้าใจสถานการณ์ ในชั่วเวลาสั้นๆ จึงมิกล้าขัดขืน ได้แต่ช้อนตาพิจารณาเขา
ตอนนี้เกิดปัญหาใหญ่อย่างหนึ่ง
แม้นางจะมีความทรงจำส่วนหนึ่งของเยี่ยซีอู้ แต่นางมิอาจจับคู่บุคคลในความทรงจำกับคนตัวเป็นๆ ได้อย่างถูกต้อง
ดังนั้น บุคคลตรงหน้าผู้นี้เป็นใครกันหนอ
อ้อมอกเขาไม่อบอุ่นแม้แต่น้อย กลับเย็นเยียบพอๆ กับอากาศรอบด้าน
หลีซูซูรู้สึกไม่สบายสักนิดเมื่ออยู่ในอ้อมกอดเขา นางหนาวจนตัวสั่น ขบคิดและเอ่ยว่า “ข้าเพิ่งตกลงมาจากเนินเขา ศีรษะถูกกระแทก ความทรงจำสับสนเล็กน้อย ขออภัยด้วย แต่ข้าจำเจ้าไม่ได้…”
พอพูดจบ ดวงตาของเด็กหนุ่มก็ฉายแววพิลึกพิลั่นหลายส่วน
อารมณ์เช่นนี้คงอยู่เพียงไม่นาน เขากลับเป็นปกติอย่างรวดเร็วพลางตอบว่า “ข้าชื่อถานไถจิ้น เมื่อสามเดือนก่อนพวกเราแต่งงานกัน”
ครั้นถ้อยคำนี้ถูกเอ่ยออกมา หลีซูซูร่างกายแข็งทื่อ เหลือบตาขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
เกล็ดหิมะตกลงบนเส้นผมของเด็กหนุ่ม ขับเน้นเนตรขนงของเขาจนดูราวกับน้ำแข็งและหิมะ
เด็กหนุ่มกอดนางแน่นขึ้นอีกนิด ถามเสียงเบาว่า “คุณหนูสาม ท่านหนาวหรือ”
เขามีนัยน์ตาสีนิลกับเส้นผมดำขลับ ดูอ่อนแอไร้พิษภัย
พอเห็นหลีซูซูมองประเมินเขา เขาหลุบตาลงอย่างสงบ ท่าทางนอบน้อมและขลาดกลัว
หลีซูซูร่างกายแข็งทื่อกว่าเดิม นางเม้มริมฝีปากแน่น ปกปิดอารมณ์ในดวงตา
หลีซูซูพันคิดหมื่นคาดก็คาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ดูงดงามอ่อนแอผู้นี้ กลับเป็นเป้าหมายของภารกิจนาง
เขาก็คือจอมมารในอนาคตที่ฆ่าคนเป็นเบือ ขยี้จิตวิญญาณมนุษย์จนแหลกสลายเป็นว่าเล่น
นางอิงแอบกับแผงอกเขา สัมผัสได้ว่าภายใต้รูปร่างสูงโปร่งนี้ เขาผ่ายผอมจนกระดูกทิ่มแทงคน
แทบจะในพริบตาเดียวกันนั้นเอง ในสมองของนางผุดวิชาเซียนนับร้อยที่สามารถสังหารคนได้
ความคิดนี้ของนางรุนแรงยิ่งนัก จนถึงขั้นแอบทำมือท่ามุทราเซียนจะลอบสังหารอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว
ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งนั้น
หลีซูซูหดมือกลับมา นึกขึ้นได้อย่างเชื่องช้าว่าบัดนี้นางเป็นมนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่ง
ร่างกายทั้งหนาวทั้งระบม หากเป็นเจ้าของร่างเดิม ป่านนี้คงประคองสติไว้ไม่อยู่แล้ว หลีซูซูฝืนทนมาได้ถึงตอนนี้นับว่าถึงขีดจำกัดสูงสุด
นางพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของคนผู้นี้ แต่นางไม่เหลือเรี่ยวแรงตั้งนานแล้ว อึดใจต่อมาสองตาของหลีซูซูก็ดับมืด สูญสิ้นสติสัมปชัญญะไป
ฝีเท้าที่ก้าวเดินของเด็กหนุ่มหยุดชะงัก
หลังจากนางหมดสติไปแล้ว เขาจึงหลุบตาลง มองเด็กสาวในอ้อมแขน
ใบหน้าของนางขาวซีด ดวงหน้าที่ปกติอวดโอ่โอหัง ชวนให้คนชิงชังรังเกียจ ภายใต้การขับเน้นของหิมะและน้ำแข็งหนาวเหน็บ ยามนี้กลับฉายแววอ่อนโยนบริสุทธิ์หลายส่วน
เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะเบนสายตาออกไปทันทีอย่างไม่ใส่ใจ และเดินออกจากรังโจรบนภูเขา
ไม่นาน ทหารใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่เยี่ยก็พาอิ๋นเชี่ยวสาวใช้ประจำตัวของเยี่ยซีอู้กลับมา
ร่างของเด็กผู้นั้นอยู่บนพื้นหิมะ
ถานไถจิ้นมองศพบนพื้นเงียบๆ
บนร่างของอิ๋นเชี่ยวมีแผลจากดาบหลายสิบแผล เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ตรงท้องมีรูและมีเลือดออก ใบหน้าเละเทะยับเยิน
กลิ่นคาวโลหิตเข้มข้นแผ่อวลอยู่กลางอากาศ
ทหารสอบถาม “จื้อจื่อ* จัดการอย่างไรดี”
เขาเหลือบตามองเพียงแวบเดียว ตอบด้วยน้ำเสียงเบาสบาย “ตายแล้วนี่ เช่นนั้นก็เผาเถอะ”
น้ำเสียงของเขาเบาหวิวผ่อนคลายราวกับกำลังพูดว่า ‘หิมะในฤดูเหมันต์ปีนี้ ช่างตกแรงจริงๆ’