ในฝัน ป้ายวิญญาณแถวหนึ่งห้อมล้อมหลีซูซูไว้ ราวกับให้กำลังใจและสนับสนุนนาง
หลีซูซูฟื้นขึ้นมา
นางมิได้อยู่บนผืนหิมะแห่งนั้นแล้ว กลับอยู่บนฟูกที่นอนใต้ร่างอันอบอุ่น ภายในห้องอวลด้วยกลิ่นหอมนุ่มนวลอ่อนจาง ถ่านไฟกำลังเผาไหม้อย่างโชติช่วง พาให้พวงแก้มของนางถูกย้อมด้วยสีแดงระเรื่อ
ดรุณีวัยสิบห้าสิบหกตรงหน้าผู้หนึ่งย่อกายคารวะอย่างระมัดระวัง “คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือ”
นางประคองหลีซูซู และป้อนน้ำให้หลีซูซูคำหนึ่ง
คอของหลีซูซูเจ็บระบมมาก นางสำลักจนไอออกมาหลายที ก่อนจะใบหน้าซีดเผือดลงในฉับพลัน
“คุณหนูไว้ชีวิตด้วย ชุนเถามิได้ตั้งใจเจ้าค่ะ”
กล่าวจบอีกฝ่ายก็เริ่มโขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า โขกจนพื้นเกิดเสียงดังปึงๆ ด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง
นี่เห็นได้ชัดว่ากลัวหลีซูซูมากเพียงใด
เจ้าของร่างเดิมเยี่ยซีอู้นั้นนิสัยร้ายกาจ แทบจะเรียกได้ว่าโหดร้าย ดูจากการที่หลีซูซูแค่ไอก็ทำผู้อื่นหวาดกลัวถึงขั้นนี้ ย่อมพอทราบได้
หลีซูซูส่ายหน้า พยายามไม่ทำให้นางตกใจ “เจ้าลุกขึ้นเถิด มิใช่ความผิดเจ้า”
ชุนเถาสังเกตสีหน้าของหลีซูซูอย่างกระวนกระวาย หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าคุณหนูรู้สึกไม่สบายตัว ต้องไม่ละเว้นนางง่ายๆ แน่
พอพินิจสีหน้าของคุณหนูโดยละเอียดแล้ว เห็นอีกฝ่ายไม่มีความคิดที่จะลงโทษตนจริงๆ ชุนเถาก็โล่งอก รีบวางถ้วยชาให้ดี
“ที่นี่ที่ใดหรือ” หลีซูซูเอ่ยถาม
สาวน้อยตอบว่า “ตอนนี้มิได้อยู่ในวัดแล้ว กลับมาที่จวนแล้วเจ้าค่ะ คุณหนู ท่านเป็นไข้อยู่สองวันเลยนะเจ้าคะ”
หลีซูซูถามต่อ “ชุนเถา ถานไถจิ้นล่ะ”
นางเรียกเขาว่า ‘จอมมาร’ บ้าง ‘สิ่งชั่วร้าย’ บ้าง ตามอย่างทุกคนในโลกบำเพ็ญเพียรจนชิน บัดนี้เมื่อต้องเรียกชื่อนี้กลับไม่คุ้น
ชุนเถาสังเกตสีหน้านาง ก่อนตอบเสียงค่อยว่า “หลังจากจื้อจื่อกลับจวนก็คุกเข่าอยู่บนพื้นน้ำแข็ง ชุนเถาคอยเฝ้าเขาไว้แทนท่านตลอด เขาไม่ได้ลุกขึ้นมาอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
หลีซูซูมองชุนเถาด้วยความแปลกใจ อะไรนะ คุกเข่า?
ภาพเหตุการณ์ส่วนหนึ่งวาบขึ้นในสมองอย่างประปราย ในที่สุดหลีซูซูก็นึกขึ้นได้ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร
นี่เป็นคำสั่งของเจ้าของร่างเดิมก่อนจะถูกโจรภูเขาจับตัวไป
หลีซูซูหมดสติไปสองวัน นั่นก็หมายความว่าถานไถจิ้นคุกเข่าท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บมาสองวันแล้ว
หลีซูซูขบคิดและถามชุนเถา “เจ้าหาคันฉ่องให้ข้าสักบานได้หรือไม่”
ชุนเถารีบยื่นคันฉ่องสำริดบานหนึ่งให้ นางลอบพิจารณาคุณหนูสาม นี่เป็นครั้งแรกที่คุณหนูสามใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเช่นนี้พูดกับตน
หลีซูซูพิเคราะห์ร่างกายของตนในยามนี้ ในคันฉ่องสะท้อนใบหน้าอ่อนเยาว์ดวงหนึ่ง อายุราวสิบหกสิบเจ็ด ดวงตาเมล็ดซิ่ง* เชิดขึ้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงชุ่มชื้นประหนึ่งผลอิงเถา* มิอาจกล่าวได้ว่างามพิลาส แต่ดูน่ามองเหมือนแม่นางน้อยข้างบ้านมากกว่า
หลีซูซูลองคลี่ยิ้ม ฉับพลันใบหน้าฉายแววสดใสเบิกบานขึ้นหลายส่วน
อันที่จริง ประเด็นสำคัญของหลีซูซูมิใช่การดูว่าเจ้าของร่างเดิมหน้าตาเป็นอย่างไร
นางพิจารณาคันฉ่องอยู่เป็นนาน
เนิ่นนานจนชุนเถาหวั่นวิตกและอดถามมิได้ “คุณหนู ท่านดูอะไรหรือเจ้าคะ”
คงมิใช่โมโหตนเองที่เกิดมาไม่งดงามมีเสน่ห์เท่าคุณหนูใหญ่อีกแล้วกระมัง
หลีซูซูคิดในใจ อาจารย์ลุงเคยสอนดูลักษณะใบหน้า ปากคือเหรินกุ่ย* อยู่ใจกลางอุดร ริมฝีปากแดงสดบ่งว่ามีบารมี ฟันขาวซี่ถี่เล็กสมดุล ย่อมมีชะตาได้เป็นใหญ่… แต่ใบหน้าในตอนนี้ไม่มีส่วนใดตรงกับสิ่งที่ว่ามาสักอย่าง ดูจากลักษณะใบหน้าแล้ว ต้องมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินอายุยี่สิบปีแน่นอน ช่างมีชะตาอายุสั้นโดยแท้
หลีซูซูสงสัยเหลือเกิน แม้ว่าอายุขัยของมนุษย์ธรรมดาจะสั้นเพียงหนึ่งร้อยปี แต่ร่างนี้อายุยังน้อยนัก กลับถูกลิขิตไว้แล้วหรือว่าต้องตายเร็ว
แม้ว่าหลีซูซูจะเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ก็มิอาจแก้ไขเส้นชะตาชีวิตได้
เช่นนั้นวันข้างหน้านางจะตายอย่างไรกันนะ
ไม่รู้เหตุใด จู่ๆ หลีซูซูก็คิดถึงจอมมารในวัยเยาว์ที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างนอก
เด็กสาวฝ่ายธรรมะหลีซูซูเหลือบตาขึ้นโดยพลัน
* จื้อจื่อ เป็นคำเรียกตัวประกันที่ถูกส่งไปอยู่แคว้นศัตรูในจีนสมัยโบราณ โดยมากมักเป็นโอรสของเจ้าผู้ครองแคว้นหรือผู้มีศักดิ์ฐานะสูงส่ง
* ซิ่ง หมายถึงแอปปริคอต เป็นพืชตระกูลเดียวกับเหมย (บ๊วย) ชาวจีนมักเปรียบความงามของดวงตาหญิงสาวว่ากลมโตเหมือนเมล็ดซิ่ง
* อิงเถา หมายถึงเชอรี่
* เหรินและกุ่ยเป็นตัวอักษรในแผนภูมิกิ่งฟ้า (เทียนกัน) ซึ่งมีทั้งหมดสิบตัวอักษร แต่ละอักษรเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการอธิบายรูปแบบพลังงานของศาสตร์ฉีเหมินตุ้นจย่า (ศาสตร์การทำนายในจีนสมัยโบราณ) โดยเหรินและกุ่ยถูกจัดให้เป็นอักษรธาตุน้ำตำแหน่งทิศเหนือ ศาสตร์การทำนายลักษณะใบหน้าของจีนถือว่าปากอยู่ในธาตุน้ำ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.